« เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 04:30:55 PM »
“กอดลมไว้อย่าให้หงอย” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขี่และนักเล่นรถ จักรยานยนต์คลาสสิกผ่านตัวละคร หมง หงจินเป่า,เสี้ยม หน้าพระลาน,อ็อด ใจเรี่ยม,สัน บุษบง และชาวสมาชิกชมรมกอดลมไว้อย่าให้หงอย อ่านไปยิ้มไปเป็นเรื่องสั้นที่เขียนเกี่ยวกับมิตรภาพและความรู้สึกสนานของกลุ่มคนที่รักและชื่นชอบรถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวเลยมั๊งเท่าที่ผมเคยอ่านมาที่เขียนเกี่ยวกับกลุ่มคนที่รักและหลงใหลในพาหนะสองล้อในประเทศไทยซึ่งถูกมองว่าเป็นพาหนะชั้นสอง ชั้นสาม หรือสี่ของประเทศ ซึ่งผมได้อ่านเนื้อเรื่องผ่านความสนุกสนานของชาวสองล้อผ่านตัวหนังสือจนกระทั่งเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้รักและหลงใหลในเจ้าพาหนะสองล้อนี้จวบจนกระทั่งปัจจุบัน
“ดำรงค์ อารีกุล” เป็นนามประพันธ์ของผู้แต่งเนื้อเรื่องชีวิตของ ชาวเนื้อหุ้มเหล็ก ได้อย่างสนุกสนานและมีสีสัน ชนิดที่ว่าผมขอพูดตรงตรงจากใจจริงว่า อยากเป็นส่วนหนึ่งและมีชีวิตเยี่ยงกลุ่มคนใน “ชมรม กอดลมไว้อย่าให้หงอย” สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายและสื่อผ่านตัวหนังสือออกมาเป็นแรงบันดาลใจที่ดีหลายๆอย่างให้กับผมที่ทำให้รักและหลงใหลในพาหนะสองล้อนี้โดยไม่เกี่ยงว่ามันจะถูกสร้างมาโดยชนชนชาติใด ซีซีเท่าใด แค่เรามีใจเดียวกันก็พอเพียงที่จะไปด้วยกันได้แล้ว ทำให้ผมรู้ว่ายังมีกลุ่มคนที่ช่วยกันรณรงค์และให้ความรู้จนกระทั่งวันนี้พวกเราสามารถก้าวข้ามยุคของเครื่องยนต์สองจังหวะที่แม้แต่ประเทศผู้ผลิตคิดค้นเทคโนโลยีเองยังไม่อยากได้ แต่มาบิดเบือนความจริงด้วยอ้างถึงพละกำลังเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า แรงกว่า ให้พวกเราคนไทยใช้กันเป็นสิบๆปี โดยที่กว่าที่เราจะก้าวข้ามกลุ่มหมอกควันสีขาวมาเป็น “เครื่องยนต์สี่จังหวะในวันนี้” ต้องขอบคุณทั้งผู้แต่งและกลุ่มคนรุ่นก่อนที่มีวิสัยทัศน์ที่ช่วยกันผลักดันจนกระทั่งออกมาเป็น “กฎหมายที่ดีบางข้อในวันนี้” เนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นยังเป็นแรงบันดาลใจที่ยังคงทำให้รักในการขับขี่ และทำให้ตัวผมรู้ว่าจุดประสงค์จริงๆในการขับขี่เจ้าสองล้อนี้ ว่าผมจะขี่มันไปเพื่ออะไร(ในเมื่อรถยนต์ก็มีขับ) ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากขับขี่ให้ถูกต้องตามกฎจราจรเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่กับมันไปนานๆ (แต่มีกฎจราจรอีกหลายข้อที่ไม่เห็นด้วยอย่างแรง พร้อมที่จะทำผิดและถ้าอยากจับก็จับ พร้อมจะจ่ายค่าปรับ) และอยากให้คนโตในเมืองรักและเข้าใจในชาวสองล้อเหมือน น้าชาติ (พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ) อดีตนายกรัฐมนตรี
