เรือบรรทุกเครื่องบิน [Aircraft Carrier]
เมื่อกล่าวถึงเรือรบของกองทัพเรือทั่วโลก มีเรือหลากหลายลักษณะที่ถูกสร้างมาเพื่อให้สามารถสนับสนุนการกิจของกองทัพเรือได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันประเภทของเรือรบจึงถูกแบ่งได้นับสิบประเภทตามภารกิจ แต่โดยปกติแล้วจะมีเพียง 7 ประเภทหลักๆเท่านั้น ได้แก่ Aircraft Carriers, Cruisers, Destroyers, Frigates, Corvettes, Submarines และ Amphibious assault ships แต่เรือรบที่นับว่าเป็นหัวใจหลักและมีความสำคัญในการรบทางเรืออย่างแท้จริง คงต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือที่มีคุณค่าทางยุทธการสูงของกองเรือรบในทะเล
เรือบรรทุกเครื่องบิน (Aircraft carrier) ในความหมาย คือ เรือรบที่ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็นฐานบินในทะเล สามารถรับส่งอากาศยานเพื่อวางกำลังทางอากาศ และเพิ่มระยะทำการของกำลังทางเรือให้สามารถสนับสนุนการใช้กำลังทางอากาศให้ได้ระยะทางมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาฐานบินบนบก เรือบรรทุกเครื่องบินถูกพัฒนาจากเรือที่ทำด้วยไม้ จนกระทั่งเป็นเรือพลังงานนิวเคลียร์ที่สามารถบรรทุกอากาศยานได้ทั้งปีกนิ่ง (Fixed wing) และปีกหมุน (Rotary wing) และด้วยความที่เป็นเรือบัญชาการติดตั้งสนามบินเคลื่อนที่ เรือบรรทุกเครื่องบินจึงกลายเป็นเรืออันตรายต่อกองเรือของฝ่ายตรงข้ามไปโดยปริยาย แต่ในทางกลับกันเรือบรรทุกเครื่องบินก็กลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการถูกโจมตีจากกองกำลังของข้าศึกด้วยเช่นกัน ฉะนั้นคราใดที่เรือบรรทุกเครื่องบินออกเดินทางจึงจำเป็นต้องมีกระบวนเรือคุ้มกันเสมอ (Carrier battle group) เพราะเรือบรรทุกเครื่องบินมีขีดความสามารถในการป้องกันตนเองได้ในระยะใกล้เท่านั้น
เรือบรรทุกเครื่องบินที่ราชนาวีทั่วโลกมีไว้ประจำการนั้น มีคุณลักษณะและโครงสร้างแตกต่างกันไปตามหน้าที่และเทคโนโลยีที่พินิจเลือก ซึ่งสามารถจำแนกชนิดได้โดยใช้หลักเกณฑ์ต่างๆกัน แต่วิธีที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ แบ่งตามลักษณะการขึ้นลงของอากาศยาน ลักษณะที่ว่านี้เป็นเทคโนโลยีปัจจุบันที่มีใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้มีเพียง 3 แบบ ดังที่จะอธิบายต่อไป
แบบที่ 1 Catapult Assisted Take-Off But Arrested Recovery (CATOBAR)
เป็นการส่งอากาศยานโดยใช้เครื่องดีดส่ง หรือเรียกว่า Aircraft Catapult เป็นแบบฉบับของของการส่งอากาศยานบนเรือโดยเฉพาะ (มีพื้นที่จำกัด) การติดเครื่องดีดที่ว่านี้ คือนำเอาอากาศยานมาวิ่งบนรางกระสวย (Catapult Shuttle) ที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำกำลังดันสูงเพื่อส่งเครื่องขึ้น ส่วนการนำเครื่องลงจอดใช้วิธีการปล่อยตะขอเกี่ยว (Tail Hook) ที่บริเวณปลายหางของเครื่อง เพื่อเกี่ยวกับลวด (Arrestor wires) ซึ่งขึงติดกับดาดฟ้าบินที่ออกแบบมาเพื่อช่วยดึงอากาศยาน (แรงต้าน) เพื่อลงจอด ถึงแม้ว่าระบบการขึ้นลงของอากาศยานแบบนี้ มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงอยู่มากโขเมื่อเทียบกับระบบอื่น แต่มีข้อดีตรงที่มีความคล่องตัวสูงและง่ายต่อการปฏิบัติการการบินของเรือบรรทุกเครื่องบิน โดยส่วนใหญ่อากาศยานที่จะนำมาปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินนั้น จะเป็นอากาศยานที่ใช้ขึ้น-ลงบนสนามบินบกทั่วไป (Conventional aircraft) เช่น F/A-18 Hornet, E-2 Hawkeye เป็นต้น
ปัจจุบันมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินในแบบที่ใช้ CATOBAR คือ กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา กองทัพเรือฝรั่งเศส และกองทัพเรือบราซิล โดยมีรายละเอียดดังนี้
กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา (US Navy) (12)
Kitty Hawk class
-USS Kitty Hawk (CV-63) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 29 เม.ย.1961 มีระวางขับน้ำประมาณ 62,335 ตัน
