« เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 01:55:58 PM »
ขออนุญาตนำมาเพื่อเป็นอุธาหรณ์ ขอให้เพื่อนๆ ขับขี่ปลอดภัยทุกท่านครับ
ที่มา: ข่าวสด
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEUyTURNMU1nPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09TMHdNeTB4Tmc9PQ==
วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6682 ข่าวสดรายวัน
สายหมวกกันน็อก บาดคอดับ ฝรั่งซิ่งจยย.สยอง
ชนกันกลางถนนพัทยา กระชากหลอดลมขาด! แพทย์เตือนนักบิดระวัง ใส่กระชับ-อย่าให้หลวม
คอหอยขาด- ฝรั่งชาวอังกฤษเมา ซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ชนกับมอเตอร์ไซค์ ตัวเองเสียหลักกระเด็นไถลไปตามพื้นถนนเสียชีวิตคาที่ พบบาดแผลที่คอถูกสายหมวกกันน็อกบาดหลอดลมขาด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่บางละมุง ชลบุรี
ฝรั่งถึงฆาตโดนสายรัดหมวกกันน็อกบาดคอตายสยอง เผยนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษสวมหมวกกันน็อกขี่จยย. แล้วเกิดเฉี่ยวชนกับจยย.อีกคันจนเสียหลักพลิกคว่ำ ร่างฝรั่งกลิ้งไถลไปไกล 500 เมตรเสียชีวิตคาที่ มีบาดแผลถูกสายรัดหมวกกันน็อกบาดหลอดลมจนขาด ส่วนคู่กรณีคนไทยก็บาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นมีพยานเห็นผู้ตายขี่จยย.ส่ายไปมา คาดว่าคงเมาสุรา ตร.ส่งศพให้นิติเวชชันสูตรอีกครั้งว่า เสียชีวิตเพราะสายรัดหมวกกันน็อกหรือเปล่า หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อการเสริมสร้างความปลอดภัยระบุอาจสวมหมวกกันน็อกไม่ถูกวิธี ชี้ถ้าหลวมเกินไปมีโอกาสบาดหลอดลมได้
เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 15 มี.ค. พ.ต.ท. จิวัฒน์พงษ์ เรืองดี พนักงานสอบสวนสภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน มีคนเจ็บและเสียชีวิตที่บริเวณปากซอยบุญสัมพันธ์ 14 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีดำ ทะเบียน งงข-301 ชลบุรี ล้มคว่ำอยู่ริมถนน สภาพตัวรถด้านซ้ายพังยับเยิน ส่วนคนขับได้รับบาด เจ็บอาการสาหัสโดยพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ ภัยได้ให้การช่วยเหลือนำส่งที่ร.พ.พัทยา-เมโมเรียล ก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อต่อมาคือนายบุญเรือง สกุลมา อายุ 41 ปี
ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีบีอาร์ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน คยพ 105 ชลบุรี ล้มคว่ำอยู่กลางถนน สภาพตัวรถด้านหน้าพังยับเยินเช่นกัน ข้างรถพบศพของนายแกวิน มานน์ อายุ 41 ปี สัญชาติอังกฤษ สวมเสื้อยืดแขนสั้น สีดำ นุ่งกางเกงขาสามส่วนลายพรางทหาร ที่ศีรษะสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว สภาพศพนอนหงายตามร่างกายมีแผลถลอก โดยที่ลำคอพบถูกสายรัดหมวกกันน็อกบาดลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ จนทำให้หลอดลมขาด นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน โดยมีแฟนสาวยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ที่ริมทาง
