Login

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - vrod raider

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
16

By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


By vrodraider at 2011-01-09


PS  รถอีกคันของคุณตี๋นะครับ  

และเช่นเคย ไม่มีอรรถฐาอธิบายใดๆ ดูรูป เดาอารมณ์คนถ่าย แถมใส่จินตนาการ เรื่องราวกันเองตามใจชอบครับ Free will

17
VRSC / สวัสดีปีใหม่ครับ ทุกท่าน
« เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 11:12:20 PM »
 2011  ปีนี้  จะเป้นปีที่ดี  ที่ทำให้ทุกคนได้ยิ้ม ได้หัวเราะ

ผมขอบคุณทุกท่านใน กระทู้ Vrsc แห่งนี้ ทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ ทำให้ได้มิตรภาพใหม่ๆ ทำให้ได้ความรู้หลายต่อหลายอย่างที่ผมอาจไม่รู้ ไม่เคยรู้ แม้กระทั้งไม่คิดว่าจะมี 555+

ยังไงก็แล้วแต่ ในปี 2011  ขอให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ร่างกายสุขภาพแข็งแรง ขับขี่ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงครับ

ที่สำคัญ ปี 2011 นี้ ผมมั่นใจว่า จะทำให้ รถ Vrod ราคาพุ่งกระฉูดได้ เพราะมันเริ่มหายากแล้ว 55555+ 

Vrsc จงเจริญ ฮิ้วววววว


18
Technical Talk / วิธีการใช้ Alarm ที่มากับรถ
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 11:20:26 AM »
สวัสดีครับ  วันนี้จะมาแปลเรื่องการใช้ สัญญาณกันขโมย ที่มากับหนังสือ OWNER 's Manual ซึ่งบางท่านซื้อมาอาจไม่มี รึว่า หาไม่ได้  ทำให้เจ้า Alarm ที่มากับรถค่อนข้างจะไม่ได้ใช้ นอกจากให้รู้ว่ามีแค่นั้นเอง  บางท่านแบต Keyflop  หมด ก็จะสตาร์ทไม่ได้ แบบผมที่ไปโดนมาเมือตอนต้นเดือน 555+ ต้องไปวิ่งหาซื้อ แบตกัน

ก่อนอื่นเราต้อง ทำการ Set code กันก่อนนะครับ

1. ให้หมุน ไป IGN แล้วปิด แล้ว IGN แล้วปิด แล้ว ING  อีกครั้ง

2. ให้กด สัญญาณเลี้ยวซ้าย 3 ครั้ง

3 ให้กดสัญญาณเลี้ยวขวา 1 ครั้ง

ตรงนี้ท่านจะเห็นตัวเลขเด้งขึ้นมาที่หน้าปัทม์กระพริบๆอยู่

4 ให้ใส่ตัวเลข โดยการกด สวิทช์เลี้ยวซ้าย  1ครั้ง
5 ใส่ตัวเลขต่อไป โดยการ กดสวิทช์เลี้ยขวา  1ครั้ง

ให้ทำ 4 และ 5 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะใส่ตัวเลขจนเสร็จ

เมื่อเสร็จแล้วให้ ปิด IGN ไป OFF  เพื่อเก็บ Code

ตอนนี้ CODE ใหม่ ใช้ได้แล้ว     ตรงนี้สำหรับรถใหม่นะครับ  ซึ่ง Code จะถูกตั้งโดย เจ้าของรถใหม่


วิธี เปิด ปิด Alarm

ก่อนอื่นให้ใส่ Code ก่อนนะครับ 

1. ให้บิดไปที่ IGN ก่อน
2. ภายใน 2วินาที ต้อง กด สวิทช์เลี้ยวทั้ง 2ข้างพร้อมกัน
3. ให้ใส่ เลขรหัส ด้วย ไฟเลี้ยวซ้าย  แล้ว enter ด้วย ไฟเลี้ยวขวา
4.  ทำข้อ 3 จนใส่ Code ครบ เมือกด ไฟเลี้ยวขวาครั้งสุดท้าย จะเห้นว่า ทั้งหมดหยุดกระพริบ  นั้นคือ  สัญญาณกันขโมย ถูกปิดไปแล้ว 


การเปิดใช้ Alarm

1. ให้หมุนไปที่ Access
2. ให้กด สวทช์เลี้ยวทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน จน ไฟเลี้ยว ทำงานทั้ง 4 ดวง
3. ให้หมุนสวิทช์เมน กลับไปที่ Off  เพื่อเปิด Alarm ครับ

โหมด ให้เจ้าของรถรู้ว่า สัญญาณกันขโมยทำงาน ด้วยการดัง 1 ครั้ง ( ต้องมีอุปกรณ์ขยายเสียง Optional)  ปกติ รถ HD จะไม่มีเสียงมาให้ ต้องซื้อเพิ่มนะครับ

1. เอา Keyflop มาไว้ใกล้ๆ ให้ ปรับปุ่ม เมน ไปที่ IGN แล้ว สัญญาณปิดระบบแล้วให้ OFF นะครับ
2. เมื่อเริ่มเปิดใช้งาน มีไฟเลี้ยวกระพริบ 2 ครั้ง ให้รีบหมุนปุ่มเมนไปที่ IGN  อย่างเร็ว
3. รอจนกว่า ไฟสัญญาณที่หน้าปัทม์หายไป แล้ว รีบบิดไปที่ OFF อย่างไว
4. เมื่อ ไฟเลี้ยว กระพริบ 2 ครั้ง ให้หมุนไปที่ IGN อย่างไวแล้วรอให้มันปิดระบบ     จบพิธีครับ   ท่านจะได้เสียง เวลาจอด ดังปิป 2 ครั้ง เวลาขึ้นรถ จะดัง 1 ครั้ง


การขนย้าย  เมื่อเราจะขนย้าย เราสามารถปิดระบบ Motion sensor ได้

1. ให้บิดไปที่ IGN
2. RUN  ไป OFF
3. ให้ บิด IGN   จากเดิม ที่อยู่ตรงไหนให้เลื่อนไป 1สเตป เช่น IGN ----> ACC  / OFF ----->ACC
4. กด ไฟเลี้ยว ทั้งข้างอย่างรวดเร็ว ภายใน 5 วินาที
5  ให้ปรับ ปุ่มIGN  ไปที่ OFF   จบพิธี

เมือขนย้าย  มันก็จะไม่ดังนะครับ

เวลาปิดระบบนี้  เปิดใช้งาน Motion Sensor 

ให้เอา Keyflop  ไว้ใกล้ เหมือนทุกขั้นตอน
1. แค่ไปกด สวทช์ที่แฮนด์ แล้ว กด RUN  แค่นั้นละครับ 



ถ่านใส่ Keyflop หาซื้อได้ตาม 7/11 ทั้งไปนะครับ  Panasonic 2032  ผมก็ไปซื้อมาอันที่ ปาย ราคา 30บาทนิดหน่อย




ขอให้ทุกท่านสนุกกับรถของท่าน  ช่วงนี้ขโมยเยอะ ควรเปลี่ยน CODE นะครับ ด้วยความปราถนาดี

19
http://iium4.ip.or.kr/eng/etc/profile.asp?gubun=45&contest_gubun=10&vote_yn=yes


น้องเค้าไปแข่ง  ต้องมีการกดโหวตเพื่อชิงเข้ารอบต่อไป  ดังนั้น ช่วยกันกดโหวต ได้เครื่องละ นึงโหวตเท่านั้น   


ขอบคุณคร๊าบบบบ

20
VRSC / เอามาฝาก ไว้ดูเล่นครับ
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2010, 07:48:08 AM »
ใครๆก็บอกว่า Vrod ไม่ใช่รถเดินทาง ไม่ใช่รถที่จะเอาไปทางโหดๆได้  มันคือรถทางเรียบ ผมได้พิสูจน์แล้วว่า มันก็จริงแต่ไม่ทั้งหมด ในยามจำเป็น เค้าไปได้ Vrod ก็ไปได้ และนี่คือภาพหลักฐาน  4000+ โค้ง รวมถนนพังๆ 5-80 กิโลเมตร ผ่านไปได้หมดโดยไม่มีอาการใดๆเกินขึ้น


