ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวด้วยคนครับพี่น้อง
หากจะลองสังเกตุและย้อนกลับไปดูในอดีตโดยเฉพาะพี่ๆที่ขับกันมาเกิน 20 ปีนะครับ ในสมัยนั้นพอมีใครออกรถใหม่ซักคันรู้กันทั้งจังหวัดเพราะทั้งประเทศมีอยู่ไม่กี่คนที่เล่นหรือขับขี่โดยเฉพาะ HD เนี่ยนะครับเท่าที่ทราบและฟังๆมา เมื่อก่อนนั้นรักกันมากเลย ที่มาของงาน BikeWeek ต่างๆก็จัดขึ้นเพื่อหาโอกาสพบปะสังสรรค์และก็ขับขี่ไปหาเพื่อนที่อยู่ไกลกันนั่นแหละครับ การดำเนินการนำเข้า-ซื้อขาย-เสียภาษี-ทำทะเบียน ก็อาจจะใช้เส้นสายหรือความสัมพันธ์อันดีต่อผู้ดำเนินการหรือหน่วยงานนั้นๆได้ ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นและน่ารักดี แต่ทุกวันนี้สังคมของเรามีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราขยายที่เกินกว่าจะวัดได้ ซึ่งอัตราขยายนี้ก็รวมไปถึงผู้ประกอบการและจำนวนรถที่ถูกนำเข้ามาด้วยครับ ในกรณีที่กล่าวมาก็แน่นอนว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือแผนกที่ดูแลโดยตรงนั้นคงยังไม่มีละครับ และโดยส่วนตัวผมเชื่อว่ารัฐบาลอาจยังไม่มองปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เพราะมีเรื่องสำคัญอีกเยอะให้ปวดหัว ผมขออนุญาติแสดงความเห็นเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1.ทำไมการเสียภาษีรถเก่าที่ประกอบขึ้นใหม่จึงยุ่งยากนักนะ
ขอท้าวความกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองครับ อย่างที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามในครั้งนั้น เมื่อเคลียร์กับพันธมิตรเรี่ยบร้อยเรื่องสถานะภาพในเวทีการเมืองโลก รัฐบาลญี่ปุ่นก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อหามาตรการกระตุ้นเศษฐกิจภายในประเทศให้รุ่งเรืองอู้ฟู้ให้ได้ (ซึ่งก็เห็นกันดีในปัจจุบันว่าเค้าทำได้เจ๋งแค่ไหน อิจฉาเนอะ)หนึ่งในมาตรการนั้นคือการเก็บภาษีมรดก และการครอบครองสมบัติในอัตราสูง ซึ่งก็กลายๆว่าเก็บของเก่าด้วยนั่นแหละเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังการซื้อของใหม่อยู่เรื่อยๆ จึงรวมไปถึงรถด้วย
พวกเราเลยรับผลพลอยได้ไปเลย ญี่ปุ่นขับ 4-5 ปีขายทิ้ง ถอดเป็นอะไหล่ให้พวกมีปัญญาจ่ายภาษี เพราะคำนวณแล้วซื้อรถใหม่คุ้มกว่า ลืมบอกไปเค้ามีภาษีที่จอดรถด้วยนะ คือถ้าใครไม่มีหลักฐานว่ามีที่จอดรถก็ซื้อรถไม่ได้ เรียกว่าใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนเกาะเล็กๆให้คุ้มค่าที่สุด เป็นที่มาว่ารถเก่าที่บ้านเค้าเลยแพงใครมีไว้ในครอบครองคือเท่ห์ระเบิด รถเก่าพวกนั้น(สำหรับพวกเราแล้วมันยังเจ๋งอยู่เลยว่ามะ) ก็เลยกระเด็นมาอยู่บ้านเราเป็นส่วนใหญ่ ทางญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญและรักกันมากของประเทศเรา(แต่เราขาดดุลตลอด)ก็เลยกระแอมเบาๆในลำคอ ทำเสียงหล่อแล้วพูดว่า "อาริงาโต.....ทำแบบนี้รถหม่าายยยของพวกกระผ้มก็ยอดขายตกนะสิ ไฮ้ "
ถ้ามีใครนำเอาพระเครื่ององค์ละสามล้าน กับองค์ละสามร้อย ใส่ในกรอบทองเหมือนกัน ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่มีปัญญาแยกแยะได้ เช่นเดียวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบครับ คือเขาอาจจะไม่ได้มีใจรักในสิ่งเดียวกับเรา อันนี้จะไปตำหนิเขาทั้งหมดก็คงไม่ได้ นั้นแหละจึงเป็นที่มาของการประเมินราคาแบบพาให้งง ด้วยแรงกดดันจากคู่ค้าขาใหญ่ที่อยากให้เราซื้อแต่ของใหม่ในสายการผลิตและโฆษณาของเค้า(สงสัยต้องเปลี่ยนไปขับแฟนท้อม)และความไม่เข้าใจในคุณค่าและราคาสินค้านั้นๆ จึงเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นที่สำคัญคือกรณีที่ผมกล่าวมาข้างต้นคือรถแบบพวกเรามีมากขึ้นทุกวัน ผมคงไม่ต้องอธิบายต่อว่ามันสำคัญอย่างไรในเรื่องปริมาณ