จากการสอบสวนเบื้องต้นชาวบ้านในที่เกิดเหตุที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า นายแกวินขี่รถจักรยาน ยนต์มาจากหน้าวัดบุญสัมพันธ์ด้วยความเร็วสูงและส่ายไปมาคล้ายอยู่ในอาการมึนเมาสุรา พอถึงจุดเกิดเหตุรถได้เสียหลักไปชนกับรถจักรยานยนต์ของนายบุญเรืองที่ขับสวนทางมา จนทำให้นายบุญเรืองบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายแกวินกระเด็นหลุดกลิ้งไถลไปกับพื้นถนนเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร ก่อนจะนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าถูกสายล็อกของหมวกกันน็อกบาดเข้าที่ลำคอจนหลอดลมขาดและเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบทันที
หลังสอบสวนเบื้องต้นและตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทางเจ้าหน้าที่จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาจากการเมาสุรา จนทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
นายเจษฤทธิ์ ดาวดวงสุข อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย 73 หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบบาดแผลบริเวณลำคอของชาวต่างชาติที่เสียชีวิตมีบาดแผลขนาดใหญ่และมีสายรัดของหมวกกันน็อกรัดอยู่ จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นายแกวินเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นำศพส่งชันสูตรในเบื้องต้นที่ร.พ.บางละมุง และที่สถาบันนิติเวชวิทยา กรุงเทพฯ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแท้จริงต่อไป
ด้านน.พ.ประสิทธิ์ กิตติวัฒน์พงศ์ ผอ.ร.พ.บาง ละมุงกล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการได้รับผลกระทบกระเทือนจากทางด้านสมอง และยังไม่พบว่ามีสายของหมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกบาดคอจนทำให้เสียชีวิต สำหรับการเสียชีวิตของชาวต่างชาติรายนี้ทราบว่ามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณลำคอเพียงแห่งเดียว คงต้องรอการชันสูตรจากสถาบันนิติเวชวิทยายืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของชาวต่างชาติรายนี้มาจากสาเหตุใดกันแน่ต่อไป
วันเดียวกัน น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อการเสริมสร้างความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงต้องตรวจสอบต่อไปว่าหมวกกันน็อกที่ใช้มีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความสูญเสียครั้งนี้อาจเป็นเพราะการสวมหมวกกันน็อกที่ไม่ถูกวิธี เนื่องจากปัจจุบันผู้ขับขี่ส่วนใหญ่แม้จะสวมใส่หมวกกันน็อกกันมากขึ้น แต่บางคนก็ยังใส่ผิดวิธี คือสวมหมวกกันน็อกที่หลวมเกินไป ไม่รัดสายรัดคางหรือรัดมั่วไม่ถูกวิธี เช่น รัดสายรัดหลวมเกินไป ไม่ปรับสายให้พอดีกับตัวเอง เป็นต้น โดยเฉพาะในเด็กจะพบมาก หากผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกที่ไม่พอดี หลวมเกินไป ไม่รัดสายรัดให้ฟิตพอดีกับลำคอ เมื่อเกิดแรงปะทะจากอุบัติเหตุหมวกกันน็อกก็อาจไปห้อยอยู่ด้านหลังและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกี่ยวกับวัตถุอื่นและบาดหลอดลมได้ แต่หากยึดพอดีกับหัวแม้จะกระแทกอย่างไรก็จะยังคงอยู่ในลักษณะเดิม
"นอกจากนั้นปุ่มล็อกที่ดีของหมวกกันน็อกก็ควรเป็นปุ่มล็อกสายคล้องรูปตัวดี แต่ปัจจุบันมักนิยมแบบปุ่มล็อกกดเปิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มาตรฐาน ปุ่มก็พังง่าย หรือหากขับมาด้วยความเร็วสูงก็อาจจะหลุดได้ง่าย ไม่ยึดกับหัวของผู้สวมใส่ ซึ่งก็ล้วนมีโอกาสทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดได้เช่นกัน ดังนั้นผมคิดว่าควรจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในเรื่อง ของการสวมใส่หมวกกันน็อก" น.พ.อดิศักดิ์กล่าว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2009, 01:59:05 PM โดย papa_ou »
