ขั้นตอน ในการทำความสะอาดบ้าน หลังน้ำท่วมตัวให้พร้อม
1. เตรียมตัวเอง
สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว พร้อมถุงมือ รองเท้าบู๊ทยาง แว่นตา ผ้าหรือหน้ากากปิดปากและจมูก
อย่าสวมเครื่องประดับ
2. อุปกรณ์ทำความสะอาด
ผ้าหรือกระดาษทิชชูอย่างหนาสำหรับเช็ดทำความสะอาด แปรงขัดพื้นด้ามสั้น แปรงขัดพื้นด้ามยาว ไม้ถูพื้น ไม้กวาดซี่มะพร้าว แปรงสีฟันเก่า ถังน้ำ ถุงขยะสีดำ ที่รัดปากถุงขยะ แผ่นพลาสติกใสขนาด 1 เมตร X 1 เมตร กระดาษหนังสือพิมพ์ ไฟฉาย พลั่ว
3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ได้แก่ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค 70 %น้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรท์ ผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา
4. อุปกรณ์เสริม
ถ้ามีก็ดี เช่น เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องเป่าลมเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถดูดน้ำได้ ไม้รีดน้ำ เป็นต้น
ก่อนลงมือทำความสะอาด
• ตรวจสอบการรั่วของกระแสไฟฟ้า หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาช่างไฟฟ้า
• เปิดทุกอย่างที่เป็นไปได้ เช่น หน้าต่าง ประตู บานเกร็ดเป็นต้น เพื่อให้อากาศและลมถ่ายเทพัดพา เอาความชื้นออกไปเปิดทิ้งไว้
• สำรวจสภาพภายนอกบ้าน ระวังเศษกระจก เศษเหล็ก ตรวจสอบความแข็งแรงของบ้าน เช่น รั้ว เสา
• บันทึก หรือถ่ายรูปความเสียหาย ถ้าทำได้ก็จะดี เพื่อช่วยจำในการซ่อมแซม
• เก็บขยะแยกประเภทใส่ถุงดำ มัดปากถุงนำรวบรวมไว้ในจุดเดียวกัน
• เข้าสำรวจสภาพในบ้าน หากพบเชื้อรา ให้สำรวจอย่างระมัดระวังอย่าสูดดม อย่าให้เข้าตาและปาก• ย้ายสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ไปด้านนอก ถอดผ้าม่านออก รื้อพรมออก (ถ้าน้ำท่วม) หากพบเชื้อรา ให้ตัดใจทิ้ง
ทำความสะอาดภายนอกบ้าน
ฉีดน้ำล้าง ขัดตะไคร่ หรือสิ่งสกปรกออก โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ หรือน้ำยาล้างจานฉีดน้ำล้างออก แล้วทิ้งให้แห้ง หากพบเชื้อรา ห้ามฉีดน้ำ ให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาซักผ้าขาวที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ถ้วย (300 มิลลิลิตร) ต่อน้ำประมาณ 3.8 ลิตร เช็ดคราบเชื้อรา ทิ้งไว้ 15 - 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำ
ทำความสะอาดภายในบ้าน
ได้แก่ หน้าต่าง ประตูเช็ดทำความสะอาด ขัดตะไคร่ หรือสิ่งสกปรกออก (ถ้ามี) โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ หรือน้ำยาล้างจาน เช็ดด้วยน้ำสะอาด แล้วทิ้งให้แห้งl หากพบเชื้อรา ให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาซักผ้าขาวที่ผสมน้ำ ในอัตราส่วน 1 ถ้วย (300 มิลลิลิตร) ต่อน้ำประมาณ 3.8 ลิตร เช็ดคราบเชื้อรา ทิ้งไว้ 15 - 30 นาทีแล้วจึงเช็ดออกด้วยน้ำ
ทำความสะอาดพื้น
ควรทำความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24 – 48 ชั่วโมงเพื่อกำจัดเชื้อรา
•พื้นไม้
เช็ดทำความสะอาด ขัดตะไคร่ หรือสิ่งสกปรกออก (ถ้ามี)โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ หรือน้ำยาล้างจาน หากพื้นไม้ร่อนบางส่วน ควรรื้อออกเช็ดด้วยน้ำสะอาด แล้วทิ้งให้แห้ง หากพบเชื้อรา ให้ใช้ผงฟูละลายน้ำเช็ด หรือแอลกอฮอล์เช็ดคราบเชื้อราออก
• พื้นกระเบื้อง
