« ตอบกลับ #255 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 06:19:25 PM »
ชีพจรลงเท้าจริงๆเลยนะเอ็ด ไม่เหนื่อยมั่งรึงัย ไฟท้ายดับอีกรึเปล่า
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #256 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 06:19:59 PM »
วันนี้ไม่มีเวลาไปไหนเลย...แค่ล้างรถอย่างเดียวก็เกือบหมดวันแล้ว...ใครชวนไปเมืองกาญจน์เนี่ย... nana
...ใครก็ไม่รู้ครับโทรหาผม...อิ อิ อิ...ไม่รู้เฮียเชี้ยงรู้จักป่าว...55555+ nana jawdrop sprint
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #257 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 06:24:14 PM »
วันนี้ไม่มีเวลาไปไหนเลย...แค่ล้างรถอย่างเดียวก็เกือบหมดวันแล้ว...ใครชวนไปเมืองกาญจน์เนี่ย... nana
...ใครก็ไม่รู้ครับโทรหาผม...อิ อิ อิ...ไม่รู้เฮียเชี้ยงรู้จักป่าว...55555+ nana jawdrop sprint
ได้ข่าวจากสาวเมืองกาญจน์ว่ามีชายหนุ่มโทรหา อิอิ
เป็นไงบ้างครับสนุกไหมทริปเมืองกาญจน์พี่กบ มีบรรยากาศมาฝากเปล่าครับพี่...
|
บันทึกการเข้า
|
บันทึกการเข้า
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #260 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 07:42:44 PM »
คืนนี้ไปหาอะไรกินแก้เหงากันดีกบ..... 
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #261 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 07:52:48 PM »
คืนนี้ไปหาอะไรกินแก้เหงากันดีกบ..... 
ผบ.ทำกับข้าวแล้วครับเฮีย...สงสัยจะอดครับ...(ถามผมว่าเมื่อวานยังกินฝน จากเมืองกาญฯไม่อิ่มอีกเหรอ...555555+...โดนซะ... stupidme frustrated)
ขอเป็นพรุ่งนี้ละกันครับ...เดี๋ยวออกไป RAD กัน...อิ อิ อิ... hug number1
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #262 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 07:58:49 PM »
โหย น่าหรอยจังพี่กบเฮ้อ.... number1 thumbsup
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #263 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:00:40 PM »
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #264 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:03:12 PM »
ไข่เค็มเมืองกาญฯ 555 headbang number1
|
บันทึกการเข้า
แก่แต่สังขาร แต่สันดานยังวัยรุ่นอยู่
« ตอบกลับ #265 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:10:27 PM »
จานที่ห้า ต้มยำปลาเนื้ออ่อนกับผัก ขะ-แยง (5 ดาว) อันนี้อร่อยครับ
ลักษณะเป็นยังไงครับพี่กบ ผักขะ-แยง
|
บันทึกการเข้า
ฮาเล่ย์ฝั่งธนฯ คนบางแค... number1 
« ตอบกลับ #266 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:14:48 PM »
รู้สึกว่าช่วงหลังๆ จะไปสุรินทร์บ่อย แต่ไม่ยักจะแวะโคราชเนาะ กบ..
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #267 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:23:24 PM »
ผักขะแยง(Balloon vine)
