« เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2009, 03:33:24 PM »
คือ คิดไม่ตกครับ รถคาบูร์ก็ดูแลง่ายดี เรื่องสั่นไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่ปีก็จะเก่าหน่อย ถ้าจะวิ่งเยอะก็กลัวจะไม่ค่อยสมบูรณ์
ถ้าจะเปลี่ยนเป็นปีใหม่ๆก็จะกลายเป็นหัวฉีด ก็กลัวว่าจะดูแลยาก ยิ่งถ้ารถไม่ค่อยได้วิ่งจะไปกันใหญ่ คราวนี้ดูแลเองก็ไม่ได้
เลยไม่รู้จะทำยังไงดีครับ พี่ๆเพื่อนๆมีประสพการณ์กันยังไงบ้างครับหลังเปลี่ยนไปแล้ว หรือเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนกลับมาคาบูร์เหมือนเดิมรึเปล่า รบกวนด้วยนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 04, 2009, 08:39:00 PM โดย oatty »
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2009, 12:38:45 PM »
มีผมคิดมากอยู่คนเดียวเลยเหรอครับเนี่ย เหอะๆ 
|
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2009, 04:50:14 PM »
ผมก็ไม่มีประสพการณ์เรื่องรถหัวฉีดเลยคับพี่โอ๊ตเห็นหัวฉีดปีใหม่ๆแล้วน่าขับเป็นบ้าเลยสวยๆทั้งนั้น eyeopoping แต่แอบๆกลัวว่าเวลาออกทริปเนี่ยถ้ามันเสียนี่มีหวังต้องยกขึ้นรถอย่างเดียวเลย ถ้าเป็นคาบูร์เนี่ยยังพอถูไถหาที่ซ่อมได้อยู่อ่ะ คับ ambulance
|
บันทึกการเข้า
Live Hard,Ride Free-Club Dyna's Thailand
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2009, 05:29:22 PM »
ขอบคุณโน ขอบคุณหลุยส์ครับ อาจจะโดนขู่มาเยอะมั๊งครับว่าถ้ารถหัวฉีดไม่ค่อยได้ขี่จะจุกจิกมาก เดี๋ยวจะเหมือนคัน BMW เดิมที่เคยขี่ จอดนาน พอจะเอาออกทีก็ต้องเรียกรถมายกไปล้างหัวฉัดที แต่ถ้าเป็นคาร์บูเนี่ย ล้างหน่อยก็ฉลุยไปได้แล้ว แต่อย่างที่หลุยส์ว่าครับ รถใหม่ๆมันยั่วยวนจริงๆ
|
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2009, 08:46:15 PM »
ผมก้อใช้อยู่คับ อย่าคิดมากคับมันคงไม่เสียง่ายๆหรอกคับ ถึงเสียก้อมีร้านซ่อมเยอะแยะ ในกรุงเทพน่ะ  ผมชอบความเร็ว บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังเลยคับที่มาเล่นหัวฉีด นานาจิตตังน่ะคับ thumbsup police 
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 06, 2009, 10:57:59 PM โดย cops »
บันทึกการเข้า
แก่แต่สังขาร แต่สันดานยังวัยรุ่นอยู่
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2009, 07:32:11 AM »
ขอบคุณครับพี่ฉ่อง ไว้ไปชุมพรคงต้องขอแวะไปขอคำปรึกษาพี่บ้างนะครับ ญาติๆอยู่ชุมพรกันหลายคนเลย
|
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2009, 08:48:28 AM »
ขอบคุณครับพี่ฉ่อง ไว้ไปชุมพรคงต้องขอแวะไปขอคำปรึกษาพี่บ้างนะครับ ญาติๆอยู่ชุมพรกันหลายคนเลย
ยินดีต้อนรับคับ police
|
บันทึกการเข้า
แก่แต่สังขาร แต่สันดานยังวัยรุ่นอยู่
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2009, 09:23:21 AM »
number1 หัวฉีดขี่เร็วก็สนุกดีครับ แต่อารมณ์ในการขี่ก็น้อยลงไปหน่อยครับ ส่วนการบำรุงรักษาก็ไม่ยากหรอกครับพอๆกับคาร์บูนั่นแหละ  handshake
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 08, 2009, 12:19:21 PM โดย m9ctbs »
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2009, 05:10:33 PM »
หามาใช้ทั้งคาร์บูและหัวฉีดเลยคับพี่โอ๊ต...ผมเองกะจะเก็บคาร์บูไว้ซักคันเพราะต่อไปมันจะหายากขึ้นเรื่อยๆแล้วและก็หาซื้อหัวฉีดไว้ขี่ด้วยอีกซักคัน thumbsup
|
บันทึกการเข้า
Live Hard,Ride Free-Club Dyna's Thailand
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2009, 12:11:05 PM »
ไอเดียดีมากเลยครับหลุยส์ แต่ท่าทางจะลำบากกระเป๋าพอสมควรเลย แต่ก็น่าสนเนอะ....
