สวัสดีครับ เพื่อนพ้องและพี่น้องชาว HD-P ห่างหายกันไปนานพอสมควร เพราะไม่มีไฟจะเขียน 5 5 5+ วันนี้กลับมารับใช้พร้อมกับบทความเล็กๆ
ที่ผมไปเจอมาแล้วก็อยากจะให้ทุกคนที่ิอ่านได้ตระหนักว่ามันอันตราย ส่วนอันตรายยังไง มีอะไรแบบไหนเชิญทดลองอ่านได้ครับ
น้ำมันเบรค คือ น้ำมันไฮโดรลิคที่ใช้ในระบบเบรคไฮโดรในรถทั่วๆไป
ใช้เป็นตัวรับแรงเค้นจากมือไปสู่ปั้มแล้วปั้มก็เริ่มสูบน้ำมันอัดผ่านแรงไปที่ลูกสูบเบรค ทำให้เบรคเริ่มทำงาน
โดนธรรมชาติการทำงานของมันคือการทำงานระดับโมเลกุลของน้ำมัน มันจะไม่ยุบตัวรึขยายตัวทำให้แรงที่ส่งไปลดลง ทำให้ค่าการออกแรงบีบรึเหยียบเท่ากันทุกครั้ง
น้ำมันเบรคโดยทั่วไปก็ใช้ในพวกครัชน้ำมันด้วย น้ำมันเบรคที่ใช้กันทั่วไปในทุกวันนี้ เป็น สารไกลโคล-อีเทอร์ เป็นสารพื้นฐาน และยังมีอีก 2ชนิดคือ น้ำมันแร่ธาตุ และ ซิลิโคน
น้ำมันเบรคที่ดีนั้นต้องสามารถตรวจวัดจากมาตรฐานต่างๆได้เช่น SAE เหมือนน้ำมันเครื่อง
ยกตัวอย่างเช่น ในอเมริกาเหนือนั้น ใช้ค่า DOT โดยการแบ่งระดับชั้นโดย The Us Department Of Transportation(DOT) รึที่เราๆเรียกกันว่า กระทรวงคมนาคมนั้นแล
และจะมี DOT 3 - DOT 4 และ พวกซิลิโคนจะเป็น DOT 5 แต่ในส่วนของหลายๆประเทศเค้ากลับไม่สนใจในมาตรฐาน DOT
เพราะในเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ เช่นเรื่องของอุณหภูมิและความชื้น ดังนั้นมาตรฐานที่คนส่วนใหญ่พิจารณาจะใช้ SAE แทน
จุดเดือดน้ำมันเบรคถูกออกแบบมาให้ทำงานในอุณหภูมิที่ร้อนมากๆ โดยเฉพาะบริเวณล้อ ดิสเบรค ลูกสูบเบรค โดยคุณสมบัติที่กำหนดจะต้องไม่เดือดจนกลายเป็นไอ การกลายเป้นไอของน้ำมันเบรคจะทำให้เกิดโพรงอากาศในสายเบรค เมื่อเรากดเบรค เบรคจะไม่ทำงาน
มาตรฐานจะออกมา 2แบบ คือ จุดเดือดแบบแห้งคือแบบไม่มีน้ำหรือความชื่นเข้าไปผสมในขณะที่น้ำมันเดือด และ จุดเดือดแบบเปียกคือแบบที่มีความชื่นรึน้ำเข้าไปผสมในขณะที่เปียก
น้ำมันเบรกที่มีส่วนผสมพื้นฐาน ไกลคอล-อีทเทอร์ DOT3, DOT4, DOT5.1 (งงไม๊ มี5.1 ด้วย 555+) เป็นพวก ไฮโกรสโกปิค คือพวกดูดซับน้ำได้ดี และพวกมันก็รักน้ำมากซะด้วย มันจะดูดซึมความชื้น ในขณะที่ DOT5 เป็นพวกที่ไม่ดูดซึมความชื้นเลย
เรามาดูจุดเดือดกันในแต่ละเกรด
แห้ง boiling point เปียก boiling point
DOT 3 205 °C (401 °F) 140 °C (284 °F)
DOT 4 230 °C (446 °F) 155 °C (311 °F)
DOT 5 260 °C (500 °F) 180 °C (356 °F)
DOT 5.1 270 °C (518 °F) 190 °C (374 °F)