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:11:21 PM »
|
บันทึกการเข้า
rock never die DOG never lie
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:13:49 PM »
ขออนุญาตท่าน MoToPoo เจ้าของกระทู้นี้นำมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์แก่เพื่อนๆ ชาวสองล้อครับ ที่มา: http://www.dtrackerthailand.com/board/index.php?topic=621.0 ควรระวังในการใช้หมวกกันน็อค
ผมแปลจากคู่มือการใช้หมวกยี่ห้อArai คัดเอามาเฉพาะเนื้อหาหลัก ถ้ามีโอกาสจะแปลเพิ่มอีก อ่านเองแล้ว รู้สึกจุกจิก แต่อีกความหมายหนึ่ง ก็ถือเป็นความรอบคอบที่ควรพึงปฏิบัติ (ผมแปลคู่มือโดยไม่ตัดทอนเนื้อความ จึงมีบางเนื้อความเป็นการโฆษณาของArai กรุณาวิเคราะห์สาระให้ดีเอาเอง) หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย ขอขอบพระคุณจากใจต่อท่านได้กรุณาเลือกใช้หมวกกันน็อคArai มา ณ ที่นี้ บริษัทAraiในฐานะที่เป็นผู้ผลิตหมวกกันน็อคที่มีประวัติยาวนานที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เราจึงพยายามสร้างหมวกกันน็อคที่ไม่ทำให้เป็นที่ขายหน้าแก่ประวัติศาสตร์ของตน แต่ก็ไม่เท่ากับที่เราพยายามรักษาความปลอดภัยให้แก่ทุกท่านให้มากที่สุด แต่ทว่า แม้Arai พยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงใด ก็หาใช่ว่าจะสามารถรองรับกับอุบัติเหตุทั้งหมดได้ หมวกกันน็อคเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ช่วยลดระดับอันตรายในกรณีที่สุดวิสัย ดังนั้นคงไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่าหมวกกันน็อคเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยของความปลอดภัย จึงใคร่ขอความกรุณาผู้ใช้งานว่า เมื่อจะสวมหมวกกันน็อค กรุณาทำความเข้าใจต่อหัวข้อควรระวังต่างๆต่อไปนี้ให้จงดี และขับขี่ด้วยความใส่ใจต่อความปลอดภัยเสมอ
+ ก่อนซื้อหมวกกันน็อค ต้องลองสวมเพื่อยืนยันขนาดที่พอดีกับศีรษะของตนเสมอ! เพื่อให้ปลอดภัย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง**สวมหมวกกันน็อคที่มีขนาดพอดีกับศีรษะของตน** หมวกกันน็อคที่มีขนาดไม่พอดีจะไม่สามารถให้ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยได้เต็มที่ แม้หมวกใบนั้นจะปิดฉลากบอกขนาดเหมือนกันก็ตาม แต่ความฟิตจะแตกต่างกันไปตามแต่ละโมเดล ดังนั้นกรุณาเลือกหมวกกันน็อคด้วยหลักทดลองสวม 3 ข้อดังนี้ 1. ลองสวมหมวกจริงที่ต้องการ ไม่ลองสวมด้วยหมวกใบอื่น 2. เมื่อสวมหมวกแม้จะสะบัดศีรษะไปทางซ้ายขวาบนล่าง หมวกต้องหันไปตามทิศทางที่ศีรษะขยับ 3. ความรู้สึกฟิตพอดีกับศีรษะต้องเสมอเท่ากันไม่รั้งไม่หลวมที่ใดที่หนึ่ง
+ผูกสายรัดคางให้ถูกต้อง! เมื่อรถคว่ำ เราไม่สามารถคาดเดาทิศทางการกระแทกที่จะลงบนศีรษะได้เลย ซึ่งบางครั้งการกระแทกอาจมาจากทิศทางที่ทำให้ศีรษะหลุมออกจากหมวกกันน็อค เวลาเช่นนี้สายรัดคางจะมีหน้าที่รั้งหมวกกันน็อคให้แน่นไว้กับศีรษะ ทว่าแม้สวมหมวกกันน็อคแต่ไม่ผูกสายรัดคางก็เสมือนไม่มีหมวกเช่นกัน ดังนั้นกรุณาผูกสายรัดคางเสมอเมื่อสวมหมวกกันน็อค