Enterprise class
-USS Enterprise (CVN-65) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 25 ต.ค.1961 มีระวางขับน้ำประมาณ 73,858 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
Nimitz class
-USS Nimitz (CVN-68) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 3 พ.ค.1975 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Dwight D. Eisenhower (CVN-69) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 18 ต.ค.1977 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Carl Vinson (CVN-70) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 13 มี.ค.1982 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Theodore Roosevelt (CVN-71) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 25 ต.ค.1986 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Abraham Lincoln (CVN-72) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 11 ต.ค.1989 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS George Washington (CVN-73) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 4 ก.ค.1992 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS John C. Stennis (CVN-74) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 9 ธ.ค.1995 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Harry S. Truman (CVN-75) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 25 ก.ค.1998 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS Ronald Reagan (CVN-76) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 12 ก.ค.2003 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
-USS George H.W. Bush (CVN-77) ขึ้นระวางประจำการเมื่อ 10 ม.ค.2009 มีระวางขับน้ำประมาณ 97,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
กองทัพเรือฝรั่งเศส (French Navy) (1)
Charles de Gaulle class
-Charles de Gaulle (R 91) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 18 พ.ค.2001 มีระวางขับน้ำประมาณ 38,000 ตัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียรฺ์
กองทัพเรือบราซิล (ฺBrazilian Navy) (1)
Clemenceau class
-NAe São Paulo ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 15 ต.ค.2000 มีระวางขับน้ำประมาณ 24,200 ตัน
แบบที่ 2 Short Take-Off But Arrested Recovery (STOBAR)
เรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้จะมีระบบในการส่งอากาศยานโดยใช้ดาดฟ้าที่ออกแบบเป็น Ski-jump ในการช่วยให้อากาศยานขึ้นบิน แต่เนื่องจากอากาศยานที่ประจำบนเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้ก็เป็นแบบ Conventional aircraft เช่นเดียวกัน จึงจำเป็นต้องใช้ลวด (Arrestor wires) ช่วยในการลงจอดเช่นเดียวกับในแบบแรก เครื่องบินที่ประจำบนเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้จะมีน้ำหนักที่เบากว่าในแบบแรกและมีอัตราส่วนของแรงขับต่อน้ำหนักที่สูงเช่น MiG-29K, Su-33 ฯ รวมไปถึงอากาศยานปีกหมุนแบบต่างๆ ในปัจจุบันมีเพียงประเทศเดียวที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้ คือกองทัพเรือรัสเซีย ได้แก่ เรือ Admiral Kuznetsov และในอนาคตจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ลำ ซึ่งเป็นของกองทัพเรืออินเดีย คือ เรือ Vikramaditya (อยู่ในระหว่างการปรับปรุงที่รัสเซีย) และเรือชั้น Vikrant class (อยู่ในระหว่างการสร้างจำนวน ๑ ลำ)
กองทัพเรือรัสเซีย (ฺRussian Navy) (1)
Admiral Kuznetsov class
-Admiral Kuznetsov (063) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 21 ม.ค.1991 มีระวางขับน้ำประมาณ 65,000 ตัน