By vrodraider at 2010-12-06

21
Trip Talk / ไปเก็บรูปมาฝาก
« เมื่อ: ธันวาคม 06, 2010, 07:47:56 PM »
สวัสดีครับ ฤดูกาลขับขี่เริ่มขึ้นแล้ว ขี่กันกระจุยกระจายเมามันส์กันรึยังครับ  ปีนี้ผมตั้งใจไปแม่ฮ่องสอนแบบคนเดียว ดูสิว่าอรรถรสในการขับขี่มันจะออกมาเป้นอย่างไร

วันที่ 3 เวลา 0400 น ฤกษงามยามดี ยามอุบากองท่านว่าไว้ 



วันศุกร์ 03.37-06.00 ศูนย์หนึ่ง อย่าพึ่งจร แม้รานรอนจะอัปรา

อืม ฤกษ์โคตรดี แต่ช่างมัน พม่ามันคงเอามาหลอกคนไทยนั้นละ ไม่งั้นคงไม่ถูกจับแต่แรกหรอก

ว่าแล้วก็ Start ออกไป  เจอเพื่อนร่วมทางคันแรก   


By vrodraider at 2010-12-06

เห้นครั้งแรก Amazing Thailand มาก  นี่บ้านเราอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ บรรทุกเยอะมากๆ

น่าภูมิใจครับ ที่เกิดบนแผ่นดินไทย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แถม พี่คนนี้ผมนับถือแกนะ ทั้งที่ไม่ต้องคุยกันหรอก

นั้นคือ ความขยันของพี่เค้า ทำให้ผมนึกถึง

อย่านอนตื่นสาย      อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย     อย่าคอยวาสนา
อย่าเสวนาคนชั่ว     อย่ามั่วอบายมุข
อย่าสุกก่อนห่าม      อย่าพล่ามก่อนทำ
อย่ารำก่อนเพลง      อย่าข่มเหงผู้น้อย
อย่าคอยแต่ประจบ   อย่าคบแต่เศรษฐี
อย่าดีแต่ตัว            อย่าเอาชั่วแต่คนอื่น
อย่าฝ่าฝืนกฎระเบียบ อย่าเอาเปรียบสังคม
อย่าชื่นชมคนผิด      อย่าคิดเอาแต่ได้
อย่าใส่ร้ายคนดี        อย่ากล่าววจีมุสา
อย่านินทาพระเจ้า     อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์
อย่าสุขจนลืมตัว       อย่าเกรงกลัวงานหนัก
อย่าพิทักษ์พาลชน    อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี.


บทนี้ขึ้นมา ก็ดีครับ ขี่ไป ได้บทเรียนสอนใจที่เคยเรียน ที่เคยลืมกลับมาอีกครั้ง

สองข้างทางก็ยังมืดมิดเหมือนเดิม ไม่มีอะไรให้ถ่าย


By vrodraider at 2010-12-06

ขี่ต่อไปได้อีกซักครึ่งชั่วโมง แสงแรกแห่งรุ่งอรุณก็ค่อยๆฉาย  อยากได้ภาพที่ประทับใจ เลยต้องจอดถ่ายกะเค้าหน่อย

ภาพนี้ทำให้นึกถึง  คำพูดของ แงซายในเพชรพระอุมา  ณ จุดที่ ทิวากับราตรีมาพบกัน    อืม ...  มันคงเหมือนๆ รูปนี้ละนะ


By vrodraider at 2010-12-06



สองข้างทางก็ยังไม่มีอะไรให้ถ่ายอยู่ดี แล้วความคิดประหลาดก็เกิดขึ้น  ลองมุมพิลึกดูบ้าง


By vrodraider at 2010-12-06


ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจว่า  ขี่ทำไม เพื่ออะไร  รูปนี้ผมถ่ายเพื่อคุณครับ   สายลมที่พัดผ่าน วิวข้างทาง มันคือความอิสระ

มันออกไปอีกโลกนึงเลย


By vrodraider at 2010-12-06


การที่ได้ขี่ดูทางไปเรื่อยๆ ได้เห็นของแปลกๆ บางทีคุณอาจขับรถเลยไม่ได้มอง รึว่า หลับไป  ผมเสียดายการเดินทางช่วงนั้นของคุณครับ แต่นั้นคือเวลาของคุณนะ คิดเอา

ผมยกตัวอย่างหลายคนอาจเห็นแล้ว หลายคนอาจยังไม่เห็น หลายคนไม่เคยไปสนใจเลย

ทั้งขวดยักษ์


By vrodraider at 2010-12-06

ลิงยักษ์


By vrodraider at 2010-12-06

รึแนวดอกหญ้า ที่เอาความทรงจำเก่าๆของคุณกลับมา


By vrodraider at 2010-12-06


แต่ก็นั้นแหละ อย่ามัวแต่มองข้างทางเพลิน  อันตราย มันก็มี ดังนั้น การขับขี่จึงฝึกสติของคุณให้เข้มแข็งฉับไว เอาไปใช้งานได้ยามคับขัน


By vrodraider at 2010-12-06

ขี่ไปได้สักพัก ผมก็เจอสิ่งที่ทำให้ต้องคิดตัดสินใจในเสี้ยววินาที  ว่า  เราจะไปตามฝัน  รึ เราจะไปตามเพื่อน


By vrodraider at 2010-12-06

ไปตามฝันคือไปตาก ไปตามเพื่อนคือพิษณุโลก  ผมคิดว่าเพื่อนคงเข้าใจครับ แต่ความฝันมันรอไม่ได้แล้ว ดังนั้น ซ้ายโลด .... .


ไปถึงกำแพงเพชร  เจอ 2 ท่านนี้ครับโดยไม่ได้นัดหมาย  พี่ดำและพี่ชัยวัฒน์


By vrodraider at 2010-12-06

ก็พบคุยแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย ผมก็ลาออกมาก่อนเพราะว่าไม่อยากไปถึงที่หมายค่ำจนเกินไป

ทาง จากตากเข้าแม่สอด เรียบสบายดีครับ

ไปเจอจุดพักกินกาแฟ ชมวิว  แต่มันสวยซะจน ยอมครับ ขอถ่ายรูปนั่งพักซักหน่อย


By Vrodraider at 2010-12-06

ไหนละรูปวิว ไม่มีครับ ผมไม่ให้คุณดูหรอก 555+  อยากไปดู ต้องไปนั่งตรงนั้นเองครับ ไม่งั้นเหมือนหนังละครับ บอกหมดทุกเม็ด มันก็ไม่สนุก ต้องลึกลับบ้าง

ทางไปแม่สอดครับ โค้งสวยๆ เยอะมาก


By vrodraider at 2010-12-06

และอันนี้ครับ  โบราณท่านว่า เดินทางเตียนลงนรก เดินทางรกขึ้นสวรรค์  .....แต่อันนี้ผมขอไปทางเตียนครับ


By vrodraider at 2010-12-06

พอเข้าไปในตัวเมืองแม่สอด จุดน่าสนใจก็เยอะครับ

อันนี้ชอบแนวรูป ไม่ได้เกี่ยวกะที่พูดข้างบน 5555+


By vrodraider at 2010-12-06


อันนี้วัดที่นั้นครับ


By vrodraider at 2010-12-06

ศาลา OTOP


By vrodraider at 2010-12-06

ก็วนๆดูนั้นนี่ได้ ถึงเวลาก็ออก ผมออกจากแม่สอด 12.00 น. ครับ


บรื้อออออออ  แม่ฮ่องสอนจ๋า  พี่มาแว้ววววววว


By vrodraider at 2010-12-06

เวรกำ  น้ำมันหมด อยู่หนใดก็ไม่รู้  GPS บอกว่า ปั้ม ห่างออกไปอีก 47 กิโล  ไอ้เจ้าเกจ์บอก อีก 57 กิโลน้ำมันหมด อืม แถมเชื่อมันไม่ค่อยได้อีกตะหาก


By vrodraider at 2010-12-06

555+ แอบลุ้นกันรึเปล่าละครับ ปั้มหลอดก็เติมได้

ทางไป โค้งอะไรสวยงามครับ  ทางเพิ่งทำ ....   ตรงนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม ยังถ่ายรูป ขี่เล่น ไม่ได้เร่งทำเวลาเลย 5555+