+เลือกแผ่นบังหน้า(Shield)ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ที่ใช้งาน! หากขับขี่โดยสวมแผ่นบังหน้าสีเข้มเกินไปทั้งๆที่บรรยากาศแวดล้อมมืดสลัวไปแล้ว จะทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง แยกแยะตัดสินใจสถานการณ์ต่างๆได้ยากลำบาก และเป็นอันตราย กรณีที่จะขับขี่ท่องเที่ยวระยะไกลซึ่งหลีกเลี่ยงการขับขี่เวลากลางคืนได้ยากเป็นต้นนั้น กรุณาเปลี่ยนสลับไปใช้แผ่นบังหน้าที่มีอัตราแสงส่องผ่านมากกว่า 70%ขึ้นไป(ได้แก่ Arai Helmet Genuine Clear Shield, Light Smoke Shield) นอกจากนี้ แผ่นบังหน้าที่ถอดออกมานั้น ก็ต้องระวังไม่ให้เกิดรอย
+ระวังสภาพบรรยากาศแวดล้อมเปลี่ยนแปลงกะทันหันในขณะขับขี่! อุณหภูมิภายในหมวกกันน็อคขณะขับขี่ส่วนใหญ่จะคงที่ แต่เมื่อใดที่นักบิดขับขี่ด้วยความเร็วสูง สภาพบรรยากาศแวดล้อม(อุณหภูมิ ความชื้น)จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเสมอ เพราะเหตุนี้เองในวินาทีที่ขับเข้าไปใน(หรือขับออกจาก)เส้นทางภูเขาที่มีความสูงต่ำต่างกันมาก เข้าหรือออกอุโมงค์ หรือพื้นที่มีฝนตกกะทันหัน ผิวของแผ่นบังหน้า(จะเป็นผิวด้านนอก หรือด้านในไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)จะเกิดการกลั่นตัวของไอน้ำเนื่องจากอุณหภูมิภายในหมวกกับอุณหภูมิของสภาพบรรยากาศแตกต่างกันกะทันหัน แผ่นบังหน้าจะเกิดฝ้าขึ้นทันที ดังนั้นหากคาดเดาได้ว่าจะมีสภาพการณ์ดังที่กล่าวมา ให้เปิดแผ่นบังหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อลดความต่างของอุณหภูมิภายนอกกับภายในของหมวกไว้ล่วงหน้า หรือบางทีอาจต้องระมัดระวังยิ่งขึ้นด้วยการปรับลดความเร็วขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพบรรยากาศเป็นต้น
+หมวกกันน็อคที่เคยกระแทก ต้องไม่ใช้ซ้ำ! หมวกกันน็อคถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันศีรษะด้วยการให้ดูดซับแรงกระแทก ถ้าหมวกได้รับแรงกระแทก จุดที่รับแรงกระแทกนั้นจะเสียหาย ดังนั้นหมวกที่ได้รับแรงกระแทกในตอนสวมใส่อยู่แม้จะมองไม่เห็นร่องรอยความเสียหายบนหมวกมากนักก็ตาม แต่นั่นหมายความว่าโครงสร้างภายในของหมวกได้พังไปแล้วจากการดูดซับแรงกระแทก ดังนั้นต้องไม่ใช้หมวกที่ได้รับแรงกระแทกแม้จะเป็นการกระแทกเพียงครั้งเดียวก็ตามอีกต่อไป จึงใคร่ขอความกรุณาลูกค้าให้ส่งหมวกและอธิบายเหตุการณ์ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่ฝ่ายความคุมคุณภาพของบริษัทเรา เพื่อจะได้ตรวจสอบว่ายังสามารถนำไปใช้ได้อีกหรือควรจะซื้อหมวกกันน็อคใบใหม่ *ไม่มีการาคิดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ **แต่ค่าใช้จ่ายในการส่งคืนบริษัทจะเป็นภาระของลูกค้า
+ข้อควรระวังเมื่อจะพ่นสีหมวกกันน็อค! เมื่อจะพ่นสีหมวกกันน็อค โปรดระวังดังนี้ อันดับแรกคือ ใช้น้ำยาล้างที่มีฤทธิ์เป็นกลาง(น้ำยาล้างจาน)ล้างภายนอกของหมวกเสียก่อน เมื่อล้างสิ่งสกปรกหรือคราบน้ำมันออกไปแล้ว ให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดประมาณเบอร์800 ขัดผิวของหมวก อนึ่งถ้ารองใน(โฟม)ซึ่งเป็นชิ้นส่วนดูดซับแรงกระแทกที่อยู่ภายในหมวกถูสีสเปรย์ซึมเข้าไป มันจะละลายและสูญเสียคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทก ดังนั้นโปรดปิดผนึกให้แน่นสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้สีสเปรย์ซึมเข้าไปได้ ทำการปิดผนึกขอบหมวก ใต้ท้ายทอย และรูเกลียวทั้งหมด จึงค่อยพ่นสีตามวิธีการในคู่มือของสีสเปรย์นั้นๆต่อไป แต่โปรดระวังว่าไม่สามารถใช้สีสเปรย์ที่ต้องอบแห้งด้วยความร้อนมากกว่า 50องศาซี กับหมวกกันน็อค