เช็ดทำความสะอาด ขัดตะไคร่ หรือสิ่งสกปรกออก (ถ้ามี)โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ หรือน้ำยาล้างจานl เช็ดด้วยน้ำสะอาด และทำซ้ำจนสะอาด แล้วทิ้งให้แห้ง หากพบเชื้อรา ให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาซักผ้าขาวที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ถ้วย (300 มิลลิตร) ต่อน้ำประมาณ 3.8ลิตร เช็ดคราบเชื้อรา ทิ้งไว้ 15 - 30 นาที แล้วจึงเช็ดออกด้วยน้ำ• พื้นพรม
รื้อพรมออก ควรส่งให้บริษัทที่รับซักพรม ทำความสะอาดพื้น โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ แล้วทิ้งให้แห้ง หากพบเชื้อรา ควรตัดใจทิ้งทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์
ประเภทที่มีผ้าเป็นส่วนประกอบ ให้ทำความสะอาด และเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถดูดน้ำได้ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง หากพบเชื้อราให้ตัดใจทิ้ง ประเภทไม้ พลาสติก หรือหนัง ให้ทำความสะอาด โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ หรือน้ำยาล้างจาน ฉีดน้ำล้างออก เช็ดให้แห้ง นำไปผึ่งให้แห้ง ห้ามตากแดด เพราะอาจทำให้ไม้หรือพลาสติก เปลี่ยนรูปร่างได้
อื่นๆ
• เสื้อผ้า ตรวจดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ หากมีเชื้อราให้ทิ้งไป หากไม่มีเชื้อราแต่มีกลิ่นอับชื้น ให้ซักล้าง 2 – 3 ซ้ำ แล้วลวกด้วยน้ำร้อน
• เครื่องปรับอากาศ ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาด เช็ดซ้ำด้วยน้ำสะอาด ทำให้แห้ง หากพบเชื้อรา ให้เช็ดภายนอกด้วยแอลกอฮอล์ เมื่อแห้งแล้วถอดแผ่นกรองออก แล้วนำแยกไปเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาด เช็ดซ้ำด้วยน้ำสะอาด ทำให้แห้ง
• เพดาน หากน้ำท่วมขังในบ้านเป็นเวลานาน เพดานที่ทำด้วยฝ้าอาจเปื่อยยุ่ยและถล่มลงมาได้ ควรรื้อทิ้ง
• จาน ชาม ที่ถูกน้ำท่วม ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน และล้างในน้ำยาซักผ้าขาวที่ผสมน้ำ ในอัตราส่วน 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร)ในน้ำ 3.8 ลิตร และล้างด้วยน้ำ
• ทดสอบว่าภายในบ้านแห้งแล้ว โดยใช้พลาสติกขนาด 1 เมตรX 1 เมตร ปิดทับบนพื้น ใช้เทปปิดโดยรอบ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากยังมีละอองน้ำเกาะที่พลาสติกด้านใน ให้เปิดระบายอากาศ อาจใช้พัดลมช่วยและทำการทดสอบซ้ำ พยายามระบายอากาศออกให้มากที่สุด เช่น ใช้พัดลม เครื่องเป่าลมร้อน อาจใช้เวลา 1 - 3 วัน จนกระทั่งไม่มีละอองน้ำเกาะที่พลาสติกด้านใน
• ห้ามนำทรายที่ใช้แล้วในการกั้นน้ำท่วม มาใช้ในสนามเด็กเล่น
• ห้ามทำความสะอาดโดยไม่สวมถุงมือ รองเท้าบู๊ทยาง และหน้ากาก
เชื้อรา
เป็นจุลินทรีย์ประเภทหนึ่ง มีการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ ซึ่งสปอร์ของเชื้อราแพร่กระจาย อยู่ทั่วไปในบรรยากาศ เจริญเติบโตได้ดีในภูมิอากาศแบบร้อน ชื้น สปอร์ขนาดเล็กจะปลิวอยู่ในอากาศ สูดหายใจเข้าไปมีผลเสียต่อสุขภาพ เช่นเกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล โรคปอดอักเสบ โรคหอบหืด ก่อให้เกิดระคายเคืองต่อตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน อาการแพ้เป็นผื่นลมพิษ
ชนิดต่างๆ ของเชื้อราที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในประเทศไทย
1. Cladosporium เป็นเชื้อราที่พบมาก จัดเป็นสารก่อภูมิแพ้จากภายนอกที่สำคัญและจะถูกลมพัดพาเข้ามาในอาคาร เชื้อราชนิดนี้มักขึ้นบนซากพืช ซากสัตว์ พื้นดิน และอาหาร บริเวณตู้เย็น ที่เก็บอาหาร บริเวณอับชื้น
2. Alternaria เป็นเชื้อราที่พบว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยแพ้อากาศอาศัยซากพืช ซากสัตว์เป็นอาหาร ส่วนใหญ่มักพบอยู่ภายนอกอาคาร ตามพื้นดิน ไม้ผุ ๆ กองขยะ สามารถเห็นเป็นจุดดำๆ
