A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
"พี่ป้อง" ชีวิตบนอานมอเตอร์ไซค์ของผู้บริหารใหญ่เมืองไทยประกันชีวิต
By HDP PR
DATE: 2011.02.26
VIEW: 2192
POST: 0


เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จัก คุณสาระ ล่ำซำ ในฐานะผู้บริหารของ เมืองไทยประกันชีวิต กันเป็นอย่างดี แต่ในโลกของนักขี่แล้ว หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของ พี่ป้อง ว่าเป็นผู้ที่หลงใหลในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ระดับแนวหน้าอีกท่านหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถจักรยานยนต์แบรนด์ Harley-Davidson ที่ผ่านมือมาแล้วแทบทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นธรรมดา จนไปถึงรุ่น Top ของแบรนด์อย่างตระกูล CVO และยังทำให้นักขี่หลายคนอิจฉา ที่ได้นำเอางานอดิเรกอย่างการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มาใช้ร่วมกับการทำงาน ในการออกตรวจสาขาของบริษัทในจังหวัดต่างๆอยู่เป็นประจำ ทำให้เรียกได้ว่า พี่ป้อง ขี่รถมาจนแทบจะทั่วประเทศไทยแล้ว

ในเช้าวันทำงานช่วงปลายปี 2009 HDP ได้รับเกียรติจากพี่ป้อง ที่เจียดเวลาอันมีค่าให้ HDP ได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์พูดคุยถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตบนอานรถมอเตอร์ไซค์, แรงบันดาลใจและความชอบรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ Harley-Davidson ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับสุภาพบุรุษผู้นี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง นอกเหนือไปจากมาดนักธุรกิจหมื่นล้านที่เรารู้จักกันมา

 

 

พี่ป้องเริ่มขี่รถตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
สิบกว่าปี ก็เหมือนทั่วไป หลงใหลมอเตอร์ไซค์ ผู้ชายก็เป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนแล้ว แต่ว่าตอนเรียนนี่ไม่ขี่นะ แต่ว่าพอกลับมา พอจบมา ก็คืออยากจะขี่มอเตอร์ไซค์เลย

เนื่องจากมีแรงบันดาลใจ ไปเห็นหนังทีวีหรืออะไรหรือเปล่าครับ
พี่มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่อเมริกา ตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา แล้วเขาก็สนใจมาก และก็อยากจะไปซื้อมอเตอร์ไซค์ เขาก็เล่าให้ฟัง แล้วมอเตอร์ไซค์อันนั้นก็เป็น Harley ลูกพี่ลูกน้องพี่ ก็คือ กร หวั่งหลี สมัยก่อน คือเราอยู่กันที่บอสตัน แล้วพอจะไปซื้อก็ต้องไปซื้อที่วอชิงตัน สมัยก่อนอยู่อเมริกา Harley นี่ไม่ใช่ว่ามันจะซื้อง่ายนะ มันต้องไป interview มันต้องไปจอง ต้องไปเข้าคิว แล้วก็จอง แล้วก็ interview สีนี่ ไม่ใช่ว่าเปิดแคตตาล็อกแล้วบอกเอาสีนี้ สีนี้นะ ไอ้อยากน่ะอยากได้ แต่ว่าในความเป็นจริง มันมีสีอะไรถึงตอนนั้นก็ค่อยมาว่ากัน เพราะฉะนั้นพี่ฟังจากตัวญาติพี่ ก็คือ กร เวลาพี่จะไปปุ๊บ ต้องตื่นเช้ามาก ต้องไปเข้าคิว ไปถึงต้องไปรอกันตอนตีเท่าไหร่ไม่รู้ แล้วก็เข้าคิวกันอยู่หน้าร้าน แล้วก็มีคนมารอคิว เพราะว่ามันคือ first come first serve แต่ว่า first come first serve นี่คือ first interview นะ แต่ถ้า interview แล้ว บอกไอ้คนอย่างนี้น่าจะไปกับ Harleyได้ ถึงจะอนุญาตให้ซื้อ สมัยก่อนถ้ามองในมุมหนึ่ง ก็คือว่ามันก็มีแต่โอ้โห แบบต้องผ่านขั้นตอนมาก ในเชิง commercial นี่ไม่ได้เรื่องเลย เลือกปฏิบัติ แต่ว่านั่นก็เป็น culture ของทาง Harley เพราะฉะนั้นพอฟังมาอย่างนี้ มันเป็นอะไรที่แบบ unique มาก ต้องแต่งตัวเป็นอย่างไร ถึงจะมีโอกาสได้ขี่

