« เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:08:31 PM »
การกำจัดแมลงสาบ**
ในบ้านที่มักจะอยู่ตามครัว ตู้ โต๊ะ
หรือตามซอกตามมุมต่างๆ**
* เขาบอกว่าวิธีที่ได้ผลและง่ายแสนง่าย
แต่คนมักไม่ทราบหรือคิดไม่ถึง
นั่นก็คือใช้ " พริกไทยเม็ด " ไปวางตามจุดต่างๆ
ที่แมลงสาบชอบออกมาไต่ยั้วเยี้ย
หรือแอบมากินเศษอาหาร โดยวางไว้ที่ละ 4-5 เม็ดก็พอ แค่นี้
แมลงสาบได้กลิ่นก็ไม่มารบกวนแล้ว เพราะมันไม่ถูกกับกลิ่นพริกไทยเม็ด
ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงให้เสียเงิน หรือเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน
พอกลิ่นหมด ก็คอยเปลี่ยนใหม่ ข้อสำคัญ ระวังเด็กเล็กในบ้านอย่าคลานไปกินเข้า
จะร้องไห้จ้าเพราะความเผ็ด
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:13:29 PM »
** กำจัดยุงและแมลงตัวเล็กๆ** ไม่ให้มารบกวนตอนอ่านหนังสือหรือทำงานตอนกลางคืน** * เขาให้ใช้ " การบูร " มาห่อผ้าขาว หรือไปซื้ออย่างที่เขาห่อสำเร็จมาแล้วก็ได้ จากนั้นนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับหลอดไฟ หรือโคมไฟ เพื่อความร้อนจากหลอด หรือโคมจะทำให้กลิ่นการบูรค่อยๆ ระเหิดออกมาอย่างรวยริน ยิ่งกลิ่นออกมามากเท่าใด ยุงและแมลงก็จะบินหนี เพราะมันไม่ชอบกลิ่นการบูร แค่นี้ก็ไม่ต้องจุดยากันยุงหรือทายากันยุงให้เหนอะหนะเหนียวตัว ** ขับไล่หนูชุกชุม** โดยไม่ต้องฆ่าให้บาปกรรม ด้วยการนำ น้ำมันระกำ **10 ** ส่วน* * * ผสมกับน้ำมันสะระแหน่อีก 90 ส่วนให้เข้ากัน แล้วเอาไปทาตามทางเดินของหนู หรือที่ๆ หนูชอบมา มันจะไม่มาอีกเลย เมื่อได้กลิ่นน้ำมันทั้งสองอย่างนี้ แต่ทางที่ดีควรจะเก็บเศษอาหารให้หมด และทำบ้านเรือนให้สะอาด อย่ารกรุงรังเป็นดีที่สุด ** วิธีต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่าย** การต้มไข่นั้น ดูเป็นเรื่องไม่ยาก แต่เชื่อไหมว่า หากจะต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่ายๆ หลายคนกลับทำไม่ได้ แถมปอกแล้วเนื้อไข่ติดเปลือกทำให้ไม่สวยงามอีก ดังนั้น วิธีง่ายๆที่จะต้มไข่ให้ปอกเปลือกได้ง่าย เขามีเทคนิคพิเศษด้วยการ ต้มไข่แบบธรรมดานี่แหละ แต่ให้เอา " เกลือ " ใส่เข้าไปพอสมควร ให้น้ำที่ต้มมีความเค็มเล็กน้อย กะว่าไข่สุกดีแล้ว ก็ให้เอาไข่นั้นแช่ในน้ำเย็นธรรมดา พอไข่ต้มเย็นลงพอควร ก็จับปอกเปลือกได้ จะรู้สึกเลยว่าเปลือกไข่แกะออกง่าย และล่อนดีไม่ติดเหมือนปกติ ทำให้ปอกไข่ต้มออกมาได้อย่างสวยงาม น่ากิน ** ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว** การต้มถั่วดูเหมือนจะง่ายคล้ายๆกับต้มไข่ แต่จริงๆแล้ว ใครที่เคยต้มทั้งถั่วดำ ถั่วแดง จะรู้ดีว่ากว่าจะต้มสุกได้ต้องใช้เวลานานมาก จนหลายคนเอือม ไม่คิดอยากกินถั่วอีกเลย หรือไม่ก็ไปซื้อเขาสบายกว่า บางคนก็ใช้วิธีแช่น้ำคืนหนึ่งก่อนนำมาต้ม แต่เขาบอกว่าวิธีที่เร็วและสะดวกกว่าคือ ก่อนนำถั่วไปต้ม ให้เอาไป " คั่ว " ในกะทะให้สุกเสียก่อน เป็นการทำให้สุกครั้งแรกที่ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงเอาหม้อใส่น้ำ แล้วใส่ถั่วลงไป โดยกะน้ำให้พอดีกับถั่วที่จะต้ม แล้วตั้งไฟต้ม คราวนี้แหละถั่วที่ต้ม ก็จะสุกเร็วขึ้น เมื่อถั่วสุกก็ใส่น้ำตาลลงไป กะให้หวานพอเหมาะหรือตามแต่ชอบ
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:14:00 PM »
ขอบคุณ สำหรับความรู้ใหม่ๆครับ worship
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:14:30 PM »
worship pray worship ขอบคุณครับคุณโย่ง ที่แนะนำภูมิปัญญาชาวบ้านดีๆมาให้ใช้ครับ... worship pray worship