3. Aspergillus เป็นเชื้อราที่พบได้ในอาคาร มักอยู่ตามเศษอาหารของหมักหมม ชอบอยู่ในที่มีความชื้นสูง สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้
4. Penicillium เป็นเชื้อราที่พบมากภายในอาคาร แหล่งที่พบคือบริเวณที่มีเศษอาหาร เช่นจุดเขียวเข้ม ดำๆ ที่พบบนขนมปัง อาหารเน่าเสีย เศษใบไม้ สิ่งสกปรก
ในภาวะน้ำท่วม มีความชื้นมากกว่าปกติ เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเจริญเพิ่มจำนวนของเชื้อราในอาคารที่พักอาศัย บ้านและเครื่องเรือนที่ถูกน้ำท่วมอาจสามารถมองเห็นโคโลนีของเชื้อราบนพื้นผิวของวัสดุได้ด้วยตาเปล่า โคโลนีของเชื้อรามักมีรอยจุดสีต่างๆ เช่นสีดำ สีน้ำตาล สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีขาว เป็นดวงและมีกลิ่นเหม็นอับ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน บริเวณที่มีเชื้อราเจริญและซ่อนอยู่ได้แก่ฝ้าเพดาน ผนัง ใต้พรม วอลเปเปอร์ ตู้เสื้อผ้า เตียง หมอน เครื่องหนัง เป็นต้น
จะกำจัดเชื้อราได้อย่างไร
1. การป้องกันตนเอง
การทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด ต้องคำนึงถึงการจัดการฆ่าเชื้อโรค/เชื้อรา ที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ในการทำความสะอาดบ้าน สิ่งสำคัญคือการป้องกันตนเอง ผู้ทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย ได้แก่ สวมรองเท้าบู๊ทยาง สวมถุงมือยาง เพื่อป้องกันเชื้อมาสัมผัสทางผิวหนังโดยตรงในระหว่างการทำความสะอาด
lใส่แว่นตาป้องกันเชื้อกระเด็นเข้าตา ใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก ป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอระเหยสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
2. การระบายอากาศ
ในระหว่างการทำความสะอาดกำจัดเชื้อรา ควรเปิดประตู หน้าต่าง ม่านให้อากาศถ่ายเทในห้อง ให้มีแดดส่องถึง และไม่ควรเปิดแอร์ และพัดลมในระหว่างการทำความสะอาด เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อรา
3. การทำความสะอาดกำจัดเชื้อรา
เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นวัสดุที่มีลักษณะเป็นรูพรุน พรม เบาะผ้าและที่นอน วอลเปเปอร์ ฝ้าผนัง แผ่นยิบซั่ม ที่ไม่สามารถชำระล้าง กำจัดเชื้อราและทำให้แห้งได้ ไม่ควรเก็บไว้ อย่าเสียดาย ให้ทิ้งไปให้หมด ควรทิ้งใส่ในถุงพลาสติกและมัดอย่างดี กันแพร่กระจายของเชื้อราสู่อากาศ
พวกวัสดุที่ไม่มีลักษณะเป็นรูพรุน เช่นพลาสติก คอนกรีต กระจกกระเบื้องเซรามิก โลหะ และไม้เนื้อแข็ง (เชื้อราไม่สามารถเจาะไม้เนื้อแข็งได้)สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ไม่ต้องทิ้งทำความสะอาดโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุด ภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังน้ำท่วมลดลง ระหว่างทำความสะอาดให้เปิดประตู หน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
การกำจัดเชื้อรา เริ่มแรกควรล้างด้วยน้ำและสบู่เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน แล้วตามด้วยการขัดล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปน้ำยาซักผ้าขาวที่มี ส่วนผสมของ โซเดียมไฮโปคลอไรท์นำน้ำยาซักผ้าขาวชนิดนี้ ผสมกับน้ำ โดยมีอัตราส่วน 1 ถ้วย หรือ 300มิลลิลิตร ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร) เพื่อฆ่าเชื้อราได้ สามารถหาซี้อได้ตามท้องตลาด และ ซูเปอร์มาเก็ตทั่วไปพบเชื้อราขึ้นเป็นจุดๆ ดวงๆ บนวอลล์เปเปอร์ และผนัง เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ล้างแผล 70 % ผสม กับ กรดซาลิไซลิก โดยมีอัตราส่วน 5 ต่อ 1 หรือหากพบว่ามีเชื้อราเป็นจำนวนมาก ควรเปลี่ยนวอลล์เปเปอร์ และผนังใหม่