+การปรับการสวมใส่ขณะขับขี่เป็นอันตราย! ต้องไม่ทำการปิดเปิดรูชัทเตอร์(ช่องลมบนหมวก)ด้วยการละมือจากแฮนด์ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะมีความเสี่ยงที่กลายเป็นอุปสรรคในการขับขี่ เมื่อต้องการปรับตั้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดของหมวกกันน็อค กรุณากระทำเมื่อรถจอดสนิท แต่ไม่ห้ามเรื่องการปิดเปิดแผ่นบังหน้าเพราะว่าเป็นเรื่องจำเป็นต่อการรักษาทัศนะวิสัย
+ห้ามดัดแปลงหมวกกันน็อคเด็ดขาด! โครงสร้างพื้นฐานของหมวกกันน็อคถูกสร้างมาเพื่อป้องกันศีรษะด้วยการใช้วัตถุปกคลุมไม่ให้มีช่องว่างบริเวณศีรษะ และเพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้สูงขึ้นจึงจำต้องเพิ่มสัดส่วนของวัตถุปกคลุมให้มากกว่าช่องว่าง ดังนั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งความปลอดภัยมาก จึงหลีกเลี่ยงยากที่จะทำให้ทัศนวิสัย ความสามารถในการได้ยิน หรือการเคลื่อนไหวของศีรษะสูญเสียไปไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อสวมหมวกกันน็อคเราจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงลำบากขึ้น เป็นต้น เพราะว่าวัสดุดูดซับแรงกระแทกต่างๆในหมวกจะดูดซับเสียงที่เป็นเสียงความถี่สูงไว้ทำให้เสียงที่ได้ยินเปลี่ยนไป แต่เสียงที่มีความถี่ระดับการสนทนาตามปกติกลับแทบไม่ถูกดูดซับเลย ดังนั้นหากผู้ใช้ทำความเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ ก็สามารถขับขี่ไปได้โดยไม่มีอุปสรรค นอกจากนี้ ถ้าเจาะรูเพื่อใช้เป็นช่องฟังบนหมวก ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกจะตกไปเท่านั้น กลับยิ่งทำให้เสียงวีดลมดังมากขึ้นรบกวนการได้ยินไปเสีย โปรดอย่าเจาะรูหรือเฉือนตัวหมวกหรือที่โฟม
+อย่าวางหมวกกันน็อคบนที่ไม่มั่นคง! หากวางหมวกกันน็อคบนที่ไม่มั่นคงเช่น บนถังน้ำมันรถหรือบนเบาะนั่ง อาจเสี่ยงที่หมวกกันน็อคจะไถลหล่น ถึงแม้หมวกกันน็อคจะไม่รับผลกระทบด้านคุณภาพมากแม้ตัวหมวกเปล่าหล่นลงพื้นที่ความสูงไม่เกิน 1 เมตรก็ตาม** แต่ในขณะที่หล่นนั้นหากมีชิ้นส่วนของหมวกเสียหาย และยังนำมาใช้ในสภาพเช่นนั้นต่อ ชิ้นส่วนอาจหลุดออกในระหว่างขับขี่ได้ ดังนั้นเมื่อมีชิ้นส่วนเสียหาย กรุณาเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่โดยเร็ว (**แม้ว่าจะหล่นลงจากความสูงที่ต่ำกว่า 1 เมตร แต่ถ้าหล่นลง ณ ตำแหน่งเดิมหลายๆครั้งแล้ว จะทำให้ประสิทธิภาพของหมวกลดลง)
+ไม่แขวนหมวกกันน็อคกับวัตถุทรงกิ่งหรือยื่นโผล่! ถ้าแขวนหมวกกันน็อคบนกระจกส่องหลัง มีโอกาสเสี่ยงที่มุมของกระจกจะทำให้แผ่นบังหน้าเป็นรอย หรือรองในสำหรับดูดซับแรงกระแทกเสียรูป รองในที่เสียรูปจะส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกลดลง ยิ่งกว่านั้นห้ามนั่งทับบนหมวกกันน็อคเด็ดขาด จะทำให้แผ่นรองรอบขอบหมวกเสียหาย เผยอ หรือเกิดรอยครูดจนเปิดอ้าออก เนื่องจากชิ้นส่วนรอบขอบหมวกจะแข็ง ถ้าไม่มีแผ่นรองบุไว้ เมื่อรถคว่ำบริเวณคอ หรือหัวไหล่อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพราะถูกขอบหมวกบาดได้
+ข้อระวังเมื่อจะเคลื่อนย้ายหมวกกันน็อคไปพร้อมกับการขับขี่! ถ้าขับขี่ไปโดยแขวนหมวกกันน็อคไว้กับหูล็อคหมวกกันน็อคท้ายรถ หมวกจะครูดกับตัวรถทำให้ขัดขวางการเคลื่อนไหวของตัวรถ และเสี่ยงที่สายรัดคางเสียหายเพราะหมวกรั้งกับตัวรถ นอกจากนี้แล้วการขับขี่ไปโดยคล้องแขนลอดหมวก หรือคล้องแขนกับสายรัดคาง จะเป็นอุปสรรคต่อการทรงตัว กรุณาอย่ากระทำอย่างเด็ดขาด เมื่อต้องการบรรทุกหมวกกันน็อคสำหรับคนซ้อน ขอแนะนำให้ใส่ในถุงเก็บหมวกเพื่อป้องกันร่องรอยและใช้ตาข่ายสำหรับยึดสัมภาระคลุมยึดไว้บนเบาะซ้อนท้ายให้แน่นหนาไม่ให้ร่วงหล่นขณะขับขี่ หรือจะใส่กล่องเก็บสัมภาระก็ได้
+ห้ามอบแห้งหมวกกันน็อคด้วยอุณหภูมิสูงอย่างเด็ดขาด! ถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาซี วัสดุของหมวกจะเสียรูปและเปลี่ยนคุณสมบัติ ประสิทธิภาพของหมวกกันน็อคจะสูญเสียอย่างมาก โปรดอย่าอบตัวหมวก รวมทั้งชิ้นส่วนภายในที่ถอดออกมาเพื่อต้องการทำให้แห้งด้วยการ ใช้เครื่องอบผ้า เตารีด เตาผิง เครื่องทำความร้อน เตาไมโครเวฟ หรือเตาอบอย่างเด็ดขาด รวมถึงไม่ใช้ความร้อนในเครื่องอบผ้า เครื่องซักผ้า สูงเกิน 50 องศาซี เพื่อทำให้ชิ้นส่วนภายในที่ถอดออกมาทำความสะอาดด้วย
+ประสิทธิภาพของหมวกกันน็อคใช่ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดอายุ! หมวกกันน็อคอาจไม่สามารถรักษาประสิทธิภาพได้เหมือนของใหม่เนื่องจากเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้วัสดุที่เป็นโครงสร้างของหมวกเสื่อมอายุ เสื่อมสภาพไปตามลักษณะการใช้งานประจำวัน แม้มองไม่เห็นความผิดปกติอะไรเป็นพิเศษบนหมวกที่ใช้อยู่ก็ตาม ขอแนะนำให้ซื้อเปลี่ยนหมวกที่มีอายุใช้งานเกิน3ปีนับแต่วันเริ่มสวม ซึ่งเป็นการจำกัดอายุใช้งานตามกฏข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยของสมาคมป้องกันความปลอดภัยจากผลิตภัณฑ์(ประเทศญี่ปุ่น)
+เมื่อใช้หมวกกันน็อคเป็นเวลานาน กรุณาตรวจสอบเป็นประจำ และเปลี่ยนชิ้นส่วนพลาสติกขึ้นรูป! ชิ้นส่วนพลาสติกขึ้นรูปบนหมวกกันน็อค จะเสื่อมสภาพไปตามวันเวลาจากรังสียูวีหรือจากการสึกหรอของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่ไม่คาดคิดควรตรวจสอบเป็นประจำ และเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 16, 2009, 02:15:37 PM โดย papa_ou »
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:24:40 PM »
ขอบคุณครับพี่อู๋สำหรับข้อมูลสาระ จะได้นำเอาไปถือปฎิบัติเพื่อความปลอดภัยต่อไป pray
|
บันทึกการเข้า
IF YOU DON'T RIDE YOU DON'T KNOW!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:26:28 PM »
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:45:32 PM »
โหไม่เคยรู้เลยว่าแค่ความปลอดภัยเรื่องหมวกจะมีเยอะขนาดนี้ แต่ก็จะปฏิบัติตามครับเพื่อความปลอดภัย ขอบคุณพี่อู๋มากครับ pray
|
บันทึกการเข้า
Live Hard,Ride Free-Club Dyna's Thailand
TORSAK
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:50:31 PM »
ขอบคุณครับ pray ต่อไปนี้ผมจะรัดให้แน่นขึ้นครับ(แบบว่าชอบแบบกำลังดีจะได้ไม่ถลอก) 
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 02:55:53 PM »
ขอบคุณครับ. worship.....กำลังคิดจะเปลี่ยนจากหมวกครึ่งใบไปเป็นหมวกแบบเต็มใบอยู่พอดี....