By vrodraider at 2010-12-06

ไปเจอศูนย์ผู้อพยบ ก็ถ่ายมา


By vrodraider at 2010-12-06

เด็กๆที่นั้น  ให้บรรยากาศเหมือนที่ลาวเลยครับ


By vrodraider at 2010-12-06


สิ่งปลูกสร้างแปลกตา อย่าง หอพระธรรมกลางบึงบัว

By vrodraider at 2010-12-06

รึสิ่งที่มนุษย์และธรรมชาติรวมเข้าด้วยกัน อย่างกลมกลืน


By vrodraider at 2010-12-06

สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรได้อย่างบรรยายไม่หมด


By vrodraider at 2010-12-06

แม่น้ำคือหัวใจของอารยธรรมแต่เดิม ที่ไหนมีน้ำ ที่นั้นมีคน


By vrodraider at 2010-12-06


By vrodraider at 2010-12-06

เห็นล้อรถผม แล้วแปลกใจ ใช่ไม๊ละครับ  ว่าทำไม ไปคลุกฝุ่นมาขนาดนั้น   ครับ  จากแม่สะเรียงไป  ทางมันเสียครับ มีซ่อมตลอด 555+ ถึงขนาดยกกล้องมาถ่ายรูปไม่ได้เลย

ครั้นพอเย็น  เจอพระอาทิตย์ตกก็เอาซะหน่อย แต่ไม่ไหวครับ มือสั่นมาก รูปนี้ได้มาแค่นี้ละครับ


By vrodraider at 2010-12-06

พอพระอาทิยต์ลับตาไปปุป  ดูรูปต่อไป  มืดสนิทแบบ สนิทจริงๆ 555+


By Vrodraider at 2010-12-06

ตอนนั้น 6โมงเอง ดีแต่ว่า  เมืองแม่ฮ่องสอนอยู่ห่างไปอีกแค่ 30 กิโลเอง

นี่หน้าตาโรงแรมที่ผมไปพักครับ


By vrodraider at 2010-12-06

ทั้งโรงแรม มีผมคนเดียว ก็ดี ไม่ต้องห่วง การบริการทุกระดับประทับใจ ไว้มื้อเช้าจะเอารูปมาลงให้ดูว่า เข้าท่ามาก สำหรับคนที่จะไปพักผ่อน

สั้งให้ทางเคาเตอร์ปลุกตี 5 ไปขึ้นพระธาตุดอยกองมู

ดูบรรยากาศตอนเช้าครับ


By vrodraider at 2010-12-06

ทางดีๆ มีไม่ขึ้น  เค้าให้ขี่รถไปได้  ไม่ เราต้องการประสบการณ์อันล้ำเลิศ ทดสอบความศรัทธาและจิตใจที่แน่วแน่ของตัวเอง   เดินครับ  เดินขึ้นไป

เกือบเป็นลมตายเอา  แต่ก็ดีครับ รู้สึกว่าภาพเหล่านี้มีคุณค่าสำหรับตัวผม ว่าครั้งนึง เกือบเป็นลมตกเขาตายเพราะรูปนี้ 555+


By vrodraider at 2010-12-06

รูปอื่นๆที่ลงไว้ใน Facebook ผมตัดออกนะครับ เพื่อไม่ให้เยอะเกิน

ถ่ายไปหลายรูป เก็บความทรงจำดีๆเอาไว้  ใครอยากมีความทรงจำแบบนี้ต้องไปเองครับ

ลงมาอาบน้ำกินข้าว


By vrodraider at 2010-12-06

บอกแล้วไง ทั้งโรงแรมมีผมคนเดียว 5555+


ผมก็กลับลงไปเชียงใหม่ ก็จบครับ ภารกิจของผมเสร็จลงแล้ว  แม่ฮ่องสอน แต่ มันต้องมีภาค 2 3 4 ในอนาคตแน่นอน ผมสัญญา


ออ  รูปนี้  ผมเอามาฝากด้วย ไม่เกี่ยวกับ ทริป แต่กับข้อเตือนใจ


By vrodraider at 2010-12-06

ตอนแรก เห็นปุป โอย สวยแต่เสียดายองค์พระ มีหยากไย่ปกคลุม  แต่เอื้อมไม่ถึง เลยกดถ่ายมา  พอเอามาดูรูปที่บ้าน เออ มันก็สวยดีนะ

เพราะมันไม่มากเกินไป  ผมเลยคิดได้ว่าเออ คนเราก็เหมือนรูปๆนี้ละ  มีทั้งนิสัยดีและไม่ดีในตัว  ถ้าไอ้นิสัยไม่ดีเหมือนหยากไย่ละก้อ คือไม่ทำให้มันเด้งโดดออกมาจนเกินงาม

ผมว่า คนนั้นๆใช้ได้ แต่ถ้าคิดว่า กูแน่ กูเจ๋งกูรวย กูนั้นนี่ เอานิสัยhereๆ เอามาใช้กับคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงน้ำใจคนฟังละก้อ ว่าเค้าก็มีศักดิ์มีศรี มีฐานะความเป็นคนเหมือนๆกัน

คุณก็จะไร้ความสวย เพราะหยากไย่ที่มันเกาะ มันมากจนเกินงามไป


ขอบคุณครับ  ที่เข้ามาดูภาพ

22
Trip Talk / เมื่อวานไปดูเค้าแตะบอลกัน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2010, 11:09:42 PM »
สวัสดีครับ เมื่อวานไปดูเค้าแตะบอลกันมา ได้เก็บภาพมาบ้าง เลยจะเอาให้ดูกัน ทีนี้ ผมมีข้อแม้อย่างนึงนะครับ  รูปใคร ต้อง Qoute แล้วไปใส่คำอธิบายตามสไตล์คุณกันเองนะครับ

แนะนำตัวเองเลย ว่า ใครชื่ออะไรอยู่ทีมไหน ขี่อะไร ทำอะไรอยู่ในภาพ


เริ่มเลยนะครับ


By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



Shot at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07


By null at 2010-11-07



Shot at 2010-11-07


Shot at 2010-11-07



Shot at 2010-11-07



Shot at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07




By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07



By null at 2010-11-07


หยุดก่อน เพื่อไปต่ออีกโพสครับเดี๋ยวตัวอักษรเกิน









23
เนื้องจาก กระทู้กระทู้นึงใน Technical Talk มีคำถามมาว่า ผมจะเปลี่ยนกรองเปลือย รึว่า เก็บเงินไปซื้อกล่องจูนดี

ผมได้ตอบไปว่า คุณซื้อกรองเปลือยได้เลยแล้วมาทำรถด้วยเงิน 10บาทกัน ปรากฎว่า มีพี่น้องผองเพื่อนหลายคนสนใจ ว่า เฮ้ย นาย Vrod raider นายโม้แน่ๆ 555+ ไหนเอามาดูกัน

ครับ ผมโม้ 10บาท ที่จริง มันต้อง 20 บาทครับ ผมลืมคำนวนค่าเดินทางด้วย 555+  เรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า 

เริ่มจาก กระทู้การจูนของผมอันเก่า http://www.hd-playground.com/v3/harley-davidson-articles/modify-your-harley-davidson/352-supertuner-part-1.html( ควรไปชมดูนะครับ)

มีภาพการทำงานของเครื่องยนต์และบอกถึงการทำงานของโปรแกรมของเครื่อง

วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ค่า AFR Air fuel Ratio คืออะไร  คือค่าส่วนผสมของน้ำมันและอากาศครับ

ตามทฤษฎีเค้าบอกว่า AFR 14.7 คือ ส่วนผสมที่ให้การระเบิดที่สะอาดที่สุด

แต่สำหรับเครื่องยนต์มันบางไป เอ๊ะ บางไปนี่เหมือนเหล้าไม๊ ใส่ 3หยด โซดาเต็มแก้ว อารมณ์นั้นละครับ

ถ้าส่วนผสมบางเกินไป จะทำให้เกิดความร้อนมากกว่าปกติครับ

ถ้าเป็นคาร์บูเรเตอร์เราก็จะนิยมเปลี่ยนนมหนูให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เครื่องมันเย็นลง หรือ เวลาเราไปทำอะไรที่พิศดารกับเครื่องเช่น

เปลี่ยนกรองเปลือย เปลี่ยนท่อไอเสีย พวกนี้ จะทำให้ส่วนผสมของน้ำมันกับอากาศมีค่าผิดเพี้ยนไปจากเดิมนิดหน่อย