ชื่อวงศ์ : SCROPHULARIACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ : Limophila aromatica ( Lamk ) Merr ชื่อพื้นเมือง : ผักกะแยง กระ แยง (อุดรธานี) ผักพา (ภาคเหนือ) มะอม ปะกามะออม (เขมร) ขะแยง (อุบลฯ,มุกดาหาร)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผักขะแยงเป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียว เป็นผักที่ขึ้นเอง ตามคันนา ขึ้นในฤดูทำนา เริ่มจากฝนลงครั้งแรก ขยายพันธุ์แบบไหลไปตามราก เกิดและแตกต้นออกเป็นกอ ขนาดเล็กประมาณ ๓๐-๔๐ ซม. ลำต้นสีเขียว กลวงเห็นปล้องชัดเจน ลำต้นทั้งต้นจะมีกลิ่นหอมหรือกลิ่นฉุนรุนแรง ใบเป็น ใบเดี่ยว ขนาดเล็ก ออกเป็นคู่ตรงกันหรืออาจมี ๓ ใบ ออกอยู่รอบ ๆ ข้อรูปใบหรือรูปขอบขนาน หรือรูปหอกใบยาว ๑.๕-๕ ซม. กว้าง ๑-๒ ซม. ไม่มีก้านใบฐานใบจะหุ้มลำต้นเอาไว้ ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ด้านบนของใบมีต่อมเล็ก ๆ มากมาย ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตรงซอกใบ หรือออกเป็นช่อกลีบเลี้ยง ๕ กลีบ สีเขียวมีขน กลีบดอกสีแดง สีชมพูอ่อน หรือสีม่วง กินได้ตลอดลำต้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ผักขะแยงก็เริ่มโรยรา และหายลงใต้ดินในที่สุด รอวันฝน ลงอีกครั้งในพรรษาหน้า ผักขะแยงชอบดินดำน้ำชุ่ม ดังนั้นจึงสามารถนำผักขะแยงมาปลูกได้ ที่ ๆ มีน้ำขังตลอดปี ผักขะแยงก็สามารถขึ้นงอกงามได้ตลอดปีเช่นกัน แต่เพราะผักขะแยง เป็นผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ฤดูกาลทำนา ชาวบ้านหลายท้องถิ่นทางภาคอีสานไม่นิยมนำมาปลูก อยากกินก็ไปเก็บเอาจากท้องนา แต่บางแห่งในภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขง ก็นำมาปลูกตามริมบึง หรือแม้แต่ในกระถาง กะละมังแตกใต้ลุ่มบ้านตรงที่ล้างผัก ล้างปลา เพื่อให้ได้น้ำที่ไหลลงจากชานครัว ผักขะแยงก็จะงามสะพรั่ง บางแห่งก็มีการเก็บตามท้องไร่ท้องนามัดเป็นกำ ๆนำไปขายในตลาดในหมู่บ้าน ในอำเภอ หรือในเมือง สนนราคาก็ถูกมาก ปัจจุบันเกษตรกรนำมาปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ จึงมีผักขะแยงขายตามตลาดในกรุงเทพบ้างเช่นกัน ผักขะแยงกินได้หลายแบบแล้วแต่ท้องถิ่น อีสานตอนบนติดกับลำน้ำโขง คืออุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย จะมีการกินผักขะแยงสดเป็นผักจิ้ม เช่นจิ้มน้ำพริก กินกับก้อยปลา ลาบ หรือนำมาใส่ต้มหรือแกงปลา แกงหน่อไม้ ย่านาง แกงหอยขม เพราะกลิ่นจะดับคาวได้เป็น อย่างดี ส่วนอีสานตอนกลางเช่น ชัยภูมิ โคราช ขอนแก่น ไม่นิยมกินสด ๆ
ประโยชน์ทางยา
คั้นน้ำจากต้นแก้ไข้ ทั้งต้นเป็นยาขับ น้ำนม ขับลม และเป็นยาระบาย ผักขะแยงมีรสเผ็ดร้อน มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ช่วยเจริญอาหาร ผักขะแยง ๑๐๐ กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย ๓๒ กิโลแคลอรี่ มีเส้นใยอาหาร ๑๐๕ กรัม แคลเซียม ๕๕ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๖๒ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๖๒ มิลลิกรัม เหล็ก ๕๐๒ มิลลิกรัม วิตามินปีหนึ่ง ๐.๐๒ มิลลิกรัม วิตามิบีสอง ๐.๘๗ มิลลิกรัม ไนอาซิน ๐.๖ มิลลิกรัมและวิตามินซี ๕ มิลลิกรัม
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #268 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:26:09 PM »
ผักขะแยง(Balloon vine)