|
บันทึกการเข้า
KNOCKING ON HEAVEN'S DOOR
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 03:00:42 PM »
นายอำเภอบอกมา......................ลูกบ้านรับทราบคร๊าฟ pray pray
|
บันทึกการเข้า
ไม่..จำ..เป็น..ว่า..จะ..ต้อง..กี่..ไมล์ ..แค่..สัม..ผัส..อยู่..บน..นั้น....มัน..ก็..พอ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 03:06:58 PM »
อ่านเจอเลยเอามาให้ดูกัน ที่มา: http://tnews.teenee.com/weird/3480.htmlแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด  สะสมสยอง-หมวกกันน็อคเจ้าของตาย
"ที่ระยองเพื่อนบ้านนอนผวาหมาหอน"
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ระยอง ว่า มีคนชอบหมวกกันน็อกที่เจ้าของเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตบนท้องถนนมาสะสมไว้ภายในบ้าน โดยจะวางไว้ตามรั้วบ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 37/22 หมู่ 3 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พบว่า มีการนำหมวกกันน็อกหลากสี หลากรุ่นหลายแบบ มาวางไว้บนรั้วรอบบ้าน แต่เมื่อมองไปที่หมวกกันน็อกที่วางเรียงอยู่นั้น มีสภาพหลากหลาย บางรายก็ยังพอใช้งานได้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีร่องรอยแตก ไม่มีหน้ากากพลาสติก และมีรอยถลอกเกือบทุกใบ บางใบมีคราบคล้ายเลือดติดอยู่ภายในหมวก
"คอขาดกระเด็น"
นายสมพงษ์ จันทร์รักษา อายุ 46 ปี ช่างซ่อมเครื่องยนต์ เจ้าของบ้าน และผู้สะสมหมวกกันน็อก เปิดเผยว่า หมวกดังกล่าวตนเก็บมาสะสมไว้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน ระหว่างทางพบอุบัติเหตุ รถยนต์ชนกับจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คอขาดกระเด็นไปต่อหน้าต่อตาของตนเอง ซึ่งเป็นภาพที่ติดตามาตลอด
จนกระทั่งต่อมาพบอุบัติเหตุอีกหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่จะเหลือร่องรอยให้เห็นเพียงเศษหมวกกันน็อกที่แตกบ้าง ถลอกบ้าง ตกกระเด็นอยู่ข้างทาง จึงเกิดความคิดว่าถ้าเก็บมาให้คนที่ประมาทดูก็คงจะทำให้ช่วยเตือนสติได้บ้าง แต่เมื่อภรรยาและลูกทราบถึงที่มาของหมวกต่างก็กลัว ไม่อยากให้ตนเก็บมาไว้ภายในบ้าน ก็ได้อธิบายให้ฟังจนเข้าใจ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี จากนั้นจึงเริ่มเก็บหมวกกันน็อกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำบุญ- สองตลกดัง "โอเลี้ยง" และ "สิทธิชัย หย่อน" รุดถวายสังฆทานและทำบุญกรวดน้ำอุทิศบริเวณสะพานผีสิง ข้างคลองข้างวัดทับมา ม.1 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง ล่าสุด อบต.รื้อแคมป์คนงานออกแล้ว
"เจอหมวกกันน๊อค ก็เก็บมา"
นายสมพงษ์กล่าวว่า หลังจากสะสมเก็บมาได้ระยะหนึ่ง สังเกตเห็นว่าหมวกกันน็อกที่แตกจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน หรือมอก. ซึ่งตนจะไม่ได้ตระเวนเก็บ แต่มักจะพบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน โดยเฉพาะบริเวณถนนสาย 331 หลักกิโลฯ 10 ถนนสุขุมวิท ที่ต้องขี่รถไปทำงานเป็นประจำจะขอหมวกกันน็อกจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมาเก็บไว้ หรือบางครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุเมื่อเจ้าหน้าที่เก็บศพคนตายไปแล้วก็จะมีร่องรอยของสเปรย์สีขาวพ่นไว้ เมื่อมองไปข้างทางก็จะพบหมวกกันน็อกของผู้ที่เสียชีวิตถูกทิ้งไว้ใกล้กับที่เกิดเหตุเป็นประจำก็จะเก็บมา
