วันก่อนได้มีโอกาศพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพกับหมอหลุยซ์ แห่ง Dyna Club ได้รับรู้ถึงเรื่องสำคัญๆ เช่น Heat stroke ดังนั้น วันนี้เลยอยากมาเล่าเรื่องสุขภาพให้กับพี่น้องผองเพื่อนให้อ่านกัน
เครดิต -
http://www.bloggang.com/data/masabuyการที่เราจะมีสุขภาพที่แข็งแรงได้นั้น เราจะต้องควบคุมการกิน การออกกำลังกาย และ นอนให้เพียงพอ หลายต่อหลายครั้ง
ผมพบว่า Rider ชาวไทย มักจะสวนทางกัน คือ นอนน้อย ออกกำลังกายเยอะไป(ตอนกินปลา) น้อยไป กินโดยเฉพาะแอลกอฮอร์
คนที่มีสุขภาพแข็งแรงก็ใช่ว่าจะอ่อนแอไม่ได้เพียงแต่ ความต้านทานก็สภาวะที่โหดร้าย เช่น ร้อน เย็น เหนื่อย จะมากกว่าคนที่ไม่ได้ดูแลรักษาสุขภาพ
การเจ็บไข้ได้ป่วยตอนออกทริปนั้นเป็นอะไรที่เซ็งเป็ดเอามากๆครับ เที่ยวไม่สนุกแถมกินอะไรก็ไม่ได้
ตอนที่ไปหลวงพระบาง ได้มีโอกาศขึ้นไปสักการะพระธาตุมีความสูงซัก 100 กว่าขั่นบันได ด้วยความที่คิดว่าเรายังหนุ่มอยู่ ยังพอมีแรงก็ตามเค้าขึ้นไป ด้วยน้ำหนักในขณะนั้น 100 กว่ากิโลนิดๆได้
พอตกกลางคืน เข่าซ้ายระบมมาก ต้องกินยาแก้ปวดแถมทายาประคบกันทั้งคืน เช้ามาก็ยังไม่ค่อยหายดี ทำให้ไปเที่ยวไม่ค่อยสนุกเพราะง่วงนอนและเจ็บเข่า
พอกลับมา ก็เลยสนใจที่จะลดความอ้วน แต่ก็ยังไม่แน่ใจ คิดว่าที่เข่าเจ็บน่าจะเพราะเรารีบขึ้นไป เลยไปซ้ำอีกรอบที่ พระธาตุดอยกองมู แม่ฮ่องสอน เดินขึ้นไป เป็นเหมือนเดิมอีก แถมหายใจยังกะหมาหอบแดด ลิ้นแห้งไปเลยทีเดียว
อ่านบทความทางการแพทย์ อ่านไปอ่านมา เค้าแนะนำ ไม่ว่ายน้ำก็ปั่นจักรยาน ไอ้ครั้นจะไปว่ายน้ำ ก็เกรงใจสาวๆกลัวกรี้ดกร๊าดกับแหนมตุ้มจิ่ว เลยตัดสินใจไปซื้อ จักรยานมาปั่น
ผมขอสารภาพบาปครับ ปั่นวันแรก นรกมาเยือน แถมยังฝืนปั่นไปกลับ ระยะทาง 20 กิโลนิดๆ ไอ้ขาไปไม่เท่าไหร่ ระบมก้นนิดๆ ไอ้ขากลับนี่ ทำท่าจะลงมาจูงเสียหลายรอบ ยิ่งไปเจอสะพานนี่แทบจะโบกมือเรียกรถแถวนั้นพากลับบ้าน
แทบสลบ ทำให้เรารู้เลยครับว่า ร่างกายเรานี่มันอ่อนแอเอามากๆ ลากสังขารไม่ไหวแล้ว เลยลดระยะทาง ไปอ่านบทความเพื่อสุขภาพเพิ่มเติม ไปซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่า Heart rate Monitor มาวัดหัวใจ
เค้าบอกว่า การจะหาค่าการเต้นของหัวใจสูงสุดนั้น ทำได้โดย เอา 220 ตั้ง ลบด้วย อายุตนเอง จะได้ ค่าสูงสุด ซึ่งค่าสูงสุดตรงนี้เป้นค่าประมาณการครับ เมื่อเราได้มาแล้ว ก็ออกไปปั่นดู ของผม MAX มัน 182 ครั้ง ต่อนาที
ให้ตายเถอะ โรบิ้น ผมปั้นจนหัวใจแทบระเบิด มันเต้นได้แค่ 152 BPM ครับ แปลว่า ร่างกายผมไม่สามารถตอบสนองได้อย่างที่มันจะเป็น แค่นี้ก็หมดแรงแล้ว หายใจยังกะวัวหอบ
เครื่องวัดหัวใจ
เครดิต -