แบบที่ 3 Short Take-Off Vertical Landing (STOVL)
เรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้จะมีระบบในการส่งอากาศยานโดยใช้ดาดฟ้าที่ออกแบบเป็น Ski-jump ในการช่วยให้อากาศยานขึ้นบิน แต่ในการนำอากาศยานลงจอดต้องทำในแนวดิ่งเท่านั้น อากาศยานหลักที่ประจำบนเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้จะเป็นแบบ STOVL (Short Take Off and Vertical Landing) คือการใช้ระยะทางในการขึ้นบินที่สั้น แต่ในการลงจอดต้องลงในแนวดิ่ง เช่น AV-8B Harrier, F-35B Lightning II (กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ) รวมไปถึงอากาศยานปีกหมุนแบบต่างๆ เช่น SH-60 Seahawk, Agusta AB-212 ฯ
ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ประเทศ ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินประเภทนี้ ได้แก่
กองทัพเรืออังกฤษ (Royal Navy) (3)
Invincible class
-HMS Invincible (R05) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 11 ก.ค.1980 มีระวางขับน้ำประมาณ 20,710 ตัน
-HMS Illustrious (R06) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 20 มิ.ย.1982 มีระวางขับน้ำประมาณ 22,000 ตัน
-HMS Ark Royal (R07) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 1 ต.ค.1985 มีระวางขับน้ำประมาณ 20,600 ตัน
กองทัพเรืออิตาลี (Marina Militare) (2)
Giuseppe Garibaldi class
-Giuseppe Garibaldi (551) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 30 ก.ย.1985 มีระวางขับน้ำประมาณ 13,850 ตัน
Cavour class
-Cavour (550) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 27 มี.ค.2008 มีระวางขับน้ำประมาณ 27,910 ตัน
กองทัพเรือสเปน (Spainish Navy) (1)
Principe de Asturias class
-SNS Principe de Asturias (R-11) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 30 พ.ค.1988 มีระวางขับน้ำประมาณ 16,700 ตัน
กองทัพเรืออินเดีย (Indian Navy) (1)
Centaur class
-INS Viraat (R22) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 18 พ.ย.1959 มีระวางขับน้ำประมาณ 28,700 ตัน
กองทัพเรือไทย (Royal Thai Navy) (1)
Chakrinaruebet class
-H.T.M.S.Chakrinaruebet (CVH911) ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ 20 มี.ค.1997 มีระวางขับน้ำประมาณ 11,700 ตัน
จากประเภทของเรือบรรทุกเครื่องบินที่กล่าวดังข้างต้น ทำให้ปัจจุบันมีประเทศที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินไว้ใช้ในราชการทั้งสิ้น 9 ประเทศ โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นประจำการแล้วกว่า 23 ลำ และคาดว่าจะมีโครงการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นประจำการเพิ่มในกองทัพอีกหลายประเทศ บ้างก็กำลังสร้าง บ้างก็กำลังปรับปรุง หรืออาจวางโครงการไว้ จึงแสดงให้ประจักษ์ชัดว่าเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นเรือประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญต่อกำลังรบทางเรือ ซึ่งกองทัพเรือทั่วโลกให้ความสำคัญไม่เว้นแต่ราชนาวีไทย ด้วยประสิทธิภาพและขีดความสามารถที่หลากหลาย ตอบสนองภารกิจได้อย่างไม่จำกัด วันนี้เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือที่มีคุณค่าทางยุทธการสูง จึงเป็นคำตอบเดียวของคำว่า แสนยานุภาพทางเรือ
เพิ่มเติม -นอกจากเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว ยังมีเรืออีกประเภทหนึ่งที่มีคุณลักษณะและขีดความสามารถใกล้เคียง
กัน คือ เรือโจมตียกพลขึ้นบก (Amphibious Assault Ships) จะแตกต่างกันตรงที่ไม่สามารถรับ/ส่ง
อากาศยานปีกนิ่งได้เท่านั้น หากนับจำนวนรวมทั้วโลกแล้วอาจมีมากกว่า 15 ลำ อาทิ เรือชั้น Warp(

และ ชั้น Tarawa(5) ของกองทัพเรือสหรัฐ เรือชั้น Ocean(1) ของกองทัพเรืออังกฤษ และ เรือชั้น
Dokdo(1) ของกองทัพเรือเกาหลีใต้ เป็นต้น