 

 

การแต่งตัวนี่สำคัญนะ เพราะ interview นี่คือ first look มองไปเลย ถ้าแต่งแบบใส่สูทมากริ๊บเลยอะไรพวกนี้ ไม่ต้องซื้อ ไม่ใช่แน่นอน ต้องเป็นอีกแบบ แต่ว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ดูน่าใฝ่ฝัน แต่ว่าพอกลับมาถึงปุ๊ปก็ไปแอบซื้อ เรียกว่าไปแอบ เพราะเหมือนคนทั่วไป พ่อแม่จะไม่ให้ขี่ ตอนนั้นเป็นแฟนกับภรรยา พ่อตาชอบมอเตอร์ไซค์มาก ก็เลยซื้อมอเตอร์ไซค์แล้วเอาไปแอบทิ้งไว้ที่บ้านแฟน แต่ว่ามอเตอร์ไซค์คันแรกที่ซื้อยังไม่ใช่ Harley เพราะว่าคนทั่วไป เวลาที่เข้ามาในเรื่องของมอเตอร์ไซค์แรก จะไปในเรื่องมอเตอร์ไซค์ที่เป็นลักษณะ Full Fairing นั่นเป็นหลักเลย พวก Super Bike – Full Fairing เพราะฉะนั้นพี่ไปทาง BMW ตอนแรกเลย เป็นไอ้ตัว K 1150 RS หรือไงเนี้ยแหล่ะ ตัวสีแดง แต่พอใช้มา จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ไม่ดีนะ ดีมาก แต่ว่ามันก็ยังไม่ใช่ แล้วก็เลย พอดีคนที่บริษัทนี่คนหนึ่งที่เสียชีวิตไปละ เขาเป็นคนที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์มาก เขาก็บอกว่าให้ลอง Harley ดีกว่า เพราะฉะนั้นHarleyใน first impression ของคน จะมีความรู้สึกว่าคนจะยังเข้าไม่ถึงตอนแรก แต่ว่าจริงๆ แล้ว once พอ you ลอง Harley เมื่อไหร่ที่จับแล้วคุณจะไม่ไปที่อื่นอีก อันนี้เป็นหลักการ ไม่ใช่แบรนด์อื่นไม่ดีนะ แต่ว่า Harley มันมี character ของตัวมันที่เป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ มันมีความคลาสสิคในตัวเอง เพราะฉะนั้นของตัวผม เป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่ตกรุ่น เพราะฉะนั้นดีที่สุด ก็คือเข้าไปอยู่ในอะไรที่มันเป็นคลาสสิคไปเลย เพราะฉะนั้น Harley ออกมากี่รุ่น กี่รุ่น ความเสี่ยงนี่มันจะน้อยมาก ภาพรวมนี่มันเป็นความที่ว่ายังเป็น retro ยังเป็นความคลาสสิคนิดๆ แต่มากกว่านั้นก็คือมันเป็นเรื่องสังคม ถ้าใครรู้จักHarley ดี จะรู้จักว่ามันเป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ สมัยที่พี่เริ่มขี่ มันจะเป็นช่วงที่ตอนนั้น Harley เพิ่งเข้ามา พี่เอเอาเข้ามาแล้วก็ทำให้เกิด Immortals ทุกคนเป็น Immortals และก็จะมีเป็นตัว forum ย่อยขึ้นมา นี่คือความน่ารักเพราะว่าตอนนั้นคนมันขี่ไม่มาก มีความสนิทสนมกัน คนนั้นก็รู้จักกัน คนนี้ก็รู้จักกัน รู้จักกันหมด ในหลักการเป็นอย่างนี้ แล้วก็ยังจำได้ว่าที่ขี่กันนี่ คน organize ตอนนั้นคือ ชญานิน ทริปที่ประทับใจมาก ที่ทำกับทางการท่องเที่ยว ททท. ก็คือเอาลงไปภูเก็ต แล้วก็ไปทำตั้งเป็นไอ้ตัวขบวน Harley ที่สนามบอลแล้วเอา Helicopter ถ่าย นั่นคือการจอยกัน ทุกคนก็จะขี่กันไป ก็จะมีเป็น forum แต่ forum ก็อยู่ใน chapter ซึ่งนั่นคือ Immortals
 

