13
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2011, 10:03:32 PM »
แว่นตา
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคสมัยที่แว่นตากลายเป็นของธรรมดาสามัญเสียจนคนทั่วไปเกือบจะไม่ให้ความสำคัญกับแว่นตาเลย และจะเห็นได้จากการที่เมืองไทย มีร้านแว่นตามากมายทั่วไป หมด ไม่ว่าจะเป็นไปตามถนนหนทาง ในศูนย์การค้า
และแม้แต่ ตามแผงแบกะดินข้างถนน ทั้งๆที่ความจริงแล้ว แว่นตาได้ผ่านขั้นตอนของการวิวัฒนาการมาเป็นเวลานาน
หลายร้อนหลายพันปีเคียงคู่มากับ อารยะธรรมของมนุษยชาติ กว่าจะกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญ
อีกอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราสมัยนี้
มนุษย์เรามีความจำเป็นต้องใช้แว่นตา ก็เพราะว่านัยน์ตามีความผิดปกติ หรือเสื้อสภาพไปตามธรรมชาติ
ตามกาลเวลา ซึ่งคงไม่ใช่เฉพาะในสมัยนี้เท่านั้น แม้แต่ในสมัยหิน เมื่อหมื่นสองหมื่นปีก่อน
มนุษย์ก็คงมีปัญหาสายตากันแล้ว
จากการที่มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีภูมิปัญญา รู้จักจดจำแก้ไขปัญหาต่างๆ และถ่ายทอดกันต่อๆ มาหลายร้อยหลายพันชั่วคน ก็อาจจะมีบรรพบุรุษสมัยหินของเราสักคนหนึ่ง ไปพบผลึกหินควร์ทช์ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ขนาดหนาบางพอเหมาะเข้า
และเมื่อยกมาส่องดู ก็พบว่ามันช่วยสายตาให้การมองเห็นดีขึ้น เรื่องนี้ก็คงได้บอกเล่ากันต่อมา ว่าแผ่นหินใสเช่นนี้
สามารถแก้ปัญหาเรื่องสายตาได้ แต่ผลึกคอร์ทซ์ที่ว่านี้ไม่ได้มีอยู่ตามธรรมชาติมากนัก เพราฉะนั้นก็อาจจะกลายเป็นเครื่องรางของศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าไปและเป็นไปได้ว่าอาจกลายเป็นชนวนเหตุให้
เกิดสงครามการแย่งชิงกันขึ้นมาก็ได
มนุษย์ต้องรอมาอีกหลายพันปีจนถึงสมัยอารยะธรรมยุคแรกๆในอียิปต์โบราณและบาบิโลนที่มนุษย์ค้นพลการทำ
แก้วจากทรายจึงสามารถผลิตวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกับผลึกควอร์ทช์ได้แต่แก้วในยุคแรกๆยังไม่สามารถนำมาใช้แก้
ปัญหาสายตาได้เพราะมีฟองอากาศและความขุ่นมัวสูงเนื่องจากเตาเผาหลอมทรายทำแก้วสมัยนั้นยังไม่สามารถสร้าง
อุณหภูมิสองๆขนาดเกินกว่า 1100 อาศาเซลเซียสให้ได้เพียงพอที่จะขจัดอุปสรรคเหล้านี้จนเมื่อประมาณสองพันปีเศษๆ
มานี้มนุษย์จึงเริ่มสามารถผลิตแก้วที่มีความใสเพิ่มขึ้นได้การค้นพบเลนส์ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญอีกเช่นกันโตยคาดเดากัน
ว่ามนุษย์อาจจุสังเกตเห็นว่าคนโทใส่น้ำที่ทำจากแก้วใสนั้นมีคุณสมบัติสามารถขยายภาพให้เห็นได้ชัดขึ้นอันเป็นคุณ-
ลักษณะของเลนส์นูนหลังจากนั้นแล้วแก้วและการทำเลส์แว่นตาก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเลนส์ชนิด
ต่างๆรวมทั้นเลนส์พลาสติกหลากหลายชนิดที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันและเชื่อว่าในอนาคตอันไม่ไกลนักเราจะได้ใช้
เลนส์ไฮเทคกันอีกมากมายหลายชนิดสำหรับเรื่องกรอบแว่นตานั้นค่อนข้างจะเดายากว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยใดกันแน่
หลักฐานเก่าที่สุดซึ่งเป็นหนังสือหรือภาพเขียนโบราณของฝรั่งก็ค้นพบย้อนหลังไปได้เพียงประมาณ 700 ปีเศษๆเท่านั้น
เองซึ่งเทียบสมัยกับเมืองไทยหรือแถวบ้านเราแล้วก็คงประมาณยุคกรุงสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหงหรือก่อนสร้างกรุง
ศรีอยุธยาไม่นานนักแต่ถ้าจะให้เดากันอย่างมีหลักการแล้วคิดว่ามนุษย์อาจจะคิดประดิษฐ์กรอบแว่นตาขึ้นมาได้หลังจาก