สิ่งที่ได้กลับคืนมาก็คือ Back Firing เวลาถอนคันเร่งจะมีเสียงดังแบบไม่พึ่งออก เรียกว่า รถตด

เพราะมันบางเกินไปครับ บางท่านอาจถามมาว่า บางแล้วทำไมถึงตดละ ก็ในเมื่อมันบางมาก มันน่าจะเผาไหม้ไปหมดแล้วนี่น่า

เกิดจากความร้อนสะสมในหัวสูบครับ ทำให้บางจังหวะชิงจุดระเบิดก่อน

ทำให้แรงรถตก แต่เนื่องจากมันชอบไปตดตอนถอนคันเร่ง เลยไม่ค่อยมีใครสังเกตุ แถมบางคนชอบมากซะด้วย ไม่ยอมทำบอกชอบๆ เสียงดังปังๆ สะใจ 555+

ที่นี้เรากลับเข้าเรื่องกันดีกว่า  ในรถที่มี ออกซิเจนเซนเซอร์นั้น อุปกรณ์ตัวนี้ จะเป้นตัวรายงานไปที่กล่อง ว่าการเผาไหม้ดี รึไม่ดี บางไป หนาไป

เราจะหลอกกล่องกับเจ้าตัวนี้ละครับ 

การทำงานของเครื่อง HD จะมี Close Loop กับ Open Loop เมื่อเครื่องเย็น กล่องก็จะสั่งให้ทำงานที่ Close loop คือให้ความร้อนมันขึ้น จึงสั่งส่วนผสมให้บางเข้าไว้

พอเครื่องร้อนได้ที่ก็เข้าโหมด Open loop ที่สั่งให้ส่วนผสมหนา ดังนั้น ผมจะขอแนะนำเลยว่า เวลารถติดอย่าไปเร่ง รึว่าเบิ้ลเครื่องเล่นนะครับ

เมื่อเราไปเบิ้ลเครื่องเล่น มันนึกว่าเราจะไปแล้ว มันสั่ง Close loop ให้น้ำมันบางเข้าไว้ เพราะมันคือ การทำตามมารตฐานค่ามลพิษท่อไอเสีย ครับ

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า 14.7 คือส่วนผสมที่สะอาดที่สุด แล้ว ที่ AFR อื่นๆละ OK ตามนี้

Cruising AFR 14.0  ที่ส่วนผสมนี้ (รถผมก็ใช้ส่วนผสมนี้นะ) ทำให้ประหยัดน้ำมันที่สุด เหมาะในการขับขี่ไปเรื่อยๆ ที่ความเร็วไม่เกิน 120-140 KM สบายๆชิวๆ

Power AFR 13.2  ที่ส่วนผสมนี้ แรงครับ เป้นการจุดระเบิดที่ให้กำลังแรงที่สุด

Rich AFR 12.00-10.00   ที่ส่วนผสมนี้ นิยม ไปใส่ตอนเดินเบา เพื่อให้เครื่องเย็นๆ แล้วก็ไว้ที่รอบปลายสูงๆ เพราะต้องเลี้ยงหัวสูบไว้ ไม่งั้น สูบทะลุครับ

ต่อไปนี้  เราจะทำการปรับแต่ง O2 sensor กัน

ทฤษฎีว่าไว้

The 'A' resistor is 2 times the resistance of the 'B' resistor passing 2/3 voltage or making a 66% Divider. 

ค่าต้านทาน A จะเป็น 2เท่า ของ ค่าต้านทาน B โดย B จะให้ไฟฟ้าผ่าน 2/3 Volt หรือ 66% ลดค่าไฟฟ้า

ไปลดอะไร ลดทำไม แล้ว ทำไมต้องไปลด

เราไปหลอกให้ O2 คิดว่า ส่วนผสมปกติ มันเผาไหม้ ไม่สมบูรณไงครับ มันจะไปสั่งกล่องให้ไปเปิด OPEN Loop ซึ่ง ค่า 66% จะทำให้ได้ ค่า AFR  ที่ 14.2

ไดอะแกรม มันติด ลิขสิทธิ์ ดังนั้น จึงต้องรบกวนท่านผู้อ่าน คลิกไปดูเอาเองนะครับ

http://www.tuneyourharley.com/biketech/content/how-richen-closed-loop-efi

เราก็เอา O2 ไปร้านไฟฟ้าเก่งๆ เช่น อมร ไม่ก็แสงทอง ไปบอกเค้า

เอารูปให้ดู แล้วบอกว่า จะทำให้สัญญาณมันลดลง ใช้ R 330 โอห์ม จนไปถึง 1 MOhm  ได้ แล้วเอา ทฤษฎีให้เค้าไป

บอกเค้าตามนี้ ทำทั้ง 2เส้นครับ

แค่นี้ เอากลับมาใส่ ง่ายๆ ไม่มีปัญหาอะไร  ไอ้ที่เคยตดก็จะหายไป ไอ้เครื่องที่มันร้อนๆ ก็จะหายไป

ส่วนใครที่ไม่เชื่อ ว่าช่างไทยจะทำได้ มีชุดสำเร็จขาย ด้วยนะครับ ราคาก็ไม่แพงอะไร

http://www.nightrider.com/parts/index_modular.htm

คลิ๊กเข้าไปดูเอง  ทำมาสวยงามเป้นปลั๊กมาตรฐาน HD เอามาใส่ได้เลย ติดตั้งง่ายที่สุดแล้ว

มีทั้งแบบ ถาวรและแบบเปลี่ยนได้  วันนี้อารมณ์ชิวๆ ก็ปรับให้มันกินน้ำมันน้อยๆ วันไหนอารมณ์เสียเมียด่า ก็ปรับแรงสุดๆ ไปขี่เล่น

สนนราคา ก็ 40-50 เหรียณ เท่านั้นเอง

แต่ยังไงเสีย มันก็มีข้อเสียอยู่นะครับ 

คือมันปรับอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลย ต่างจาก Fuel pak  และ อุปกรณ์การจูนอื่นๆ

อย่าง Fuel pak นี่ การทำงานคล้ายๆ นะครับ แต่เค้าทำแรงตอบสนองมาให้ รวมไปถึงการทำ MAP ใหม่มาให้ นิดหน่อย

อันนี้สำหรับคนงบน้อย จริงๆเท่านั้น ใครที่มีเยอะๆ ผมแนะนำ Race tuner แล้ว ใครที่มีเยอะแต่ไม่อยากปรับจูน เอาขี่สนุกๆ ก็ Thunder Max


ขอให้สนุกกับท่อใหม่ กรองใหม่ โดยที่ไม่ต้องไปกังวลใจเรื่อง อื่นๆได้เลยครับ


อันนี้ใส่ได้กับท่อทุกรุ่น กรองทุกรุ่นนะครับ



ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน


ปล.  ขอโทษครับ  กระทู้นี้ไม่มีรูปสวยๆให้ดูเลย เนื่องจาก ลิขสิทธิ์ เราต้องให้เกียรติเค้าครับ


24
Technical Talk / (บทความ) น้ำมันเบรค นั้นสำคัญไฉน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2010, 11:52:54 PM »
สวัสดีครับ เพื่อนพ้องและพี่น้องชาว HD-P ห่างหายกันไปนานพอสมควร เพราะไม่มีไฟจะเขียน 5 5 5+ วันนี้กลับมารับใช้พร้อมกับบทความเล็กๆ

ที่ผมไปเจอมาแล้วก็อยากจะให้ทุกคนที่ิอ่านได้ตระหนักว่ามันอันตราย ส่วนอันตรายยังไง มีอะไรแบบไหนเชิญทดลองอ่านได้ครับ


น้ำมันเบรค คือ น้ำมันไฮโดรลิคที่ใช้ในระบบเบรคไฮโดรในรถทั่วๆไป

ใช้เป็นตัวรับแรงเค้นจากมือไปสู่ปั้มแล้วปั้มก็เริ่มสูบน้ำมันอัดผ่านแรงไปที่ลูกสูบเบรค ทำให้เบรคเริ่มทำงาน


 
โดนธรรมชาติการทำงานของมันคือการทำงานระดับโมเลกุลของน้ำมัน มันจะไม่ยุบตัวรึขยายตัวทำให้แรงที่ส่งไปลดลง ทำให้ค่าการออกแรงบีบรึเหยียบเท่ากันทุกครั้ง