ชื่อวงศ์ : SCROPHULARIACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ : Limophila aromatica ( Lamk ) Merr ชื่อพื้นเมือง : ผักกะแยง กระ แยง (อุดรธานี) ผักพา (ภาคเหนือ) มะอม ปะกามะออม (เขมร) ขะแยง (อุบลฯ,มุกดาหาร)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ผักขะแยงเป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียว เป็นผักที่ขึ้นเอง ตามคันนา ขึ้นในฤดูทำนา เริ่มจากฝนลงครั้งแรก ขยายพันธุ์แบบไหลไปตามราก เกิดและแตกต้นออกเป็นกอ ขนาดเล็กประมาณ ๓๐-๔๐ ซม. ลำต้นสีเขียว กลวงเห็นปล้องชัดเจน ลำต้นทั้งต้นจะมีกลิ่นหอมหรือกลิ่นฉุนรุนแรง ใบเป็น ใบเดี่ยว ขนาดเล็ก ออกเป็นคู่ตรงกันหรืออาจมี ๓ ใบ ออกอยู่รอบ ๆ ข้อรูปใบหรือรูปขอบขนาน หรือรูปหอกใบยาว ๑.๕-๕ ซม. กว้าง ๑-๒ ซม. ไม่มีก้านใบฐานใบจะหุ้มลำต้นเอาไว้ ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ด้านบนของใบมีต่อมเล็ก ๆ มากมาย ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตรงซอกใบ หรือออกเป็นช่อกลีบเลี้ยง ๕ กลีบ สีเขียวมีขน กลีบดอกสีแดง สีชมพูอ่อน หรือสีม่วง กินได้ตลอดลำต้น เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ผักขะแยงก็เริ่มโรยรา และหายลงใต้ดินในที่สุด รอวันฝน ลงอีกครั้งในพรรษาหน้า ผักขะแยงชอบดินดำน้ำชุ่ม ดังนั้นจึงสามารถนำผักขะแยงมาปลูกได้ ที่ ๆ มีน้ำขังตลอดปี ผักขะแยงก็สามารถขึ้นงอกงามได้ตลอดปีเช่นกัน แต่เพราะผักขะแยง เป็นผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์ฤดูกาลทำนา ชาวบ้านหลายท้องถิ่นทางภาคอีสานไม่นิยมนำมาปลูก อยากกินก็ไปเก็บเอาจากท้องนา แต่บางแห่งในภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขง ก็นำมาปลูกตามริมบึง หรือแม้แต่ในกระถาง กะละมังแตกใต้ลุ่มบ้านตรงที่ล้างผัก ล้างปลา เพื่อให้ได้น้ำที่ไหลลงจากชานครัว ผักขะแยงก็จะงามสะพรั่ง บางแห่งก็มีการเก็บตามท้องไร่ท้องนามัดเป็นกำ ๆนำไปขายในตลาดในหมู่บ้าน ในอำเภอ หรือในเมือง สนนราคาก็ถูกมาก ปัจจุบันเกษตรกรนำมาปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ จึงมีผักขะแยงขายตามตลาดในกรุงเทพบ้างเช่นกัน ผักขะแยงกินได้หลายแบบแล้วแต่ท้องถิ่น อีสานตอนบนติดกับลำน้ำโขง คืออุดรธานี อุบลราชธานี หนองคาย จะมีการกินผักขะแยงสดเป็นผักจิ้ม เช่นจิ้มน้ำพริก กินกับก้อยปลา ลาบ หรือนำมาใส่ต้มหรือแกงปลา แกงหน่อไม้ ย่านาง แกงหอยขม เพราะกลิ่นจะดับคาวได้เป็น อย่างดี ส่วนอีสานตอนกลางเช่น ชัยภูมิ โคราช ขอนแก่น ไม่นิยมกินสด ๆ
ประโยชน์ทางยา
คั้นน้ำจากต้นแก้ไข้ ทั้งต้นเป็นยาขับ น้ำนม ขับลม และเป็นยาระบาย ผักขะแยงมีรสเผ็ดร้อน มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ช่วยเจริญอาหาร ผักขะแยง ๑๐๐ กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย ๓๒ กิโลแคลอรี่ มีเส้นใยอาหาร ๑๐๕ กรัม แคลเซียม ๕๕ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๖๒ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๖๒ มิลลิกรัม เหล็ก ๕๐๒ มิลลิกรัม วิตามินปีหนึ่ง ๐.๐๒ มิลลิกรัม วิตามิบีสอง ๐.๘๗ มิลลิกรัม ไนอาซิน ๐.๖ มิลลิกรัมและวิตามินซี ๕ มิลลิกรัม worship
โหพี่กบเอาซะละเอียดเลย ฮ่าฮาาา...
|
บันทึกการเข้า
« ตอบกลับ #269 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 08:28:32 PM »
รู้สึกว่าช่วงหลังๆ จะไปสุรินทร์บ่อย แต่ไม่ยักจะแวะโคราชเนาะ กบ..
...วิ่งเส้นออกขวาตรงสี่คิ้วน่ะเอก...ก็เลยไม่ได้เข้าไปโคราช...ไปทุกครั้งออกจากกรุงเทพฯ เที่ยง บ่าย...ก็เลยไม่กล้าแวะ...เดี๋ยวจะถึงสุรินทร์ดึก...ต่อไป ไปอยู่โคราชใกล้คุณเณร...ได้เจอกันบ่อยๆแน่นอนเพื่อน...ขี้คร้านตอนนั้นจะเบื่อเรา...อิ อิ อิ... hug handshake number1 
|
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 [ 18] 19 20 ... 374
|