2.ทำไมจึงจดทะเบียนยากนัก
ให้กลับไปอ่านข้อหนึ่งใหม่ (อ้าว...) ครับ...อาจจะโดนเหมือนกันครับ ขาใหญ่กดดันอีกแล้วแต่คราวนี้เป็นฝั่งยุโรป คือทางยุโรปเค้าพัฒนาไปไกลมากครับ ทุกวันนี้เค้าคิดไปจนถึงว่าจะทำอย่างไรให้โลกสวยงามน่าอยู่ไปนานๆ จึงออกมาตรการควบคุมมลภาวะให้สิ่งแวดล้อมโลก ประมาณว่าถ้าประเทศไหนไม่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม(โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาซึ่งพี่ๆเค้าใจดีกระจายรายได้ด้วยการยกโรงงานอุตสาหกรรมมาไว้ให้เพื่อผลิตสินค้ากลับไปให้พี่ๆเค้าแล้วทิ้งของเสียจากการผลิตไว้ให้ดูต่างหน้าเวลาคิดถึง) ประเทศเหล่านั้นถ้าไม่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมก็จะไม่คบค้าสมาคมด้วย ตัวอย่างเห็นได้ชัดครับเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในบ้านเรามีนากุ้งที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ISO 18000 ของพี่ๆเค้า พี่เค้าบอกว่า "ถ้ายูม่ายจาดการให้เรียบร้อย ไอก็จะม่ายยยซื้อกุ้งจากยูนะจ๊ะ" ซวยแล้วประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกกุ้งในแต่ละปีไม่ใช้น้อยๆ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งบอก ISO อะไรไม่รู้จักมีตั้งหมื่นกว่าข้อเลยหรือวะเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยได้ยิน จะกินกุ้งอ๊ะป่าวไม่กินก็ไม่ต้องกิน รัฐบาลไทยไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงเลยต้องยอมลดราคาส่งออกกุ้งสดแช่แข็งให้พี่ๆเค้า พี่ๆเค้าบอก "ไอเข้าจายยยแล้วว่ายูแก้ปานนนหาลำบาก เอาเป็นว่า ลดราคามาก็ซื้อไว้ก็ด้ายยยย เดี๋ยวของบูด เสียดาย" งงงงงงงง?

?? เช่นเดียวกับสินค้าแสนรักของพวกเราครับ พี่ๆบอกเครื่องเก่าคุณภาพเสื่อมไอเสียเยอะ ต้องเครื่องใหม่ ถ้าจะใช้เครื่องเก่าต้องผ่านมาตรฐานของพี่ๆเค้า ไม่งั้นไม่ให้ประชาชนชาวยุโรปมาเที่ยวบ้านยู ซวยอีกแล้วอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกำลังเป็นรายได้หลักอันดับต้นๆที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจอยู่ซะด้วย พี่ๆส่งเครื่องมาแล้วบอกว่าต้องผ่านเครื่องนี้ก่อน คือพี่ๆเทียบกับเครื่องใหม่ของพี่เค้าเรียบร้อยแล้ว เอาไงล่ะทีนี้ศึกนอกก็ยิ่งใหญ่ ข้างในก็พวกเดียวกันทำใจลำบากจริงๆ
โอยยยยย เดี๋ยวยาวกว่านี้ เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ขอย้ำว่านี่คือความคิดเห็นจากการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยส่วนตัวเท่านั้น ทิ้งท้ายไว้ว่าประเทศไทยมีประชาธิปไตยมาก็ 77 ปีแล้ว ยังหาความลงตัวไม่ได้เลย เรื่องใหญ่ของพวกเราก็อาจยังเป็นเรื่องเล็กของผู้ที่ไม่ใส่ใจอยู่ดี
สู้ต่อไปครับพี่น้อง ยิ่งเขียนยิ่งรักชาวสองล้อขึ้นทุกทีนะเนี่ย
หากข้อความข้างต้นทั้งหมดหรือมีส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ถูกต้องหรือพาทพิงถึงองค์กรหรือบุคคลหรือสร้างความหมองใจต่อผู้หนึ่งผู้ใดกระผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับและยินดีรับคำคิดเห็นติชมด้วยความเคารพยิ่ง
อุ BikerBong