น้ำมันเบรคโดยทั่วไปก็ใช้ในพวกครัชน้ำมันด้วย  น้ำมันเบรคที่ใช้กันทั่วไปในทุกวันนี้ เป็น สารไกลโคล-อีเทอร์  เป็นสารพื้นฐาน และยังมีอีก 2ชนิดคือ น้ำมันแร่ธาตุ และ ซิลิโคน

น้ำมันเบรคที่ดีนั้นต้องสามารถตรวจวัดจากมาตรฐานต่างๆได้เช่น SAE เหมือนน้ำมันเครื่อง

ยกตัวอย่างเช่น ในอเมริกาเหนือนั้น ใช้ค่า DOT โดยการแบ่งระดับชั้นโดย The Us Department Of Transportation(DOT) รึที่เราๆเรียกกันว่า กระทรวงคมนาคมนั้นแล

และจะมี DOT 3 - DOT 4  และ พวกซิลิโคนจะเป็น DOT 5 แต่ในส่วนของหลายๆประเทศเค้ากลับไม่สนใจในมาตรฐาน DOT

เพราะในเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ เช่นเรื่องของอุณหภูมิและความชื้น ดังนั้นมาตรฐานที่คนส่วนใหญ่พิจารณาจะใช้ SAE แทน



จุดเดือด


น้ำมันเบรคถูกออกแบบมาให้ทำงานในอุณหภูมิที่ร้อนมากๆ โดยเฉพาะบริเวณล้อ  ดิสเบรค ลูกสูบเบรค โดยคุณสมบัติที่กำหนดจะต้องไม่เดือดจนกลายเป็นไอ  การกลายเป้นไอของน้ำมันเบรคจะทำให้เกิดโพรงอากาศในสายเบรค เมื่อเรากดเบรค เบรคจะไม่ทำงาน

มาตรฐานจะออกมา 2แบบ คือ จุดเดือดแบบแห้งคือแบบไม่มีน้ำหรือความชื่นเข้าไปผสมในขณะที่น้ำมันเดือด และ จุดเดือดแบบเปียกคือแบบที่มีความชื่นรึน้ำเข้าไปผสมในขณะที่เปียก

น้ำมันเบรกที่มีส่วนผสมพื้นฐาน ไกลคอล-อีทเทอร์ DOT3, DOT4, DOT5.1 (งงไม๊ มี5.1 ด้วย 555+)  เป็นพวก ไฮโกรสโกปิค คือพวกดูดซับน้ำได้ดี และพวกมันก็รักน้ำมากซะด้วย มันจะดูดซึมความชื้น ในขณะที่ DOT5 เป็นพวกที่ไม่ดูดซึมความชื้นเลย



เรามาดูจุดเดือดกันในแต่ละเกรด

                แห้ง boiling point  เปียก boiling point

DOT 3   205 °C (401 °F)   140 °C (284 °F)

DOT 4   230 °C (446 °F)   155 °C (311 °F)

DOT 5   260 °C (500 °F)   180 °C (356 °F)

DOT 5.1   270 °C (518 °F)   190 °C (374 °F)

จุดเดือดเปียกนั้นคิดจากส่วนผสมของน้ำเจือปนอยู่ 3.7%



น้ำมันเบรค ได้ถูกแนะนำโดยบริษัทรถยนต์หลายๆที่  ว่า DOT3/ DOT4/ DOT5.1 ควรล้างและเปลี่ยนทุก 1หรือ 2ปี เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
 

Credit http://www.dj-auto.com

จากกราฟ เราไม่ต้องไปสนใจนะครับว่า ยี่ห้อไหนดี 5555+ 

เอาดู การลดประสิทธิภาพ แนวตั้งคือ จุดเดือด แนวนอน คือ ระยะเดือนที่ใช้งาน

เราจะได้ ยิ่งเวลานานน้ำมันก็จะเดือดง่ายขึ้น ตามภาพครับ




"โดยทั่วไป น้ำมันเบรคจะดูดซึมความชื้นมาเจือปน 1% ต่อปี ถ้า 2ปี ก็ราวๆ 2-3% ซึ่ง 2% นี้จะทำให้จุดเดือดของ DOT3 ลดลงจากเดิมไปราวๆ 75 องศาเซลเซียส และ 2% ใน DOT4 จะลดลงไป 45 องศาเซลเซียส"  http://www.misco.com


credit  http://www.volvoclub.org.uk

ที่นี้เรามาดูที่เค้าทดสอบไว้นะครับ

ตามลำดับครับ ที่ 1 คือพวกอุณหภูมิเปลี่ยนน้อย  ที่โหล่คือพวกที่เปลี่ยนไปมากที่สุด   ส่วนตารางทางขวามือนั้น เป็นความคุ้มค่าต่อราคาครับ
Credit http://www.volvoclub.org.uk/faq/BrakeFluidComparison.html

สรุปนะครับ

เราใช้ตามสเปกบริษัทก็ได้ครับ ว่าเค้าให้ใช้น้ำมันเกรดอะไร แบบไหน เพราะเค้าน่าจะทดสอบมาแล้ว  แต่ในเรื่องของความชื้นนั้น บ้านเรามันอากาศชื้นมาก ควรจะตรวจเช็คและหมั่นดูแลระบบเบรคเพราะมันสำคัญต่อชีวิตนะครับ

แต่วันนี้ ที่มาเขียน ผมมีรูป 4 รูป ให้ดูครับ  รถผม ปี 08 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามสเปกและ รวมไปถึงของเหลวอื่นๆและเปลี่ยนก่อนกำหนดอีกด้วย อย่างอันนี้ผมเพิ่งไปเปลี่ยนมาไม่เกิน 3-4เดือนเองครับ รูปที่ได้ออกมาตกใจพอสมควร

ต้องขอโทษเรื่องรูปด้วยนะครับ ใช้มือถือถ่าย ไม่ค่อยชัดแต่รับรองสีนี้ละครับไม่มีเพี้ยน

ปั้มเบรกมือบน

By vrodraider at 2010-11-01


สีจากปั้มเบรคตัวล่าง

By vrodraider at 2010-11-01


By vrodraider at 2010-11-01

น้ำมันครัช ครัชผมมันเป็นครัชน้ำมันครับ

By vrodraider at 2010-11-01

เทียบกับอันนี้  สีใสๆ นั้นคือ เพิ่งเทออกจากกระป๋อง  สีเหลืองๆนั้นมีน้ำผสมอยู่ 2%


ซ้ายสีขาวคือน้ำมันเบรคใหม่ ขวาสีเหลืองอำพัน มันดูดความชื่นเรียบร้อยแล้ว


แล้ว รถผมที่สีมันดำขนาดนั้น มันกี่%? 

อาการมันเกิดจาก 1 ผมบีบครัชแล้วมันหนักขึ้นครับ ส่วนเบรคต้องย้ำๆหลายที ถึงจะทำงาน

ตอนนี้ สบายหายดีแล้วเลยเป็นห่วงถึงทุกคน ลองตรวจเชคดูนะครับ มันถึงฤดูขี่แล้ว อย่าให้ส่วนที่สำคัญของรถทำคุณเซ็ง

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

 Bon Vrod Raider

25
ประวัติโดยย่อ

กิจการตำรวจได้ก่อกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยพระองค์ได้ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ตราระเบียบการปกครองบ้านเมืองเป็น 4 เหล่า เรียกว่า "จตุสดมภ์" ได้แก่ เวียง วัง คลัง นา และพร้อมกันนี้ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการตำรวจขึ้น โดยให้ขึ้นอยู่กับเวียง อันมีเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ สมุหนายก อัครมหาเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา


    
          ในปี พ.ศ. 2405 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปรับปรุงกิจการตำรวจครั้งสำคัญ กล่าวคือ มีการจัดตั้งกองตำรวจขึ้นเป็นครั้งแรกตามแบบอย่างยุโรป เรียกว่า กองโปลิศ โดยจ้างชาวมลายูและชาวอินเดีย เป็นตำรวจ เรียกว่า คอนสเตเปิล ให้มีหน้าที่รักษาการณ์แต่ในเขตกรุงเทพมหานครชั้นใน และขึ้นอยู่กับสังกัดกรมพระนครบาล


          ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการปรับปรุงกองโปลิศ และจัดตั้งตำรวจภูธรขึ้นเป็นทหารโปลิศ ในปี พ.ศ. 2419 เพื่อให้เป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในส่วนภูมิภาคและให้สามารถปฏิบัติการทางทหารได้ด้วย โดยได้ว่าจ้างนาย G.Schau ชาวเดนมาร์ก เป็นผู้วางโครงการ


          ต่อมาในปี พ.ศ. 2420 กองทหารโปลิศได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นกรมกองตระเวณหัวเมือง และได้มีการจัดตั้งกรมตำรวจภูธรขึ้นแทนกรมกองตระเวณหัวเมืองในปี พ.ศ. 2440 และได้โปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้พลตรี พระยาวาสุเทพ (G.Schau) เป็นเจ้ากรมตำรวจภูธร และได้มีการขยายกิจการตำรวจไปยังหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคตามลำดับ


          ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการรวบรวมกิจการตำรวจมาเป็นกรมเดียวกัน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2458 เรียกว่า กรมตำรวจภูธรและกรมพลตระเวน และในปลายปีได้เปลี่ยนเป็นกรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาล และยกฐานะของเจ้ากรมขึ้นเป็นอธิบดี


          ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้รวมกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงพระนครบาลเป็นกระทรวงเดียวกันเรียกว่า กระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาลจึงโอนมาขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย


             ต่อมาในปี พ.ศ. 2469 กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาลได้เปลี่ยนชื่อเป็น กรมตำรวจภูธร แต่ยังคงแบ่งตำรวจออกเป็น 2 ประเภท คือ ตำรวจที่จับกุมโจรผู้ร้าย ไต่สวนทำสำนวนฟ้องศาลโปลิศสภาโดยตรงเรียกว่า ตำรวจนครบาล ส่วนตำรวจที่ทำการจับกุมโจรผู้ร้ายได้แล้ว ส่งให้อำเภอไต่สวนทำสำนวนให้อัยการฟ้องศาลอาญาประจำจังหวัดนั้น ๆ เรียกว่า ตำรวจภูธร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2475 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อจากกรมตำรวจภูธร มาเป็นกรมตำรวจ จนถึงปัจจุบัน


          เนื่องจากวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประกาศรวมกรมพลตระเวน กับกรมตำรวจภูธร เป็นกรมเดียวกัน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมตำรวจจึงได้ยึดถือเอาวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันตำรวจ และได้มีการประกอบพิธีในวันตำรวจอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ซึ่งในขณะนั้น พล.ต.อ. หลวงชาติตระการโกศล เป็นอธิบดีกรมตำรวจ และ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี


          ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ได้จัดให้มีพิธีเดินสวนสนาม และปฏิบัติต่อเนื่องมาจนถึง พ.ศ. 2500 จึงระงับการจัดพิธีเดินสวนสนาม ประกอบแต่พิธีทางศาสนา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี

-------------------

ความเป็นมาโดยละเอียด

ประวัติกรมตำรวจ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมตำรวจ หรือบางคนอาจจะเรียกกันติดปากว่า กรมตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบัน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่ดูแลกิจการเกี่ยวกับตำรวจในประเทศไทย


ประวัติ ตำรวจไทยยุคต้น (ก่อน พ.ศ. 2403)

กิจการตำรวจ มีมาก่อน พ.ศ. 2403 แต่หลักฐานที่แน่ชัดพอจะหาได้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา คือในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองบ้านเมืองเป็น 4 เหล่า เรียกว่า จตุสดมภ์ ได้แก่ เวียง วัง คลัง นา ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้มีตำรวจขึ้นด้วยและให้ขึ้นอยู่กับเวียง มีเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์สมุหนายกอัครมหาเสนาบดี เป็นผู้บังคับบัญชา

 
กิจการตำรวจครั้ง นั้นแบ่งออกเป็นตำรวจพระนครบาล ตำรวจภูธร ส่วนตำรวจหลวงให้ขึ้นอยู่กับวัง มีเจ้าพระยาธรรมาธิบดีศรีรัตนมณเฑียรบาล เป็นผู้บังคับบัญชา และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตราศักดินาของตำรวจไว้เป็นบรรทัดฐานในบทพระอัยการระบุตำแหน่งนายพลเรือน เช่นเดียวกับข้าราชการฝ่ายอื่น ดังนี้

ตำรวจภูธร หลวงวาสุเทพ เจ้ากรมมหาดไทย

ตำรวจภูธร ศักดินา 1,000 ขุนพิศณุแสนปลัดขวา ศักดินา 600

ตำรวจภูบาล หลวงเพชรฉลูเทพ เจ้ากรมมหาดไทย

ตำรวจภูบาลศักดินา 1,000 ขุนมหาพิชัย ปลัดขวา ศักดินา 600 ขุนแผลงสะท้าน ปลัดซ้าย ศักดินา 600

นอกจากนี้ยังมีเอกสารหลายชิ้นที่แสดงว่าบุคคลที่จะเป็นตำรวจได้นั้นต้องคัด เลือกจากผู้ที่มีชาติกำเนิดสืบเชื้อสายมาจากตระกูลที่ได้ทำคุณความดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และต้องเป็นบุคคลที่ทรงวางพระราชหฤทัย การบังคับบัญชาตำรวจก็ต้องขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะแต่พระองค์เดียว

กิจการตำรวจในยุคนี้จะจัดตั้งเพื่อให้ทำหน้าที่ในวงจำกัด และมิได้ขยายไปยังส่วนการปกครองทั่วประเทศเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป มีการติดต่อกับชาวต่างประเทศมากขึ้น กรมตำรวจจึงได้รับความสนใจที่จะปรับปรุงรูปแบบเพื่อให้เป็นไปตามแบบอย่าง ประเทศตะวันตก

ตำรวจไทยยุคปฏิรูปการปกครอง

กิจการ ตำรวจระหว่างปี พ.ศ. 2403 ถึง พ.ศ. 2475 เป็นสมัยที่ได้มีการปฏิรูปการปกครองประเทศไทยอย่างขนาดใหญ่ในทุกๆ ด้าน ตามแบบอย่างอารยประเทศตะวันตก ซึ่งได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

กล่าวคือในปี พ.ศ. 2405 ได้ว่าจ้าง กัปตัน เอส.เย.เบิร์ด เอมส์ (Captain Sammoal Joseph Bird Ames) ชาวอังกฤษ ซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงรัฐยาภิบาลบัญชา มาเป็นผู้พิจารณาวางโครงการจัดตั้งกองตำรวจ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเขตนครหลวงตามแบบอย่างยุโรปขึ้นเป็นครั้ง แรก แต่เนื่องจากเหตุทางการเมืองระหว่างประเทศในสมัยนั้นซึ่งเป็นยุคที่ประเทศ อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส ฮอลันดา กำลังแข่งขันกันหาเมืองขึ้นในทวีปเอเชีย การจัดระเบียบการปกครองประเทศขณะนั้นจึงเพ่งเล็งไปในด้านป้องกันประเทศเป็น หลักใหญ่ นโยบายการตำรวจก็ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ และทหารด้วยเป็นธรรมดา

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 การปรับปรุงการตำรวจ นอกจากได้ขยายงานตำรวจนครบาลโดยให้ นาย เอ.เย.ยาดิน (A.J.Jardine) มาช่วยงานเพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้จัดตั้งตำรวจภูธรขึ้นในรูปทหารโปลิศ เมื่อ พ.ศ. 2419 สำหรับเป็นกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในส่วนภูมิภาคและให้สามารถปฏิบัติการ ทางทหารได้ด้วย โดยว่าจ้าง นาย ยี.เชา. (G.Schau) ชาวเดนมาร์คมา เป็นผู้วางโครงการ ผู้บังคับบัญชาส่วนมากก็โอนมาจากนายทหาร ต่อมาใน พ.ศ. 2420 ได้เปลี่ยน "กองทหารโปลิศ" เป็น "กรมกองตระเวนหัวเมือง" จนถึงปี พ.ศ. 2440 ได้ตั้ง "กรมตำรวจภูธร" ขึ้นแทนกรมกองตระเวนหัวเมือง โดยมี พลตรีพระยาวาสุเทพ (ยี.เชา.) เป็นเจ้ากรมตำรวจภูธร