ผมอยากเป็นสมาชิกในกลุ่ม “กอดลมไว้อย่าหงอย” เพราะว่าผองเพื่อนในจินตนาการของผู้แต่งทำให้ผมรู้ว่าผมจะใช้ชีวิตแบบ “เนื้อหุ้มเหล็กไปเพื่ออะไร” และ “จะขับขี่มันไปให้ไกลสักแค่ไหนถึงจะพอ” คำตอบของผมที่จะบอกทุกคนคือ “เพื่อมิตรภาพ และไกลเท่าที่มิตรภาพจะไปถึง” ผมขออนุญาติ น้าดำรงค์ อารีกุล เผยแพร่เนื้อเรื่องบางตอน ให้ “ชาวเนื้อหุ้มเหล็ก” ได้อ่านและมีความรู้สึกร่วมกันนะครับ ยังไงถ้าน้าดำรงค์จะพิมพ์ออกมาขายอีกเอาให้ครบชุดนะครับ ผมว่ายังมีคนอีกมากที่อยากอ่าน, อยากเก็บสะสมไว้และอยากเป็นสมาชิกในกลุ่ม “กอดลมไว้อย่าหงอย” ผมมาจากยุคของ HD(HONDA)อีแต๋ว นันทิดา (ทำไมถึงเรียกชื่อนี้ติดตามกันดูนะครับ) จนวันนี้ถึงยุค HD(HARLEY) เฟื่องฟู น้องน้องบางคนอาจจะไม่รู้จัก ยังไงเพื่อนเพื่อนช่วยกันแชร์ความหลังบ้างนะครับ ส่วนคำตอบของพี่น้องผองเพื่อนจะมีอะไรกันอีกบ้าง แชร์ความรู้สึกออกมาอ่านกันบ้างนะครับ. อ้อผมชื่อ พัฒ ครับทักทายกันบ้างนะครับ!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2010, 01:20:33 PM โดย PhatZ »
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 04:33:04 PM »
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 05:42:04 PM »
;Dผมมีเก็บไว้เกือบทุกเล่มเลย ชอบมาก
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 05:47:11 PM »
น่าสนใจครับ......จะรออ่านครับคุณพัด number1 pray
|
บันทึกการเข้า
ไม่..จำ..เป็น..ว่า..จะ..ต้อง..กี่..ไมล์ ..แค่..สัม..ผัส..อยู่..บน..นั้น....มัน..ก็..พอ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:04:06 PM »
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 09, 2010, 09:12:50 PM »
นึกถึงความ สุข ความสนุก ทุกครั้งที่ได้อ่าน ตั้งแต่พิมพ์เป็นตอน ๆ ใน หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ จนมารวมเล่ม ก็ต้องซื้อมาอ่านจนได้ครับ อยู๋บ้าง หายไปบ้างตามกาลเวลา ถ้าคุณพัฒน์ นำมาให้อ่านกันอย่างนี้ เป็นพระคุณอย่างสูงครับ คิดถึง หมง หงจินเป่า , น้าเสี้ยม หน้าพระลาน , มีน ทองฉาน , สันต์ บุษบง , สองพี่น้อง พี่อ้อด ใจเรี่ยม พิชาน , น้าซองแฝด , วรุฒ , ฟูเฟื่อง ,เค้าท์ คงคา โอ้ยยยย อดใจรอ แทบไม่ไหวครับ thumbsup thumbsup thumbsup
|
บันทึกการเข้า
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งการมุ้งการเมา TURN ON TUNE IN DROP OUT
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 05:44:23 AM »
กอดลมไว้อย่าให้หงอย ตอนแรกก็คุ้นๆมาก เหมือนเคยรู้จักวลีประโยคนี้ที่ไหน นั่งอ่านไปเรื่อยๆก็ให้ได้นึกถึงอดีตที่เคยอ่านขายหัวเราะ ขอบคุณมากครับ หวังว่าพี่คงจะนำเสนอให้ได้ครบทุกตอนนะครับ รอติดตามอ่านอยู่ ฮิๆ อ้อ อีกอยางอยากรบกวนถามพี่ว่าพี่โหลดมาจากเวปไหนครับ พอดีว่าผมตามหาหนังสือเก่าอยู่เล่มหนึ่งไปตามหาที่ร้านหนังสือเขาบอกว่าเลิกตีพิมพ์แล้วเผื่อว่าจะหาได้ในเวป ชื่อเรื่องว่า ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อนพอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลาครับ หากใครสนใจหาอ่านได้นะครับตลกมากเหมือนกัน หรือถ้าใครมีในครอบครองรบกวนเผื่อแผ่ผมบ้างครับ ตามหามานานมาก headbang thumbsup worship
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2010, 05:46:07 AM โดย sibtid2004 »
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 08:52:24 AM »
นึกถึงความ สุข ความสนุก ทุกครั้งที่ได้อ่าน ตั้งแต่พิมพ์เป็นตอน ๆ ใน หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ จนมารวมเล่ม ก็ต้องซื้อมาอ่านจนได้ครับ อยู๋บ้าง หายไปบ้างตามกาลเวลา ถ้าคุณพัฒน์ นำมาให้อ่านกันอย่างนี้ เป็นพระคุณอย่างสูงครับ คิดถึง หมง หงจินเป่า , น้าเสี้ยม หน้าพระลาน , มีน ทองฉาน , สันต์ บุษบง , สองพี่น้อง พี่อ้อด ใจเรี่ยม พิชาน , น้าซองแฝด , วรุฒ , ฟูเฟื่อง ,เค้าท์ คงคา โอ้ยยยย อดใจรอ แทบไม่ไหวครับ thumbsup thumbsup thumbsup