 
 

พี่ป้องก็ขี่กับทาง Immortals มาตั้งแต่ต้นๆ เลย
ก็เป็นสิบกว่าปีแล้ว ขี่มานาน แต่ว่าคันแรกจริงๆ ตอนที่ซื้อ คือ Heritage Springer ตอนนั้นเค้าจะเรียกว่าเป็นตัว Old Boy ปี 1997 สีขาว-แดง สวยมาก แกะกล่องเลย ไปนั่งรอเลย พอลงมา ออกมาถึง ไปนั่งแกะห่อมัน จำได้ว่า จะมีคู่ เป็นสีขาว-ฟ้า เป็นอะไรที่อินเลิฟกับรุ่นนี้มาก แล้วไอ้ตัวสปริงเกอร์ ถ้าคนขี่มันจะรู้ว่าข้างหน้ามันหนัก ทำให้เข้าโค้งได้ดี จริงๆ แล้ว มันอาจจะดูเป็นแบบพวกเต๊ะจุ๊ย ดูแบบไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าจริงๆ ลองเข้าโค้งกับสปริงเกอร์จะรู้เลย ว่าสปริงเกอร์หน้าหนักมากเลยเข้าโค้งได้นิ่ง จะนิ่งสุดๆ แต่อาจจมี Floor Board ขูดพื้นบ้าง

ของผมก็เป็นตัวสีฟ้า-ขาวครับ แต่ของผมแต่งมาจนไม่เหลือของเดิมเลย ถอดหมด สีเป็นแบบดำทั้งคัน ผมถอดเกลี้ยง ยางก็เปลี่ยนมาเป็น Avon ถังน้ำมันทำสีดำหมด ล้อดำ ยางดำ
พี่เป็นคนชอบสีนี้ แต่ว่าฮวงจุ้ยไม่ตรง ใช้สีดำไม่ได


แล้วตอนนี้พี่ป้องมีสะสมไว้กี่คันครับ
พี่ก็เริ่มจากไอ้ตัวนี้ แต่ความที่พี่อินเลิฟมาก พอปี 2000 พี่เอาไปเปลี่ยนเป็นสีเขียว เหมือนเดิม Springer แต่ว่าเครื่องมันเปลี่ยนกลายมาเป็น Twin Cam ด้วยความที่ชอบมาก จนมาตอนหลัง มันเริ่มไปต่างจังหวัดบ่อย เอาไปติด Wind Shield แล้ว บางทีมันก็ยังเอาไม่อยู่ เลยไปเปลี่ยนเป็นพวก Touring ตอนนั้นก็คือ Road King รุ่น 100 ปี คนไทยนี่หนีไม่พ้น ชอบอยู่ไม่กี่อัน สปริงเกอร์นี่คนไทยชอบคิดว่าราคามันแพง แต่ว่าพอมาเป็นตัวรถคิงนี่คนไทยชอบมาก จริงๆ รถคิงเป็นรถที่ดีนะ แต่ Positioning ห่วยแตก มันจะโด่งๆ แฮนด์มันจะกว้างๆ จริงๆ แล้ว Positioning ในการเข้าโค้งไม่ดีหรอก เหมาะสำหรับใช้นำขบวน แต่ถ้าอยู่บนเขานี่ไม่เวิร์ค แล้วพี่เป็นคนมีปัญหากับหลัง พี่ก็เอามาใช้อยู่สักพัก ตอนหลังก็เลยเริ่มเปลี่ยน วันหนึ่งก็เลยบอกว่าไม่เอาละ มันปวดหลังมาก ก็เลยสั่ง Ultra ปี 06 แต่ยังไม่ได้เป็น Screamin’ Ultra นี่ดีนะ แต่ว่าพวกเราคนไทยนี่น้ำหนักมันเบา พอน้ำหนักเบา พอลมมันปะทะมาก หน้ามันจะส่าย แล้วพี่เป็นคนนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือ รถพอสบายๆ ชอบวิ่งไปเร็วขึ้น แล้วพอเอามาใช้กับงาน มันก็ต้องแข่งกับเวลา ก็เลยต้องขับเร็วขึ้น ก็เริ่มหงุดหงิด วันนึงก็เลยไปที่พาวเวอร์ แล้วก็ไปเจอตัวเป็น CVO ปี 06 สีเขียว ลายแตงโม พี่ก็เลยเอาไอ้สีดำไปเทิร์น หลังจากนั้น ก็เลยกลายมาเป็น CVO มาตลอด once พอ you จับ CVO จะไม่กลับไปจับรุ่นอื่นอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าเรื่องเครื่อง เรื่องอะไรมันแรง ครบแล้ว เพราะฉะนั้น once มาจับ CVO จะอยู่กับ CVO เลย แล้วก็ once พอ you อยู่ Ultra แล้ว you จะไม่ไปอย่างอื่นเลย หลังจากนั้นก็ไปได้ ตัว V-Rod Screamin’ ปี 06 มาตัวนึง คือถ้าจะซื้อต้องเอาตัวที่มันเป็น combination ของ Porsche Design ร่วมกันมา ก็เลยเอาตัวนี้มา ตัวนี้เป็นตัวปี 06 เป็น CVO Screamin’ ตัวสุดท้ายที่ออกมาของปี 06 เป็นตัวสีเหลือง ก็เลยเอาออกมา ตอนนี้ยังมีอยู่เลยเพิ่งวิ่งไปแค่ 2000 คนไทยไม่นิยม V-Rod