ในปี พ.ศ. 2444 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจภูธรขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อผลิตนายตำรวจออกรับราชการตำแหน่งผู้บังคับหมวดในส่วนภูมิภาค แม้ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 จะได้ย้ายมาตั้งที่ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมืองนครปฐม ก็ถือกันว่า โรงเรียนนายร้อยตำรวจภูธร ซึ่งตั้งขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้นกำเนิดของโรงเรียนนายร้อยตำรวจปัจจุบัน

กำลังพลในระยะแรกใช้ตำรวจ แต่ต่อมาเมื่อทางทหารได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร ทางตำรวจภูธรก็ได้ขออนุมัติใช้กฎหมายฉบับนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2448 ได้เกณฑ์คนเข้าเป็นตำรวจด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อได้จัดตั้งกรมตำรวจภูธรขึ้นแล้ว ก็ได้พยายามขยายการตำรวจไปยังหน่วยการปกครองส่วนภูมิภาคตามลำดับ เพื่อให้มีกำลังตำรวจสำหรับป้องกันปราบปรามโจรผู้ร้าย อำนวยความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่ประชาชาชน

ต่อมาได้ขยายกิจการตำรวจภูธรไปยังหน่วยการปกครองส่วน ภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ทางด้านตำรวจนครบาลก็ได้ว่าจ้าง นาย อีริค เซนต์ เจ.ลอซัน (Mr. Eric Saint J.Lawson) ชาวอังกฤษเข้ามาช่วยอีกคนหนึ่ง

กิจการตำรวจในยุคนี้ขึ้นอยู่กับ 2 กระทรวงคือ กระทรวงนครบาล (กรมพลตระเวน หรือ ตำรวจนครบาล) และกระทรวงมหาดไทย (กรมตำรวจภูธร) และต่อมาได้รวมเป็นกรมเดียวกันภายใต้การบังคับบัญชาของอธิบดีคนเดียวกัน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2458 เรียกว่า "กรมตำรวจภูธรและกรมพลตระเวน" กรมตำรวจจึงถือว่าวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันตำรวจ และในปลายปีนั้นเองได้เปลี่ยนเป็น "กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาล" ยกฐานะเจ้ากรมขึ้นเป็นอธิบดี

ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รวมกระทรวงนครบาลกับกระทรวงมหาดไทยเข้าเป็นกระทรวงเดียวกันเรียกว่า กระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาลจึงโอนมาขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย และในปี พ.ศ. 2469 ได้เปลี่ยนนามกรมตำรวจภูธรและกรมตำรวจนครบาลเป็น "กรมตำรวจภูธร" แต่ยังคงแบ่งตำรวจออกเป็น 2 ประเภทคือ

ตำรวจนครบาล คือตำรวจที่จับกุมโจรผู้ร้ายไต่สวน ทำสำนวนฟ้องศาลโปลิศสภาโดยตรง
ตำรวจภูธร คือตำรวจที่ทำการจับกุมโจรผู้ร้ายได้แล้วส่งให้อำเภอไต่สวนทำสำนวนให้อัยการฟ้องศาลอาญาประจำจังหวัดนั้นๆ
จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 จึงได้เปลี่ยนนามกรมตำรวจภูธรเป็น "กรมตำรวจ"

ตำรวจไทยยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

การ ตำรวจยุคนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบัน จะเรียกว่า ตำรวจยุคปัจจุบัน หรือตำรวจสมัยระชาธิปไตยก็ได้หลังจากที่ ประเทศไทยได้เปลี่ยน แปลงการปกครองเป็นระบบประชาธิปไตยแล้วโดยประกาศเสนาบดี กระทรวงมหาดไทย เรื่องการแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ พ.ศ. ๒๔๗๕ กิจการตำรวจได้แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน คือ

ส่วนที่ ๑ เป็นหน่วยบริหารงานส่วนกลางและสำนักบริหาร ของอธิบดีกรมตำรวจมีกองขึ้นตรง ๖ กอง คือ
๑. กองกลาง
๒. กอง บัญชี
๓. กองโรงเรียน
๔. กองคดี
๕. กองตรวจคนเข้าเมือง
๖. กองทะเบียนกลาง



ส่วนที่ ๒ คือ ตำรวจนครบาล

ส่วนที่ ๓ คือ ตำรวจภูธร

ส่วนที่ ๔ คือ ตำรวจสันติบาลเป็นหน่วยที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ยกเลิก ตำรวจภูบาล ตำรวจกลาง และตำรวจกองพิเศษ

จากนั้นกิจกการตำรวจก็ได้มีการปรับปรุงให้สามารถรองรับการ เปลี่ยนแปลงของสังคมมาโดยลำดับ และในปี ๒๕๔๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ตราพระราชบัญญัติโอนกรมตำรวจ จากสังกัดกระทรวงมหาดไทย ไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในยุคปัจจุบัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย (อังกฤษ: Royal Thai Police, Kingdom of Thailand) เป็นหน่วยงานที่ดูแลกิจการตำรวจในประเทศไทย ผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2541 จากการโอนกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ [2]

ตามระเบียบงานสารบรรณ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2522 ได้กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้ชื่อย่อสำหรับหนังสือราชการภายนอกในการติดต่อเป็นเอกสารราชการกับกระทรวง ทบวง กรม อื่นใด โดยใช้ชื่อย่อว่า ตช. และใช้ชื่อย่อสำหรับหนังสือราชการภายในสำหรับการติดต่อเป็นเอกสารราชการภายในหน่วยงานซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง โดยใช้ชื่อย่อว่า ตร. แต่สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปมักเรียกขานชื่ออย่างย่อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กันเองอย่างไม่เป็นทางการว่า สตช.

ธงชัยประจำหน่วย

ธงชัยประจำหน่วยตำรวจ นี้ เป็นธงซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้รับพระราชทานเป็นครั้งแรกจำนวน 6 ธง เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2495 ณ ลานพระราชวังดุสิต

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จฯ ในการพระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพลประจำหน่วยตำรวจด้วยพระองค์เอง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2495

ความสำคัญของธงชัย ลักษณะ การได้มาของธงชัยประจำหน่วยตำรวจ มีลักษณะเช่นเดียวกับธงชัยเฉลิมพลของทหารทุกประการ โดยผืนธงมีสีลักษณะเดียวกับธงชาติ ที่ซุ้มยอดธงบรรจุเส้นพระเกศา (เส้นพระเจ้า) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบรรจุพระพุทธรูปองค์เล็ก เรียกว่า "พระยอดธง"เอาไว้ อันมีความหมายว่าธงชัยนี้เป็นตัวแทนของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ข้าราชการตำรวจทั้งหลาย และประชาชนชาวไทยให้ความเคารพนับถือ โดยความสำคัญของธงชัยประจำหน่วยตำรวจนี้ ปรากฏในพระบรมราโชวาทในวันพิธีสวนสนามและพระราชทานธงชัยประจำหน่วยตำรวจเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2495 ความตอนหนึ่งที่ว่า

“...ในการที่ข้าพเจ้าได้มอบธงชัยให้แก่หน่วยต่างๆในกรมตำรวจในวันนี้ ก็โดยที่ระลึกว่า หน้าที่สำคัญของตำรวจทั้งหลายในปัจจุบัน มิใช่เพียงรักษาความสงบภายในบ้านเมืองเท่านั้น แต่ต้องป้องกันความไม่สงบที่อาจจะมาจากภายนอกประเทศอีกด้วย ธงนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์แทนตัวข้าพเจ้า ผู้ซึ่งเอาใจใส่ตัวท่านทั้งหลายตลอดเวลา เพราะเป็นที่หมาย ที่เคารพในเวลาที่กองตำรวจได้เข้าเป็นหมวดหมู่อยู่ประจำ และเมื่อถึงวาระจำเป็นที่คับขัน เมื่อท่านได้ระลึกถึงธงชัยนี้แล้ว ก็จะเป็นเครื่องชักนำให้องอาจกล้าหาญ และร่าเริงใจที่จะประกอบหน้าที่ บำเพ็ญตนให้สมกับเป็นตำรวจของชาติไทย อย่าให้ผู้ใดติเตียนว่าเราเกิดมาเสียชาติเกิดได้ ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงรับธงนี้ไว้ด้วยความรัก และความเคารพเทิดทูน และพิทักษ์รักษาธงนี้ไว้ยิ่งกว่าชีวิตตน และให้เป็นมิ่งขวัญที่เป็นศักดิ์ศรีของกรมตำรวจสืบไป ...”[3]

