« เมื่อ: เมษายน 09, 2010, 07:26:29 PM »
w/ O2 eliminators กับ Dynojet O2 sensor eliminators installed มันคืออะไรครับ ช่วยบอกหน่อยครับ worship surrender
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 09, 2010, 09:53:08 PM »
เป็นระบบกล่องจูนน้ำมันของ Dynojet ที่ตัดระบบเซนเซอร์เช็คปริมาณออกซิเจนในไอเสียที่ใช้กับรถที่ออกจากโรงงานครับ เรื่องมี O2 แล้วดีกว่า หรือไม่มีแล้วดีกว่า.. อันนี้ยังไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ๆ.. ซื้อรถคันต่อไป ไม่เอาแล้วหัวฉีด.. กลับมาขี่คาร์บูอย่างเดิมดีกว่า chainsaw
|
บันทึกการเข้า
FLSTS, FLSTC
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 10, 2010, 11:28:26 AM »
ถ้ามี O2 Sensor มันจะเป้น Closed Loop Operation ครับ ถ้าไม่มี ก็จะสามารถปรับจูนได้มากกว่า เป้น Open Loop Operation ส่วนใหญ่ กลัวเครื่องจะพัง เลยไม่กล้าจูนแรงๆ ทำให้มีพวกหัวใสออก O2 Sensor มา มีทั้งช่วงแคบและช่วงกว้าง Narrow Band กับ Wide Band ช่วงแคบจะเป็นที่เซตมากับตัวรถครับ ของแต่งจะเป็นช่วงกว้างเพราะสามารถปรับน้ำมันได้มากกว่า เช่นหัวฉีดแต่ง เทอร์โบ บราๆๆๆ ตันนี้เป้นส่วนสำคัญในการคำนวนครับ ดูเรื่องการจ่ายน้ำมันมากไป น้อยไป ถ้าไม่มีก็จะไม่สามารถบอกได้ว่า นำมันมากรึว่าน้อย ทำให้ยุ่งยากต่อการปรับจูนด้วยตนเองครับ -------------------------------- Close VS Open close loop คือช่วงที่เครื่องยนต์ทำงานสบายๆ ส่วนผสมทัวไป ประมาณ 14:1 โดยการควบคุมจากออกซิเจนเซ็นเซอร์ ที่ท่อไอเสีย รถจะประหยัดเชื้อเหลิงไม่ว่าจะป็นน้ำมัน หรือแก๊ส ครับ open loop คือช่วง ที่ลากรอบ หรือเพิ่มอัตราเร่ง เครื่องยนต์ต้องการพลัง ส่วนผสมโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 9-11:1 จากโรงงานขึ้นอยู่กับการออกแบบ และจุดประสงค์ เพื่อไม่ให้การเผาใหม้สมบุรณ์เกินไป จะทำให้เกิดความร้อนสูงในห้องเผาใหม้ ไปเผาฝาสูบและวาวล์ วิธีการทำให้เครื่องแรงขึ้น ทำกันตรง open loop นี่แหละ คือลดเชื้อเพลิงลง เครื่องจะแรงขึ้น ก็คือ ร้อน แรง และกระจายในที่สุด ในการออกแบบ และควบคุมเครื่องยนต์ ผู้ผลิตจะยึดถึงเรื่องอายุการใช้งานเป็นหลัก ไม่ใด้คิดกั๊กแรงม้า ไว้ขำๆเล่นๆครับ เครดิต http://www.gasthai.com/boardshop/Question.asp?shopname=highway&id=2784
|
บันทึกการเข้า
ขี่ไปวันๆ ไปไหนก็ได้ที่ใจอยากไป สายลม แสงแดด สายฝน
ไม่มีจุดหมาย ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
อ่าน Blog ของผมด้วยน๊า ชอบใจก็เม้นไปเลย ไม่ชอบใจก็เม้นแรงๆเลย จะได้พัฒนาสิ่งที่ดีสู่ชีวิต
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 10, 2010, 06:13:20 PM »
|
บันทึกการเข้า
Super PAT ชัยภูมิสวัสดีครับ ผมโอ้ทครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 10, 2010, 07:16:39 PM »
|
บันทึกการเข้า
สวยงาม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 10, 2010, 10:24:17 PM »
เคยใช่คาร์บูมาแล้ว และได้เปลี่ยนมาใช้หัวฉีดสตาร์ทที่แรกเครื่องรัวมาก สักพักก้อรัวน้อยลง วิ่งประหยัดดีไม่ต้องวอร์มเครื่องนานทีเดียวติด และที่สำคัญเวลาวิ่ง หรืออัดยาวๆสุ่มเสียงยังเร้าใจเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ตับ ตับ ตับ thumbsup สำหรับผม ผมว่าผ่านนะหัวฉีด แรกๆก้อกลัวเหมือนกันแต่ได้ลองแล้ว โอเคเลย ตอนนี้เพื่อนๆ 7 ก้อหันมาใช่หัวฉีดกันหลายคัน thumbsup number1
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2010, 10:32:58 PM โดย cops »
บันทึกการเข้า
แก่แต่สังขาร แต่สันดานยังวัยรุ่นอยู่
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 10, 2010, 10:37:40 PM »
ส่วนตัวไม่เคยใช้หัวฉีดเลยแต่ถ้าจากเสียงแล้วชอบคาร์บูมากกว่าจริงๆแต่ยังซะเดี๋ยวคงต้องซื้อตัวหัวฉีดมาเพิ่มอย่างแน่นอน ส่วนคาร์บูยามนี้ต้องเก็บไว้เพราะต่อไปจะหายากแล้วเพราะจะกลายเป็นหัวฉีดกันหมด 
|
บันทึกการเข้า
Live Hard,Ride Free-Club Dyna's Thailand
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 12, 2010, 11:52:54 AM »
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 23, 2010, 09:33:03 PM »
เสียงเครื่องรถ คาบูมันกว่าเยอะ ผมคนหนื่งที่กลับมาใช้ คาบู ขับเองจูนเอง
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 29, 2010, 08:15:45 AM »
ดีครับคาร์บูไม่รัวไม่ร้อนเสียงเดินเบาตั้งได้ผมชอบตอนนี้กลับมาเล่นคาร์บูอีกแล้วเดือนหน้ามาอีกคันก็คาร์บู headbang
|
บันทึกการเข้า
mad springer
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 29, 2010, 08:51:52 AM »
อ่า นะ !!!!เรามาตั้ง แก๊งคาบู กันมั๊ย?.....ฮา boogie
|
บันทึกการเข้า
สวยงาม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 07, 2010, 11:21:31 AM »
อ่า นะ !!!!เรามาตั้ง แก๊งคาบู กันมั๊ย?.....ฮา boogie
เอาด้วยครับ อิอิ
|
บันทึกการเข้า
|