http://www.110pounds.comเลยทำตามโปรแกรมการฝึก ซึ่งเค้า ตั้งไว้
เครดิต POLAR-HEART-RATE-MONITOR
ดูจากตารางนะครับ
ปั่นให้หัวใจเต้น 104-133 ครั้งต่อนาที เอาไว้ลดความอ้วน
ถ้า 133-152 ครั้งต่อนาที เราจะได้ความฟิตของร่างกาย
ถ้า 151 - 171 ครั้งต่อนาที จะทำให้ร่างกายของเรามีความอึดมากขึ้น
ถ้า 171-190 ครั้งต่อนาที ร่างกายเทียบเท่าพวกนักกีฬาครับ
ผมปั่นแปะ เอ้ย ปั่นจักรยาน ของผมไปเรื่อยๆ โดยคุมเอาไว้ที่ 130-140 bpm ตอนนี้ ผมปั่นไปกลับที่ 20กิโลได้สบาย แบบแรงยังเหลือ ในเวลา 9 ชั่วโมงของการขับขี่ ด้วยความเร็ว 20-25 km/hour
สิ่งที่ผมได้คือ จากเมื่อก่อนเดินขึ้นบ้านตึก 3ชั้น ก็หอบเหนื่อยแล้ว ใจเต้น เหงื่อซึม ตอนนี้ วิ่งขึ้นชั้น 3 ชิวๆครับ รู้สึกแค่หัวใจเต็นแรงนิดหน่อย แต่ไม่หอบ ไม่เหนื่อย และข้อเข่าก็ไม่เจ็บแล้ว
แล้วมันดีอย่างไร กับการขับขี่ เมื่อร่างกายสามารถอดทนเพิ่งขึ้นก็ทำให้เรามีแรงเพิ่มขึ้น สามารถทนทานต่อความเหนื่อยเพิ่มขึ้น ผมลองขี่มอเตอร์ไซค์ ผมรู้สึกว่า มันต่างออกไปจากเมื่อก่อน
เคยขี่ 4 ชั่วโมงก็ว่าเหนื่อยแล้วแต่ ตอนนี้ รู้สึกว่า 4ชั่วโมง มันน้อยจัง ไม่รู้เหนื่อยเลย ปั่นจักรยานยังเหนื่อยกว่าอีก
ส่วนในเรื่องของ ความร้อน ผมก็ได้ IDEA จากการปั่นจักรยาน ปกติเมื่อความร้อนบนถนนมันสูงมาก คนเราจะอ่อนและเพลีย โดยเฉพาะพวกปั่นจักรยาน เพราะลมจะพาเอาเหงื่อ หรือน้ำในร่างกายออกไป
ข้อสังเกตุ ในกรณีที่เรากำลังเสียน้ำอย่างรวดเร็ว
1. กระหายน้ำ
2. เริ่มปวดหัว
ในการปั่นจักรยาน เค้าจะให้ทานน้ำทุกๆ 15 นาทีเพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป ผมเลยเอามาลองกับตอนขี่มอเตอร์ไซค์ ปรากฎว่า จากที่เคยปวดหัวตอนขี่ หายไปครับ ใช้จิบหรือดูดน้ำทุกๆ 15 นาทีได้ผล เหมือนกัน
คุณหมอหลุยได้แนะนำอีกด้วยในเรื่องของการระบายความร้อนด้วย POKKY ให้ฉีดแล้วเอาลมพัด ละอองน้ำจะได้พัดเอาความร้อนที่สะสมในร่างกายออกไปอย่างรวดเร็ว
ทีนี้ เราได้ ความแข็งแกร่งในการขับขี่และ การป้องกันตนเองจากความร้อน มันยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ใครมีเรื่องหรือประเด็น เอามาคุยกันครับ เพื่อที่ว่ากระทู้นี้ได้เป็นข้อคิด ข้อปฎิบัติ ในต่อไปแก่นักขับขี่ทางไกล
PS โดยเฉพาะหมอๆ ในเวป ขอรบกวนเรื่อง ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
PS. ตอนนี้ Heart rate ผม 171 แล้วครับ ได้มาเพิ่มอีก 20 ตุ๊ปจากเมื่อก่อน ^^ นั้นหมายถึง ถ้าผมไปแข่งกับตัวเองในสมัยก่อน ผมจะสามารถทำงาน รึว่าออกกำลังกายได้ระยะยาวกว่า อีก 20 ตุ๊ปของหัวใจครับ และระยะทางปัจจุบันในการปั่นคือ ไปกลับ 36 กิโลครับ กำลังจะเพิ่ม รอบเป็น 2 รอบด้วยครับ