และปรากฏในพระบรมราโชวาทในวันพิธีสวนสนามและพระราชทานธงชัยประจำกองโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 4 วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2496 ความตอนหนึ่งว่า

“... ข้าพเจ้าได้มอบธงชัย ประจำกองโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 4 ในวันนี้ก็โดยเห็นว่า กองโรงเรียนนี้เป็นแหล่งฝึก และอบรมตำรวจส่วนหนึ่ง เพื่อเพิ่มพูนกำลังของประเทศชาติ ในด้านรักษาความสงบภายใน และทั้งป้องกันความไม่สงบ อันจะมีมาจากภายนอกประเทศด้วย จึ่งสมควรจะได้มีธงประจำกองนี้ไว้เป็นมิ่งขวัญประจำกอง เพราะธงชัยนี้เป็นเสมือนเครื่องหมายแทนชาติ สาสนา และตัวข้าพเจ้า จงพิทักษ์รักษาธงนี้ด้วยความรักและเคารพให้ยิ่งกว่าชีวิตของตน เพื่อเป็นมิ่งขวัญ และศักดิ์ศรีของกรมตำรวจสืบไป ...” [4]

โดยในส่วนของธงชัยประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจนั้น จะมีการเชิญไปกระทำพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักเรียนนายร้อยตำรวจ เนื่องในวันตำรวจ 13 ตุลาคม ของทุกๆ ปีตลอดมา

แม้ว่าธงชัยประจำหน่วยต่างๆของตำรวจจะมิได้ปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2522 แต่เมื่อพิจารณาถึงการได้รับพระราชทาน การพระราชพิธีตรึงหมุดธงโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความสำคัญของธง ลักษณะต่างๆ ของธง และเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสำนักราชเลขาธิการที่เรียกธงดังกล่าวว่า “ธงชัยเฉลิมพล” มาโดยตลอด ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า “ธงชัยประจำกอง” ประจำหน่วยตำรวจที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันกับธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารทุกประการ ทั้งนี้ ตามหลักฐานของส่วนราชการต่างๆ ได้กล่าวถึงธงชัยประจำหน่วยตำรวจในชื่อต่างๆ ได้แก่ “ธงชัยเฉลิมพลประจำกอง” หรือ “ธงประจำกอง” หรือ “ธงชัย” หรือ “ธงชัยประจำกอง” ของหน่วยตำรวจ ซึ่งล้วนเป็นธงเดียวกัน



http://www.royalthaipolice.go.th/






26
อยากสุขภาพดีๆ มีครูโยคะมาสอนแบบนี้











เครดิต http://thai.cri.cn/247/2010/08/26/101s178886_5.htm


พนักงานต้อนรับที่นั้นก็ดูอบอุ่นเป้นกันเองมักๆ





นักเขียนการ์ตูนคนนี้ อายุ 28 แล้ว - - เชื่อดีปะนี่


วัยรุ่นที่นั้นพัฒนาไปไกลมากเลย






ดาวมหาวิทยาลัยที่นั้น




อันนี้แถม รูปศิลปะ









แผ่นดินจีน เปลี่ยนไปเยอะเลย - -* 







27
Relax Talk / CeleB in USA with Their Bikes...
« เมื่อ: สิงหาคม 08, 2010, 02:38:23 PM »
เอามาฝากวันอาทิตย์

http://www.motorbiker.org/motorbiker.nsf/Celebs_Name?OpenView


ลองคลิ๊กไปดูครับ ว่า คนดังในใจคุณขี่แมงกะไซค์ยี่ห้ออะไร   สามารถเลือกดูได้ตามยี่ห้อรถด้วยครับ


Arnold Schwarzenegger


Brock Lesnar         






และรายชื่อ คนดังที่คนเข้าไปหาดูมากที่สุด

Celeb Angelina Jolie   13,466   4   13466   2023   7   08/08/2010 09:12
Celeb Shaquille O'Neil   12,229   3   6717   2882   4   08/08/2010 07:47
Celeb Brad Pitt   11,455   1   11395   2882   4   07/08/2010 21:03
Celeb Arnold Schwarzenegger   8,538   2   14   3025   3   03/08/2010 20:19
Celeb Tom Cruise   7,040   1   5748   2893   2   07/08/2010 00:16
Celeb Samaire Armstrong   6,754   1   20   2554   3   08/08/2010 07:14
Celeb Catherine Bell   5,739   1   698   2765   2   08/08/2010 04:17
Celeb Ben Afflec   5,589   1   1308   2496   2   06/08/2010 19:51
Celeb Heather Kozar   5,330   1   114   3029   2   07/08/2010 17:18
Celeb Chae An   5,307   1   761   2291   2   07/08/2010 17:14
Celeb Ewan McGregor   4,737   1   1973   2894   2   06/08/2010 20:00
Celeb Molly Culver   4,483   2   12   2711   2   07/08/2010 17:24
Celeb Pamela Anderson   4,425   2   1803   2916   2   07/08/2010 18:13
Celeb Harrison Ford   4,344   1   2859   3029   1   07/08/2010 15:59
Celeb Mark Callaway   4,323   1   16   2235   2   07/08/2010 04:13
Celeb Jay Leno   4,161   2   57   3028   1   06/08/2010 23:49
Celeb Jayne Mansfield   4,094   1   7   2447   2   26/07/2010 01:38
Celeb Michael Jordan   4,056   1   1983   3029   1   07/08/2010 19:47
Celeb Charley Boorman   3,648   1   3   2388   2   04/08/2010 09:27
Celeb Axl Rose   3,491   2   170   3028   1   07/08/2010 17:54


28
Relax Talk / สนุกดีครับ เลยเอามาฝาก
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2010, 11:55:43 PM »
[youtube=425,350]lf22eZjlbgM[/youtube]

[youtube=425,350]_oTHjnbPN74[/youtube]

29
Relax Talk / just chopper ... R u sure?
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 02:50:01 PM »
[youtube=425,350]rYCQdrxRWs4[/youtube]

[youtube=425,350]O9JnYkrXUdw[/youtube]   [youtube=425,350]Xt-yD_sCyuI[/youtube]

[youtube=425,350]EE40JeUuWUY[/youtube]  [youtube=425,350]m7kmwrplfic[/youtube]

[youtube=425,350]STOeTDuLVnc[/youtube]  [youtube=425,350]Ey3OqNDZ_YI[/youtube]

[youtube=425,350]1MNFgmVzdUQ[/youtube]  [youtube=425,350]e8p8RUJ6IjU[/youtube]

[youtube=425,350]8qNlX8uTWEI[/youtube]  [youtube=425,350]Dkhjf7O7Z-4[/youtube]

[youtube=425,350]UZOi1ceQl6Y[/youtube]


อันนี้แถม ดูแก้เครียดครับ



[youtube=425,350]rvOJDlMTlsg[/youtube]


30

มีปัญญาซื้อฮาเล่ย์ขี่....แต่ไม่ มีปัญญาปฎิบัติตามกฎจราจร
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V9487534/V9487534.html

ใครขี่ BB ผ่านถนนรังสิตคลองสี่ตอน ห้าโมงเย็นๆ เข้ามาอ่านหน่อย
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V9484432/V9484432.html

เจอกะตัวเอง ชอปเปอร์เสียงนรก วัดเทียนดัด สามพราน นครปฐม
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V9409326/V9409326.html

@ @ @ คุณคิดว่า...คุณทำถูกแล้วหรือ???? @ @ @
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V9406664/V9406664.html



ที่ผมเอามาลงไม่ได้ให้เอาไปทะเลาะข้ามบอร์ด รึว่าไปโพสต่อว่าเค้าแรงๆนะครับ  เอามาให้ดูว่า ตอนนี้มีคนหมั่นไส้รถแบบพวกเรา เริ่มเยอะมากๆ ไม่ว่าจะอิจฉา รึอะไรก็ตาม คอยจ้องจับผิด

ผมอยากให้ทุกคนระวังตัวกันสักนิดในเรื่องการขับขี่ครับ  ทำดีสิบครั้งมันไม่มอง ไปมองที่ไม่ดีครั้งเดียว พวกเวร 

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
Powered by SMF 2.0.10 | SMF © 2006–2009, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF || ©2005-2015 HD-Playground. All rights reserved. By Cycle Culture Ltd.Part. T: 02-320-0033