4
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2009, 01:58:12 PM »
เรื่องเล่าจาก Forward Mail ครับ เห็นว่าดีเลยเอามาฝากๆกัน
พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษาที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม 2 คงรู้จักกันทุกคน
> เข้าเรื่องเรยนะครับ ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่ พ่อผมบอกว่าเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส
> เป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมาก ก็เข้าไปถวายเทียนพรรษา
> พร้อมๆ กับอีกหลายๆ คนที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน
> พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต(ฝัน)ว่า ท่านได้ไปนรกครับ ไปเจอเท้าเทพสุวรรณ
> ( ยมฑูต) ท่านก็เล่าว่า ท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วหรอ
> สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไป เดินไปเรื่อย จนถึงระยะหนึ่ง
> หลวงพ่อหยุดเดิน สุวรรณที่เดินนำก็เดินกลับมาครับ แล้วถามว่า หยุดทำไม
> ท่านก็ตอบว่า เดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเลย ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรก ว่า
>
> นรกมีไฟเพลิงสีส้มแดง แต่ไม่มีควัน แล้วก็ไม่ร้อน ที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่
> แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่าอยากเห็นอะไรละ ท่านตอบว่า อยากเห็นต้นงิ้ว และกะทะทองแดง
> สุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์อุปโหลก ขึ้นมาเองทั้งนั้น ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์ เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เอง
> ท่านก็ได้เดินต่อไป สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ
> เหวที่มีไฟแดงฉานอยู่ข้างล่าง สุวรรณบอกว่า ใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด ทำกรรมชั่วน้อยก็จะ
> อยู่ข้างบน ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน
> คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่านก็เห็นทาง สามแพร่ง มีน้ำกันอยู่ จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร
> สุวรรณตอบว่านี่คือทางไป นรก สวรรค์ โลกมนุษย์ ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ มีบางคนแอบ
> ซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน
> ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ ให้ลืมอดีต แล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีก
> น้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์ (ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)
> แล้วท่านก็เล่าว่า พวก สส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ ตัวเองปลูกตัวเอง
>
> ก็ได้กิน เมื! ่อต้นแอป เปิ้ลหมด ก็อดกิน ก็เหมือนกับพวก สส.ที่กินบุญเก่าอยู่ เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้
>
> ต้องรอให้เค้าหมดบุญไปเอง
> หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ไปเกิดก็เยอะ แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ ทำไมไม่จับ
>
> มาให้หมด สุวรรณก็ตอบว่า จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย
> ร่างกายคนเรามี สังขาร (ร่างกาย) และจิตวิญญาณ เมื่อละสังขารแล้ว แต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ คือยังไม่ถึงที่ตาย
>
> เช่น พวกฆ่าตัวตาย หรือถูกรถชนตาย วิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว
>
> ถึงจะไปรับมาได้
> ท่านจึงถามต่อว่า พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม สุวรรณตอบว่า ท่านสิ้นอายุขัยแล้ว แต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน
>
> ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง
> แล้วประเทศไทยละ จะเป็นอย่างไรต่อไป สุวรรณตอบว่า บอกไม่ได้
> แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อน ซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ สิ่งที่ท่านเห็นคือ
>
> ม้าตัวผอมเซียว ซึ่งมี พระเจ้าตาก และพระปิยะมหาราช ยื่นขว้างลำน้ำอยู่
> ท่านบอกว่า ที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆ ช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม จริงๆ กรุงเทพฯ ต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว
>
> แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง จากความหนาวของน้ำ แล้วการอดอาหารมานาน
> หลวงพ่อท่านพูดจบท่านน้ำตาท่านก็ไหลออกมา แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟังเรื่องราวของท่าน ว่าเป็นนิมิตของท่าน
>
> จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะท่านก็ยังคิดว่าเป็นความฝันของท่าน
> แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆ คนเอาไว้ว่า เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้า หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพระบรมรูป
>
> ให้กราบไหว้ โดยนำหญ้าที่ม้ากินล้างให้สะอาดไปถวายด้วย เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้ ผมก็คิดว่า
>
> นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น
> สิ่งหนึ่งที่ผมคิด คือมันแปลกมากที่อยู่ๆ เข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้
> ก็ควรเผยแพร่แก่ทุกๆคนครับ ก็อยากจะฝากเพื่อนๆ แต่อันนี้สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