จุดเดือดเปียกนั้นคิดจากส่วนผสมของน้ำเจือปนอยู่ 3.7% น้ำมันเบรค ได้ถูกแนะนำโดยบริษัทรถยนต์หลายๆที่ ว่า DOT3/ DOT4/ DOT5.1 ควรล้างและเปลี่ยนทุก 1หรือ 2ปี เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 
Credit
http://www.dj-auto.comจากกราฟ เราไม่ต้องไปสนใจนะครับว่า ยี่ห้อไหนดี 5555+
เอาดู การลดประสิทธิภาพ แนวตั้งคือ จุดเดือด แนวนอน คือ ระยะเดือนที่ใช้งาน
เราจะได้ ยิ่งเวลานานน้ำมันก็จะเดือดง่ายขึ้น ตามภาพครับ
"โดยทั่วไป น้ำมันเบรคจะดูดซึมความชื้นมาเจือปน 1% ต่อปี ถ้า 2ปี ก็ราวๆ 2-3% ซึ่ง 2% นี้จะทำให้จุดเดือดของ DOT3 ลดลงจากเดิมไปราวๆ 75 องศาเซลเซียส และ 2% ใน DOT4 จะลดลงไป 45 องศาเซลเซียส"
http://www.misco.com
credit
http://www.volvoclub.org.ukที่นี้เรามาดูที่เค้าทดสอบไว้นะครับ
ตามลำดับครับ ที่ 1 คือพวกอุณหภูมิเปลี่ยนน้อย ที่โหล่คือพวกที่เปลี่ยนไปมากที่สุด ส่วนตารางทางขวามือนั้น เป็นความคุ้มค่าต่อราคาครับ Credit
http://www.volvoclub.org.uk/faq/BrakeFluidComparison.htmlสรุปนะครับ
เราใช้ตามสเปกบริษัทก็ได้ครับ ว่าเค้าให้ใช้น้ำมันเกรดอะไร แบบไหน เพราะเค้าน่าจะทดสอบมาแล้ว แต่ในเรื่องของความชื้นนั้น บ้านเรามันอากาศชื้นมาก ควรจะตรวจเช็คและหมั่นดูแลระบบเบรคเพราะมันสำคัญต่อชีวิตนะครับ
แต่วันนี้ ที่มาเขียน ผมมีรูป 4 รูป ให้ดูครับ รถผม ปี 08 เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตามสเปกและ รวมไปถึงของเหลวอื่นๆและเปลี่ยนก่อนกำหนดอีกด้วย อย่างอันนี้ผมเพิ่งไปเปลี่ยนมาไม่เกิน 3-4เดือนเองครับ รูปที่ได้ออกมาตกใจพอสมควร
ต้องขอโทษเรื่องรูปด้วยนะครับ ใช้มือถือถ่าย ไม่ค่อยชัดแต่รับรองสีนี้ละครับไม่มีเพี้ยน
ปั้มเบรกมือบน

By
vrodraider at 2010-11-01
สีจากปั้มเบรคตัวล่าง

By
vrodraider at 2010-11-01

By
vrodraider at 2010-11-01
น้ำมันครัช ครัชผมมันเป็นครัชน้ำมันครับ

By
vrodraider at 2010-11-01
เทียบกับอันนี้ สีใสๆ นั้นคือ เพิ่งเทออกจากกระป๋อง สีเหลืองๆนั้นมีน้ำผสมอยู่ 2%
ซ้ายสีขาวคือน้ำมันเบรคใหม่ ขวาสีเหลืองอำพัน มันดูดความชื่นเรียบร้อยแล้ว แล้ว รถผมที่สีมันดำขนาดนั้น มันกี่%?
อาการมันเกิดจาก 1 ผมบีบครัชแล้วมันหนักขึ้นครับ ส่วนเบรคต้องย้ำๆหลายที ถึงจะทำงาน
ตอนนี้ สบายหายดีแล้วเลยเป็นห่วงถึงทุกคน ลองตรวจเชคดูนะครับ มันถึงฤดูขี่แล้ว อย่าให้ส่วนที่สำคัญของรถทำคุณเซ็ง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
Bon Vrod Raider