บ้านไหนที่เลี้ยงสุนัข คงหนีไม่พ้นปัญหาเห็บหมา หมัดหมา เป็นแน่ และพิษภัยของ “เห็บและหมัด” จัดว่าเป็นสิ่งที่ก่อความรำคาญ
และเป็นพาหะที่นำโรคภัยต่างๆ มาสู่สัตว์ แบบที่เรียกได้ว่าเป็นภัยใกล้ตัว ที่ไม่ควรมองข้ามเลย
เจ้าเห็บ-หมัด นี้สามารถนำโรคพยาธิในเม็ดเลือด (Ehrlichiosis, Babesiosis, Hepatozoonosis) มาสู่น้องสุนัข ทั้งนี้โรคดังกล่าวข้างต้น เป็นโรคที่เจอได้บ่อยในประเทศไทย
ก่อให้ปัญหาต่างๆ ตามมาได้ อย่างเช่น โรคเลือดจาง, โรคตับ, โรคไต และอีกหลายโรค อาการที่มักเริ่มสังเกตุได้คือ ซึมลง, เบื่ออาหาร, มีไข้ตัวร้อน, เหงือกหรือลิ้นซีดลง ฯลฯ
นอกจากนี้บริเวณที่โดนเห็บ-หมัดกัด ยังเป็นสาเหตุให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สัตว์เลี้ยงเป็นโรคผิวหนัง
ที่เรียกว่า “โรคแพ้น้ำลายหมัด”(flea allergic dermatitis) หรือน้องสุนัขอาจจะมีอาการคันและเกา จนทำให้เกิดแผลอักเสบติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้นตามมาได้
และถ้าหากว่าเจ้าของไม่เอาใจใส่ปล่อยให้น้องหมาสั่งสมเห็บ-หมัดเป็นปริมาณมาก คงไม่เป็นการดีแน่ เพราะอาจทำให้น้องหมาแสนรักของท่านเสียชีวิตได้
" หมัด" หมัดเป็นปรสิตที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนไหวโดยการกระโดด หมัดสามารถกระโดดได้สูงกว่าความสูงของมันราว 100 เท่า แมวส่วนใหญ่จะเป็นพาหะของหมัด
หมัดที่พบในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นชนิดที่เรียกว่าCtenocephalides felis หมัดชนิดนี้อาศัยได้ทั้งในแมว และสุนัข ตัวเต็มวัยของหมัดจะอาศัยบนตัวสัตว์และดูดเลือดสัตว์เป็นอาหาร
วงจรชีวิตหมัด ตัวเต็มวัยของหมัดสามารถอยู่บนตัวสัตว์ได้เป็นระยะเวลายาวนาน โดยปกติจะพบหมัดบนตัวสัตว์ที่มีสุขภาพไม่สมบรูณ์ หรือเป็นโรคเรื้อรัง
แต่หมัดสามารถอยู่ได้ในภาวะแวดล้อมได้นานราวๆ 1- 4 วันเท่านั้น หมัดเป็นปรสิตที่สามารถสืบพันธุ์เร็วมาก หมัดตัวเมีย 1 ตัวสามารถวางไข่ได้มากถึง 50 ฟองต่อวัน
นานติดต่อกันเป็นเวลาหลายอาทิตย์ หมัดขึ้นบนตัวสัตว์โดยการกระโดดตามก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากตัวสัตว์ หมัดจะวางไข่ที่ขนสุนัข ไข่หมัดจะมีขนาดเล็กมาก
ยาวราวๆ 0.5 มม. หลังจากนั้นไข่จะตกลงพื้น และฟักตัว ในสภาพภูมิอากาศของไทย ซึ่งเป็นเขตร้อนชื้นนั้น ใข่หมัดจะใช้เวลา
แค่เพียงไม่กี่วันในการฟักเป็นตัวอ่อน(ตัวหนอน) ตัวอ่อนของหมัดจะมีขนาดเล็กมากและเจริญเติบโตโดยการกินเศษเนื้อเยื่อต่างๆ ที่อยู่ในภาวะแวดล้อม เป็นอาหาร(tissue debris) ตัวอ่อนของหมัดจะไม่ชอบแสงไฟ และชอบอยู่ในที่ชื้น
ภายในเวลาไม่กี่วันตัวอ่อนของหมัดจะกลายเป็น ดักแด้ และใช้เวลาราวไม่เกิน 10 วัน ในการพัฒนาเป็น ตัวเต็มวัย โดยเฉลี่ยแล้ว หมัด จะมีวงจรชีวิตอยู่ราวๆ 3 สัปดาห์
แต่ยังไงก็ตาม ในภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต หมัดจะสามารถอยู่รอดภายในเปลือกดักแด้ได้นาน ถึง 6 เดือนเลยทีเดียว
การกำจัดหมัดหมา กำจัดเห็บหมา ให้ได้ผลนั้นต้องกำจัดที่ตัวสัตว์และในสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เพราะถ้าหากไม่กำจัดตามสิ่งแวดล้อมแล้ว เห็บหมัดพวกนี้ก็จะกระโดดกลับมา
อาศัยอยู่บนตัวน้องหมาได้ใหม่ไม่จบสิ้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการกำจัดหมัดหมา เห็บหมา โดยการใช้เครื่องพ่นไอน้ำstemar พ่นกำจัดหมัดหมา เห็บหมา
โดยสามารถพ่นไอร้อนอุณหภูมิได้สูงถึง 200 °F (95 °C) ป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานไอน้ำ โดยปลอดเคมี 100 % พ่นฆ่ากำจัดหมัดหมา เห็บหมา หรือไข่เห็บหมัด
ตามขอบ รู มุมพื้นบริเวณที่น้องสุนัขนอน เครื่องพ่นไอน้ำ STEMAR สามารถ
กำจัดหมัดหมา เห็บหมา ได้ทุกวัยรวมถึงไข่ และยังสามารถพ่น
กำจัดตัวเรือด ตัวไรฝุ่น ได้อีกด้วย
โดยปราศจากการใช้เคมีใดๆ ในการกำจัด และไม่มีสารเคมีตกค้าง หรือ กลิ่นใดๆ ทั้งสิ้น และสามารถใช้ระบบความร้อนสูงนี้ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในการไปจ้างบริษัทกำจัดแมลง ไม่เป็นพิษภัยต่อคน สัตว์เลี้ยง และเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมเพราะไม่ใช้สารเคมี
มีล้อสำหรับลากขณะใช้งานเพื่อความคล่อง สะดวก
เครื่องพ่นไอน้ำ STEMAR เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับสหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, อังกฤษ,
ฝรั่งเศษ, รัสเซีย และอีกหลายประเทศในยุโรปที่ใช้ กำจัดไรฝุ่น ตัวเรือด เห็บหมัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