 

 

แต่ V-Rod เป็นรถที่ขี่ดี
ขี่ดีมากเลย จริงๆ คันนี้ที่เอาไปปาย เข้าโค้งได้ดีมาก ช่วงมันสั้น แล้วก็มีความรู้สึกว่า มันดูแบบเตี้ยๆ ดูแบบติดๆ แต่ไม่ติดหรอก V-Rod นี่ดีมาก เข้าโค้ง ดีจริงๆ เสียอย่างเดียว คันนี้ มัน 1,250 CC แต่ว่ามันดันไม่เป็น ABS ตัวปี 06 ยังไม่ใช่ ABS ตัว Ultra ก็ไม่ใช่ แล้วก็ วันหนึ่งพี่ไปที่ตาก เกิด Accident อย่างรุนแรง ด้วยความที่จะรีบตอน 5 โมงเย็น มีคนเมาตัดหน้า เค้าพยายามกลับรถตรงเนินดินแต่พุ่งออกมาเลย คันนั้นก็เลยพังไปทั้งคัน ก็เลยเคลียร์ทิ้ง แล้วก็ไปเอาตัว Ultra ปี 08 สีมุก 08 นี่เป็นปีที่สวยสำหรับ Springer ก็เลยไปเอามาอีกคัน พูดจริงๆ นะ เป็นรถที่ดีมาก ทุกอย่างดีหมด เสียอย่างเดียวว่าพอตอนไปขี่เทียบกับพวก Ultra แล้วมันสู้ไม่ได้ ต้องเอาไว้ขี่ในเมือง แต่ขี่ในเมืองมันก็ร้อน เบื่อเลย ขี่ต่างจังหวัดนี่มันสุด ต้องขี่บนเขา แล้วพี่สั่งมาอีกคัน พี่สั่งปี 08 Road King CVO เป็นสีดำขลิบซิลเวอร์ อันนี้มันมาก ส่วนปี 09 นี่มี Road Glide สีเทาเงิน สีส้มไม่เอา เยอะเกินไป สีส้ม สีเหลือง มีเยอะมาก เข้าใจว่าสีของพี่มีอยู่ประมาณ 2 คัน ที่ Road Bomber เขามีอยู่คันหนึ่งสีเทา แต่พอดีพี่ซื้อจาก Power ที่จริงก็ซื้อจากทาง Power ทุกคัน ก็เลยสั่งตัวนี้มา Road Glide เป็นตัวที่ขี่ดีที่สุด ไม่เคยขี่อะไรนิ่งเท่าอันนี้มาก่อน