พบเชื้อราขึ้นบนเครื่องหนัง ใช้น้ำส้มสายชู เช็ดถู หลายๆ ครั้ง เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรดสามารถทำลายเชื้อราได้ หลังจากแห้งแล้ว เช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอีกครั้ง และใช้ครีมเช็ดรองเท้ามาเช็ดถูปิดท้ายใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ดหรือฉีดพ่นที่บริเวณที่มีเชื้อราเจริญต่อเนื่องทุกวันจนเชื้อราหายไป จากนั้นเว้นระยะเช็ดหรือพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อเจริญอีก ถ้ามีปัญหาการกัดกร่อนให้ใช้ฟอร์มาลิน 5% (ฟอร์มัลดีไฮด์โซลูชัน ขององค์การเภสัชกรรม 1 ส่วนผสมกับน้ำสะอาด 7 ส่วน ระวังอย่าให้เข้าตา สูดดม และเข้าปาก ควรสวมถุงมือ หน้ากาก และแว่นตา) แทนน้ำยาคลอรีน
4. การทำให้แห้ง
ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อราในบ้านเสร็จสิ้นแล้ว เปิดพัดลมเป่าในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรเปิดหน้าต่าง เปิดประตู เพื่อดึงสปอร์รา ที่อยู่ในอากาศในบ้านออกไปนอกตัวบ้านหรืออาคารให้มากที่สุด จนมั่นใจว่า บ้าน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแห้งสนิท
5. ตรวจสอบเชื้อรา
หลังจากทำความสะอาดผ่านไป 2 ถึง 3 วัน ให้มองหา สังเกตการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งเชื้อราอาจเจริญเติบโตซ้ำได้ ถ้าวัสดุ เครื่องเรือน ดังกล่าวยังไม่แห้งดีพอ ยังมีความชื้นอยู่ ถ้ายังพบเชื้อราอีกให้ทำความสะอาดซ้ำ ถ้ายังพบเชื้อราอีกอาจจะต้องตรวจสอบระบบการระบายอากาศ ระบบแอร์ทั้งหมดระดับความชื้นภายในอาคาร ระดับอุณหภูมิ และสิ่งแวดล้อมทื่เกี่ยวข้องรวมทั้งอาจต้องมีการนำเครื่องมือเฉพาะทางมาตรวจสอบเชื้อรา
รู้ได้อย่างไรว่า กำจัดเชื้อราหมดไปแล้ว
ปัจจัยที่สำคัญคือต้องกำจัดแหล่งที่จะทำให้เกิดความชื้นเสียก่อน หากยังมีความชื้นอยู่ก็จะเกิดเชื้อราขึ้นใหม่l ดูด้วยตาไม่พบเชื้อราในบริเวณดังกล่าว หรือไม่มีกลิ่นl หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ให้หมั่นตรวจสอบว่ามีความชื้นหรือเชื้อราเกิดขึ้นหรือไม่ คนสามารถทำงานหรืออยู่บริเวณนั้นโดยที่ไม่เกิดปัญหาต่อสุขภาพ
น้ำยาฆ่าเชื้อราที่สามารถทำได้เอง ได้แก่
1. น้ำส้มสายชู เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อราอย่างอ่อน สามารถฆ่าเชื้อราได้ประมาณ 80% แต่ไม่สามารถฆ่าสปอร์ได้ จะเลือกใช้ชนิดหมักหรือกลั่นก็ได้ ควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 7% อาจฉีดพ่นทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วเช็ดออก
2. ผลิตภัณฑ์ฟอกขาวที่มีส่วนผสมของสารประกอบคลอรีน 6% sodium hypochlorite เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อราชนิดเข้มข้น สามารถหาซื้อได้ง่าย โดยต้องนำมาเจือจางกับน้ำก่อนใช้ (ผสมใหม่ทุกครั้งก่อนใช้งานเท่านั้น เนื่องจากสารละลายเสื่อมสภาพได้เร็ว) และมีข้อควรระวังคือ ห้ามผสมสารละลายคลอรีนกับแอมโมเนีย หรือผสมสารละลายคลอรีนกับสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดก๊าซพิษได้หลายชนิด เช่น คลอรามีน ก๊าซคลอรีน ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบทางเดินหายใจ เยื่อบุตา หลอดอาหาร หลอดลมและอาจทำให้เสียชีวิตได้
แหล่งข้อมูล : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (พย. 2554)
...