"บางครั้งก็จะมีคนนำมาให้สะสม แต่ผมจะต้องซักประวัติให้ละเอียดว่า ต้องเป็นหมวกที่คนสวมตายจึงจะยอมนำมาสะสม จนปัจจุบันมีหมวกกันน็อกทั้งหมด 149 ใบ แต่ละใบล้วนอธิบายถึงที่มาได้ ส่วนเรื่องกลัวนั้นไม่เคยคิดกลัว และก็ไม่เคยเห็นวิญญาณของเจ้าของหมวก จะมีก็แต่เพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ต่างก็มักจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเงาบ้าง เสียงหมาหอน และล่าสุดนายสุรพล กรงทอง อายุ 22 ปี เพื่อนบ้านอีกราย ที่พบเห็นแสงประหลาดออกมาจากข้างรั้วที่วางหมวกกันน็อกสยองขวัญทำให้ผวาไปตามกัน แต่ตนเชื่อว่าคงเป็นเหตุบังเอิญ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ตายที่เป็นเจ้าของหมวกทุกเช้า" นายสมพงษ์กล่าว
"มีคนแอบเอาไป สุดท้ายก็เอามาคืนทุกราย"
นอกจากนี้ยังมีการนำเอารถจักรยานยนต์เก่ามาจอดไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมทั้งทำหุ่นเป็นผู้ใหญ่และเด็กนั่งซ้อนท้าย ที่สวมหมวกกันน็อกทั้งคู่ เพื่อเตือนสติว่าก่อนขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปทำงานต้องสวมหมวกกันน็อก และต้องเป็นหมวกที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองคุณภาพ เพราะหมวกกันน็อกส่วนใหญ่ที่เก็บมาไม่ได้คุณภาพ และบางครั้งเมื่อสวมใส่ก็ควรล็อกให้แน่นหนา เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตนเองก็จะเก็บสะสมหมวกกันน็อกคนตายต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะมันจะมีความสุขครั้งที่ได้หมวกใบใหม่มาเก็บไว้ และยังเคยมีคนมาแอบเอาไป แต่สุดท้ายต้องนำมาคืนทุกราย
ด้านนางมาลี เพ็งปอพราน อายุ 65 ปี เพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกัน กล่าวว่า รู้สึกกลัวมาก โดยเฉพาะในช่วงที่เก็บหมวกกันน็อกมาใหม่ๆ ในคืนแรกๆ จะได้ยินเสียงสุนัขหอนตลอดคืน จนบุตรหลานในหมู่บ้านต่างคิดว่าคงเป็นวิญญาณของเจ้าของหมวกมาหาหมวกอย่างแน่นอน จนทำให้ผวาไปทั้งหมู่บ้าน และบางคนจะเห็นเงาบ้าง ได้ยินเสียงบ้าง แต่ก็ไม่ได้ห้าม เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ต้องการให้นายสมพงษ์เลิกเก็บหมวกเสียที เพราะที่มีอยู่ก็มีมากแล้วจนวางไว้เต็มรั้วบ้านแล้ว ไม่ต้องเก็บมาเพิ่มอีกก็ได้
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 09:01:04 PM »
เจ๋งเลยครับท่าน 
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มีนาคม 16, 2009, 09:08:52 PM »
ขอบคุณครับพี่ ความรู้ล้วน ที่คนส่วนใหญ่(รวมทั้งผมด้วย) มองข้าม pray
|
บันทึกการเข้า
Don't try to be fast, Let's try to be smooth, when you become smooth, you 'll become fast.
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 06:39:06 PM »
ขอบคุณพี่อู๋ สำหรับสาระดีๆ ออกทริปคราวหน้าต้องดูให้ดี ครับ
|
บันทึกการเข้า
กูรู_กูรู_รู ส์วาหๅยะ กูรู้ทุกเรื่อง!! ลองฟังเขๅสักเรื่อง.. แล้วจะรู้ว่ๅกูไม่ได้รู้ทุกเรื่อง....
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มีนาคม 17, 2009, 08:34:55 PM »
ขอบคุณครับพี่อู๋... ของผมเต็มใบไว้ก่อนครับอึดอัดนิดหน่อยแต่สบายใจดีครับ ตอนนี้กำลังเล็งอุปกรณ์ Protect ตัวเองอยู่ไว้ออกทริปไกลๆ thumbsup
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มีนาคม 18, 2009, 12:25:15 AM »
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ 
|
บันทึกการเข้า
|