number1 number1 ผมจะทยอยลงไปเรื่อยเรื่อยนะครับ เนื่องด้วยต้องถ่ายบ้าง สแกนบ้างแล้วแต่จังหวะจากหนังสือ และขออนุญาติ ลบเนื้อเรื่องในช่วงแรกแรกหลังจากผ่านไปสักสองสามวันนะครับ เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้สิ่งดีดีในหนังสือของ น้าดำรงค์ อารีย์กุลและผมคิดว่าเหมาะกับพวกเราที่หลงใหลใน "ม้าเหล็ก" เหมือนกันและเพื่อจะได้มีแรงกระตุ้นให้จัดพิมพ์ขึ้นมาอีกเพราะผมอยากซื้อเก็บไว้อีกสักชุดนะครับมันหาไม่ไ้ด้แล้วอะครับเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตบนอานมอเตอร์ไซด์นะครับ number1 number1
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 08:54:11 AM »
ตอนนี้ยังมีหนังสือขายอยู่ไหมหนอ 
สนุกจริง ๆ ครับ รอติดตาม worship thumbsup
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:36:40 AM »
เมื่อก่อนเคยติดตามอ่านในขายหัวเราะ...ดีใจมากครับที่ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง......
|
บันทึกการเข้า
KNOCKING ON HEAVEN'S DOOR
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 09:44:52 AM »
อ่านแล้วคิดถึงวัยห่ามๆทำอะไรไม่คิด ขี่ Suzuki FR80...ปาดเบาะ ใส่หางปลา ซิ่งกับเพื่อนๆ ..............มาติดตามอ่านครับ.....
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:00:57 AM »
thumbsup thumbsupติดตามตอนต่อไป 
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:17:13 AM »
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันอีกครั้งครับ ไม่ได้เห็นมาหลายปี ยังนึกอยู่ว่าจะไปหามาอ่านอีกรอบนึง  สมัยนั้น NSR150 เพิ่งออกมาเป็นครั้งแรก อย่างเท่ห์  ถ้าจำไม่ผิดซื้อมาคันละ 5 หมื่น.. NV400 เพิ่งจะคันละ 7.5 หมื่น.. ไปทิ้งโค้งแถวบ้านแบบ เวน การ์ดเนอร์.. สไลด์หลุดโค้งจนคนแถวนั้นต้องมาช่วยยก stupidme boogie อ่านแล้วนึกถึงตอนที่ไม่ต้องใส่หมวกกันน็อกขี่มอเตอร์ไซค์ครับ.. หยิบแว่นตาใส่แค่อย่างเดียวก็ซิ่งได้แล้ว 
|
บันทึกการเข้า
FLSTS, FLSTC
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:20:31 AM »
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านกันอีกครั้งครับ ไม่ได้เห็นมาหลายปี ยังนึกอยู่ว่าจะไปหามาอ่านอีกรอบนึง 
สมัยนั้น NSR150 เพิ่งออกมาเป็นครั้งแรก อย่างเท่ห์ ถ้าจำไม่ผิดซื้อมาคันละ 5 หมื่น.. NV400 เพิ่งจะคันละ 7.5 หมื่น.. ไปทิ้งโค้งแถวบ้านแบบ เวน การ์ดเนอร์.. สไลด์หลุดโค้งจนคนแถวนั้นต้องมาช่วยยก stupidme boogie
อ่านแล้วนึกถึงตอนที่ไม่ต้องใส่หมวกกันน็อกขี่มอเตอร์ไซค์ครับ.. หยิบแว่นตาใส่แค่อย่างเดียวก็ซิ่งได้แล้ว 
ลี่..คนเราถ้าเล่าถึงความหลังแสดงว่าเริ่มจะแก่แล้วนะ 555 headbang number1
|
บันทึกการเข้า
แก่แต่สังขาร แต่สันดานยังวัยรุ่นอยู่
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 10:20:59 AM »
thumbsup thumbsup thumbsup thumbsup thumbsupติดตามตอนต่อไป
|
บันทึกการเข้า
ฮาเล่ย์ฝั่งธนฯ คนบางแค... number1 
|