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:16:44 PM »
** วิธีเก็บขนมปังให้นานวันขึ้น** โดยมิให้เสีย หรือหมดอายุเร็วเขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก ขนมปังที่ซื้อมาแล้ว และเรากินไม่หมดก็ให้ห่อเก็บในพลาสติก เหมือนเดิมนั่นแหละเพียงแต่ให้เอาผ้าขาวสะอาดๆมาห่อหุ้มเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง จากนั้นให้ผูกด้วยเชือกหรือใช้ยางรัดให้แน่น แล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็นตามปกติธรรมดา ไม่ต้องไปเข้าช่องแข็ง ทำแบบนี้ขนมปังที่ว่าก็จะมีอายุนานขึ้นโดยไม่เสื่อมสภาพ เมื่อเอาไปย่าง ปิ้ง ทาเนยแยม ก็ยังจะอร่อย และคงความนุ่มไว้เหมือนเดิม ** วิธีหาเสี้ยน หรือหนามที่ตำ ให้เห็นง่ายๆ** เมื่อเราถูกเสี้ยนหรือหนามตำไม่ว่าที่ไหนก็ตาม บางทีเสี้ยนมีขนาดเล็กและกลมกลืนไปกับสีผิว ทำให้มองไม่เห็นแต่หากไม่เอาออกก็จะระคายเคือง เจ็บปวดไม่หาย เขาบอกว่าวิธีการหาง่ายๆ คือให้ใช้ " ทิงเจอร์ไอโอดีน " แตะบริเวณที่ถูกเสี้ยนหรือหนามตำ สีของทิงเจอร์ฯ จะทำให้เห็นรอยเสี้ยนที่หักคาอยู่อย่างเด่นชัด ทำให้เราจัดการเอาออกได้โดยง่าย อีกทั้งทิงเจอร์ฯ ยังช่วยรักษาแผลสดได้ดีอีกด้วย * วิธีบำรุงสายตาด้วยสมุนไพรราคาถูก** นั่นคือ " ผักบุ้ง " ที่เราส่วนใหญ่รู้ๆ กันอยู่แล้วนี่เอง นอกจากจะกินผักบุ้งเพื่อให้ได้วิตามินเอ ที่มีมากมายในตัวผักมาบำรุงสายต??แล้ว คนไม่น้อยคงไม่รู้ว่า เราสามารถเอาผักบุ้งไทยมาล้างให้สะอาด แล้วปั่นให้ละเอียดจากนั้น เอาผ้าขาวบางไปต้มฆ่าเชื้อเสียก่อน แล้วผึ่งให้หมาด นำมาปิดไว้ที่หน้าแล้วให้ผักบุ้งไทยปั่นที่ว่ามาโปะบนผ้าขาวบาง บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ปล่อยไว้นานพอควรจนรู้สึกว่า มีน้ำจากผักซึมเข้ามาที่ดวงตาที่หลับอยู่ ก็เอาออก แล้วหลับตาล้างเปลือกตาให้สะอาด เขาว่าให้ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง จะช่วยสุขภาพของดวงตาให้ดีขึ้น ทำให้สายตาแจ่มใสอยู่เสมอ ** วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง** นอกเหนือไปจาก " สารส้ม " ที่เขาแนะให้นำมาถูรักแร้ตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้ว ก็ยังมีอีกสูตรในการแก้กลิ่นเต่าแรงคือ " ใบตำลึง " กับ " ปูนแดง " โดยให้ตำใบตำลึงให้เละที่สุด แล้วนำมาผสมกับปูนแดงสักก้อนเล็กๆ ผสมให้ทั่วกันดีแล้ว ก็นำมาทาที่รักแร้เพียงบางๆ แล้วปล่อยให้แห้งไปเอง ควรทำตอนอาบน้ำก่อนไปทำงานตอนเช้า จะได้ทำงานได้ตลอดวัน โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ออกมารบกวนใครต่อใคร บางคนอาจคิดว่ายุ่งยาก ลำบาก หาซื้อพวกโรลออนทาง่ายกว่า แต่แนะไว้เผื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล ก็ลองดูวิธีนี้ดูบ้าง
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:19:50 PM »
** ว่ายน้ำแล้ว** มิให้เกิดเป็นตะคริวขึ้นมา** *ตะคริว หมายถึง อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง ชาไปหมด ความรู้สึกเสียไปถ้าเป็นบนบก ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ก็จะหายไปเอง แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่จะอันตรายมาก เพราะทำให้จมน้ำตายได้ วิธีแก้ไขหรือป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำอยู่นั้น เขาให้ดื่มน้ำเกลือ เสียก่อนลงไปว่าย เกลือที่ใช้ก็คือ เกลือแกงในครัวนั่นแหละโดยเอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ ดื่มเสียให้เรียบร้อยก่อนลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำ ทีนี้รับรองไม่เป็นตะคริวแน่นอน ** เป็นบิด** และไม่มียาแผนปัจจุบัน โรคบิดเป็นโรคทางเดินทางอาหาร เวลาถ่ายจะปวดมวนท้องไส้มาก โรคนี้ส่วนใหญ่ต้องแก้ด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่หากไม่มี ก็ให้เอากระชายาสัก 5 ราก เผาไฟบดให้ละเอียดผสมน้ำ แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ดื่มน้ำนี้สักอึกสองอึก เว้นอีกสักชั่วโมงก็ดื่มอีก ไม่นานก็จะหาย ** ลดอาการไข้ ตัวร้อน** ตามปกติเราก็กินยาแก้ปวดหัวตัวร้อน อย่างพาราเซตามอล แต่หากไม่มี แล้วเกิดอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ขึ้นมา เขาบอกว่าให้ดื่มน้ำมะพร้าวสัก 1 แก้ว แล้วนอนพักผ่อน อาการไข้ก็จะทุเลาลง แล้วให้ดื่มแทนน้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานอาการที่ว่าก็จะหายเป็นปกติ ** มีแผลในปากที่ทำให้เจ็บแสบ** น่ารำคาญ เขาบอกวิธีง่ายๆ ที่จะแก้ คือ ให้กินสับปะรด ยิ่งตรงไหนเป็นแผลให้อมไว้ตรงนั้นนานๆ ไม่ช้าไม่นานก็จะหายไปเอง เหมือนหนามหยอกเอาหนามบ่ง ที่เป็นเทคนิคหรือความรู้แบบชาวบ้านๆ ที่แม้ว่าโลกจะก้าวไปไกลเพียงไร แต่ใช่ว่าความเจริญเข้าไปถึงหมดทุกแห่ง ดังนั้นภูมิปัญญาเหล่านี้จึงยังมีประโยชน์และคุณค่าอยู่เสมอ ซึ่งคนสมัยปัจจุบันก็ยังสามารถทดลองใช้ได้ ข้อสำคัญส่วนใหญ่มีราคาไม่แพงและทำให้พึ่งตนเองได้ด้วย
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:37:34 PM »
..จริงครับคุณ ย.โย่ง ผมเป็นร้อนในบ่อยๆ (แผลในปาก) ก็ทานสับปะรด อาการก็ดีขึ้นครับ.. eyeopoping
....ขอบคุณข้อมูลแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำมาเสนอให้ทราบทั่วกับครับ... thumbsup worship
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 02:54:39 PM »
thumbsup ข้อมูลดีมากเลยคร๊าบ thumbsup
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 03:08:24 PM »
อันนี้ความรู้ล้วนๆ........ขอsaveไว้ก่อน......ขอบคุณครับ pray
|
บันทึกการเข้า
ไม่..จำ..เป็น..ว่า..จะ..ต้อง..กี่..ไมล์ ..แค่..สัม..ผัส..อยู่..บน..นั้น....มัน..ก็..พอ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 05:05:15 PM »
pray ขอคุณภูมิปัญญาไทยๆที่นำเสนอครับ...หลายอย่างที่ไม่รู้ก็ได้รู้ครับ...
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 05:28:25 PM »
เจ๋งมากครับพี่โย่ง...โชคดีที่เกิดเป็นคนไทยและได้ใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาของคนไทยด้วยกัน.....
|
บันทึกการเข้า
KNOCKING ON HEAVEN'S DOOR
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 05:49:59 PM »
thumbsup thumbsup thumbsup thumbsup
|
บันทึกการเข้า
กูรู_กูรู_รู ส์วาหๅยะ กูรู้ทุกเรื่อง!! ลองฟังเขๅสักเรื่อง.. แล้วจะรู้ว่ๅกูไม่ได้รู้ทุกเรื่อง....
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 06:44:58 PM »
thumbsup thumbsup thumbsup thumbsup
|
บันทึกการเข้า
เป็นพระมีหน้าที่เทศน์...เป็นเปรตมีหน้าที่ขอ...คนสิ้นหวัง มีหน้าที่รอ...ไอ้พวกสอพลอ..มีหน้าที่..เลีย..
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 08:38:42 PM »
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ เยี่ยมครับ thumbsup
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 15, 2009, 09:27:31 PM »
ได้ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาชาวบ้านดีเลยครับ.......... thumbsup thumbsup thumbsup
|
บันทึกการเข้า
|