สามารถทำเลนส์จากแก้วได้แล้ว จึงน่าเชื่ออย่างมีเหตุผลว่าในสมัยจักรวรริดโรมันก่อนจะล่มลสายไปเมื่อประมาณ 1500
ปีมาแล้วชาวโรมันอาจจะเริ่มมีกรอบแว่นตาแบบง่ายๆทำจากหนังสัตว์และลวดใช้กันแล้วซึ้งก็ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเป็น
เอกสารหรือภาพเขียนแต่ก็น่าจะเดาได้จากพยานหลักธาณแวดล้อมมากกว่ามีใครเคยคิดหรือตอบได้ไหมว่าทำไมทุกวันนี้
อิตาลีจึงเป็นแหล่งออกแบบและผลิตแฟชั่นแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในโลกคนที่เคยไปงานนิทรรศการแว่นตามิโด้ที่เมืองมิลาน
และได้เคยเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของงานนั้นมาแล้วน่าจะลองเอามาคิดดูเป็นไปได้ไหมว่าการทำกรอบแว่นตาเป็น
อุตสาหารรมที่อยู่ในสายเลือดของชาวอิตาลีซึ่งสืบรับวัฒนธรรมต่อมาจากชาวโรมันสิ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงจินตนาการของ
ผู้เขียนเองเท่านั้นจะผิดถูกอย่างไรขอท่านผู้รู้ทั้งหลายโปรดเมตตาให้อภัยด้วยที่นี้เรามาดูหลักฐานที่มีการค้นคว้ากันไว้
ผู้ประดิษฐ์กรอบแว่นตาคนแรกของโลกน่าจะเป็นชาวเมืองฟรอเรนช์ชื่อชาลวีโน่ ดามาติ (Saivino D' Armati)
เมื่อ ค.ศ.1280 ตรงกับสมัยพ่อขุนรามคำแหงพอดีช่วงนี้คงทำให้นึกถึงแว่าตาดังยี่ห้อหนึ่งของอิตาลีได้ที่เขาเชื่อกันอย่าง
นี้ก็เพราะว่าเรื่องนี้ได้ถูกบรรยายสลักไว้บนศิลาจารึกเหนือหลุมฝังศพของนักประดิษฐ์ผู้นี้เมื่อ ค.ศ.1317 แว่นตาสมัยแรก
เป็นแบบง่ายๆประกอบด้วยหนังสองชิ้นที่จับยึดเลนส์ซึ่งถูกรัดติดกับกระบังหน้าที่สวมไว้ต่ำเหนือว่าตัวเลนส์ทำจากผลึก
ควอร์ทช์เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีแก้วชนิดทำเลนส์คุณภาพดีได้เนื่องจากเมืองเวนิศเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตแก้ว
ชั้นดีมาเป็นเวลานานดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่อุตสาหรรมทำรอบแว่นตาจะเกิดขึ้นรอบๆเมืองนี้เองและเมื่อความต้องการสูง
ขึ้นอุตสาหกรรมนี้ก็ได้ขยายตัวไปที่ฮอลแลนด์และเยอรมนีและต่อๆไปในประเทศต่างๆทั่วทวีปยุโรป สำหรับเมืองไทย
นั้นแทบจะไม่มีหลักฐานบันทึกไว้เลยไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือภาพเขียนถ้าใครรู้หรือมีหลักฐานก็ขอให้นำมาเผยแพร่เพื่อ
เป็นวิทยาทานด้วยจักเป็นพระคุณยิ่งเพราะฉะนั้นผู้เขียนก็ต้องนั้งทางในเป็นหมอเดาอีกครั้งหนึ่งชาวสยามนั้นคงจะได้
เห็นแว่นตาครั้งแรกจากชาวโปรตุเกสและชาวฮอลันดาซึ่งเป็นฝรั่งกลุ่มแรกที่มาค้าขายด้วยและตามติดมาด้วยชาวฝรั่งเศส
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแต่แว่นตาคงยังไม่ได้แฟร่หลายอยู่ในหมู่ชาวสยามจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาไปแล้ว
และมีฝั่งรุ่นใหม่เข้ามาค้าขายกับกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์จนเมื่อมีฝรั่งเริ่มเข้ามาตั้งห้างค้าขายในเมืองไทย
ในสมัยรัชกาลที่3-4-5แล้วคนไทยจึงน่าจะได้เริ่มใช้แว่นตากันในยุคนี้เอง แต่เรื่องนี้คงต้องมีนักประวัติศาสตร์เฉพาะ
ทางมาศึกษาค้นคว้ากันอย่างจริงจังจึงจะพอน่าเชื่อถือมากกว่าการคาดเดาเอาเองของผู้เขียนข้อมูลที่ใช้ในการเขียนบท
ความนี้ผู้เขียนได้อ่านมาจากหนังสือชื่อ Spectacle Lens Technology ของ D.F. Horne ซึ่งพิมพ์ในประเทศอังกฤษ
เมื่อ พ.ศ.2521 และผู้เขียนขอขอบพระคุณท่านผู้แต่งหนังสือเล่มนั้นเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เรียบเรียงโดย คุณวัชร ดิสสะมาน