|
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2009, 10:53:12 PM »
|
บันทึกการเข้า
เป็นพระมีหน้าที่เทศน์...เป็นเปรตมีหน้าที่ขอ...คนสิ้นหวัง มีหน้าที่รอ...ไอ้พวกสอพลอ..มีหน้าที่..เลีย..
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2009, 05:10:58 PM »
คือ คิดไม่ตกครับ รถคาบูร์ก็ดูแลง่ายดี เรื่องสั่นไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่ปีก็จะเก่าหน่อย ถ้าจะวิ่งเยอะก็กลัวจะไม่ค่อยสมบูรณ์ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นปีใหม่ๆก็จะกลายเป็นหัวฉีด ก็กลัวว่าจะดูแลยาก ยิ่งถ้ารถไม่ค่อยได้วิ่งจะไปกันใหญ่ คราวนี้ดูแลเองก็ไม่ได้ เลยไม่รู้จะทำยังไงดีครับ พี่ๆเพื่อนๆมีประสพการณ์กันยังไงบ้างครับหลังเปลี่ยนไปแล้ว หรือเปลี่ยนไปแล้วเปลี่ยนกลับมาคาบูร์เหมือนเดิมรึเปล่า รบกวนด้วยนะครับ 
number1 มันไม่เห็นจะยุ่งยากอะไรเลย เรียนรู้ที่จะอยู่มันก็เท่านั้นเอง ถ้าจะจอดทิ้งไว้นานๆก็หาน้ำมันสะอาดๆเติมให้เต็มถังไว้ ป้องกันกันถ้งเป็นสนิมไว้ก่อน แล้วหมั่นสตาร์ทอุ่นเครืองซักหน่อยก็ไม่น่าจะเจอปัญหา อยากจะขี่รุ่นใหม่ๆก็ต้องทำใจกับเสียงรัวๆของมันไปครับ ผมนี่จอมแอนตี้หัวฉีดเลย แต่ไม่อาจจะฝืนความจริงไปได้ 555....กัวอะไรกะหัวฉีดเจ๊ง เปลี่ยนแปลงระบบแม่งเป็นคาบูฯก็ยังได้ไม่กี่ตังครับ พรรคพวกผมเปลี่ยนข้ามสายพันธุ์กันมาหลายตัวแล้ว กับไอ้เสียง ดับ...ดับ...ดับ...จะดับ...ไม่ดับ...นี่อ่ะ อิอิ....
แล้วขับมันส์ไม๊ครับพี่สุดเดชเจ้าcross boneน่ะ 
|
บันทึกการเข้า
Live Hard,Ride Free-Club Dyna's Thailand
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2009, 03:30:13 PM »
มันก็เป็นความชอบส่วนบุคคลนะครับ ส่วนใหญ่สำหรับ harley biker จะเคยชินกับ Carb ,แต่ว่าโลกมันหมุนทุกวัน harley ก็จำเป็นต้องพัฒนาตามนโยบายการผลิตรถประเทศเค้า ส่วนข้อดีข้อเสียการใช้งานมันก็มีทั้ง 2 อย่าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองด้วยครับ รถ carb มันเป็นระบบเก่าที่การจ่ายน้ำมันขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่างของเครื่องไม่ว่าเรื่องอุณหภูมิ อากาศ ในแต่ละช่วง RPM เวลาปรับจูนมันต้องฝีมือกันนิดนึงครับ ที่ว่าน้ำมันหนาบ้าง บางบ้าง รูปแบบการจูนหรือ jetting มันก็ต้องเป็นแบบๆเฉพาะไป ที่ต้องทำเป็น set เลยใน CV , ทั้งยังเวลาเครื่องเย็นๆก็ต้อง chock น้ำมัน ต้อง warm รออีกซักพักนึงเพราะขี่ไปเลยมันก็คงวอดดับ แต่ข้อดีมันคือเรื่องการดูแลรักษาเพราะมันเป็นรถไม่มีสมอง การทำงานของระบบอื่นๆมันแยกกันหมดขึ้นอยู่กับเราว่าจะดูแลให้มัน ทำงานร่วมกันได้ดีขนาดไหนอ่ะครับ ถ้าเป็นรถ EFI มันจะมีกล่อง ECU ควบคุมระบบอิเล็คทุกอย่างของรถ แสนรู้ไปหมด ค่าการจ่ายน้ำมันกำหนดได้เสร็จสรรพตามโปรแกรมที่ map ไว้อยู่ ผมชอบตรงมันไม่ต้อง chock เองเวลาเครื่องเย็น ระบบมันจะช่วยเร่งน้ำมัน , RPM จะโดดขึ้นไปแล้วปรับลงอัตโนมัติเวลาเครื่องร้อน อัตตราดึงคันเร่งที่ตอบสนองได้ดีมั่นคงทุกรอบมันสุดๆจริงๆ เหมาะสำหรับเอา ไป race , ยิ่งเวลาปรับแต่งเปลี่ยนท่อ ที่จะต้องทำคู่กันกับการการ โปรแกรมค่าน้ำมันในกล่องใหม่ ให้จ่ายน้ำมันเยอะขึ้น ที่สำคัญมากคืออากาศที่เข้าไปก็ต้อง flow มากขึ้นจนพอดีกับน้ำมัน , แต่รถ EFI ที่ขี่บ้านเราจะเจอปัญหาจริงๆก็ overheat ตอนขี่มาร้อนๆ แล้วมาเจอรถติดๆ นี่เล่นดับเอาดื้อๆเลย แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่รุนแรงอะไรครับ การดูแลทั้ง 2 ระบบก็ไม่มีไรมากหรอกครับ carb ถ้าไม่ติดเครื่องมันก็ตัน หัวฉีดก็ต้องติดเครื่องให้น้ำมันหมุนเวียน รักษา fuel pump , พวก o-ring ท่อน้ำมันก็จะได้ไม่เสื่อม เพราะน้ำมันจะรั่วได้ ที่สำคัญอย่าปล่อยให้น้ำมันเน่าคาถัง ไม่งั้นอุปกรณ์ในถังจะพังแน่นอน รถหัวฉีด harley ส่วนใหญ่เค้าจะมีการโปรแกรมน้ำมันในกล่องอยู่ 2 แบบครับ คือ chip กล่องเลย กับใส่อุปกรณ์พ่วงเข้าไปในยุคแรกของ harley EFI ปี 96-01 จะใช้ระบบของ Magneti-Marelli ก่อนจะมาเป็น Delphi ในปัจจุบัน แต่สรุปว่าก็นานาจิตตังครับ อารมณ์คลาสสิค carb ก็มีซักคัน แล้วก็มีหัวฉีดอีกคันไว้บิดได้มันส์ๆ 
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2009, 06:56:03 PM »
ขอบคุณสำหรับความรู้และประสพการณ์ของทุกๆคนเลยครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแรง ต้านกระแสโลกหมุนไม่ค่อยจะอยู่ frustrated ตอนนี้กำลังเสาะหารถถูกใจและถูกกับกระเป๋าอยู่ครับ ไม่ค่อยรีบร้อน เพราะก็ยังรักคันเดิมอยู่ อยากเก็บไว้ทั้งคู่ แต่คงจะยังไม่ถึงเวลา มันค่อนข้างเกินตัวไปสำหรับตอนนี้ถ้ามีสองคัน surrender
นอกเรื่อง : วันนี้เครียดกับงานจัง อยากขี่รถเล่น อิอิ เลิกคิดเรื่องงานมาคิดเรื่องรถต่อดีกว่า ignore
|
บันทึกการเข้า
ex-FLHR, ex-VRSCF, ex-FLHTP, FLSTFB The mix of Fit, Function and Style that's right for me. 
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2009, 08:27:34 AM »
แล้วเรื่อง ของระบบไฟเนี้ย ถ้าแบตมีปัญหาหรือเริ่มมีอาการ จะมีการส่งผลกระทบกับระบบหัวฉีดหรือเปล่า ผมสงสัยนะ ของผมกำลังเป็นอยู่ ขี่ดีๆเพลิน ดับเฉยๆ เรียนถามผู้รู้ อีกซักครั้ง
|
บันทึกการเข้า
ไม่เข็ด ไม่ตาย ไม่เลิก
|