 

 

เห็นเขาบอกว่า ด้านหน้าเป็น Fairing ยึดติดกับเฟรมเลยทำให้นิ่ง
อันนี้พูดตรงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วการขี่เร็วมันไม่ดี แต่ว่าเส้นตรงตอนวิ่งลงใต้ วิ่งได้อยู่ประมาณ 200 เป็นรถที่นิ่ง นิ่งจริงๆ แล้วเข้าโค้งนี่นะ ไม่มีอาการดิ้นเลย คือจิกโค้งได้ดี เข้าเส้น เป็นรถที่เยี่ยมมาก Ultra อาจจะช่วงหลังยางมันหนัก มันก็เลยแบบ เวลาเข้าโค้งมันไม่เนี้ยบ มีช่วงหลังหักนิดหน่อย จริงๆ Road King ก็มี CVO เพียงแต่ว่าพี่ขายไปแล้ว ตอนนี้ก็พยายามให้หาสีแดงปี 07 อยู่

สำหรับเส้นทางที่พี่ป้องชอบที่สุด
น่าน จะเป็นอะไรที่สวยมาก จริงๆ พี่ไปมาหมดแล้ว ไปทั่วประเทศ เพราะว่าอยู่บริษัทประกัน มันได้เข้าไปพบกับตัวแทนไปทั่วเลย เวลาพี่ไปเรื่องงานเนี้ยพี่ไม่เคยใช้รถ ใช้มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว แล้วก็จะมีทีมงานอยู่คน ที่อยู่สายแบงค์ แล้วก็อยู่ทางสายของพวกตัวแทนเค้าก็ขี่ น่านจะสวย ถ้าใครขึ้นน่าน ขึ้นไปมันจะมีผาชู้หรืออะไรซักอย่าง ขึ้นไปทางปัว ขึ้นไปดูดอกชมพูภูคา ที่ขึ้นตรงทางอุทยานข้างบน วิ่งบนนั้นจะสวยมาก แต่ว่าโรงแรมมันอาจจะยังมีน้อย


เดินทางไปหลายๆ ที่ เจออุบัติเหตุหนักๆ บ้างไหมครับ
ครั้งที่แล้วเจ็บสุด ปกติพี่ล้ม ปีหนึ่งล้มสักครั้งหนึ่ง ครั้งที่หนักสุดก็คือครั้งที่ตาก เพราะวิ่งเร็ว อันนี้เป็นความผิดพลาดของตัวเองจริงๆ วิ่งทางตรงก่อนถึงแยกที่แม่สอด แล้วอย่างที่บอก คนเมาตัดหน้า รถนี่พี่เห็นเลย พอล้ม พี่เกาะไปกับรถ เกาะไปถึงแค่นี้มันไม่ไหวเพราะวิ่งมา 160 ซึ่งมันไม่ถูกต้อง แล้วก็เลยปล่อย พอปล่อยปุ๊บ รถมันตีลังกา 2 ครั้งไปชนกับหลักกิโล แต่เฟรมยังโอเคอยู่ เครื่องก็ยังโอเค

 

 
 

พี่ป้องใส่เป็นหมวก Full Face
วันนั้นไม่ได้ใส่ Full Face แต่ใส่เป็นตัว Half Helmet ยังดีนะที่ไถไปแต่ข้างหลัง แล้วเสื้อก็ไม่ได้ใส่เสื้อหนัง ใส่เป็นเสื้อที่ซื้อญี่ปุ่นมาตัวนึง เสื้อนี่ขาดหมดเลย แต่ไม่เป็นไร แต่กางเกง ใส่กางเกงยีนส์ ไม่เหลือเลย เหลือแต่กางเกงใน ขากางเกงนี้ขาด ขานี้ไปทั้งซีกเลย จำได้ลงไปไปอุ้มตาลุงเค้าขึ้นโชว์ความแมน ไปอุ้มขึ้นรถ ปตท. ที่เป็นแก๊สธรรมชาติ เค้ามาช่วยไปโรงพยาบาลพระเจ้าตาก พอไปปุ๊บนี่ กลัวลุงตาย ลุงนี่หัวเลือดปริบๆๆ ออกมา ตอนพาไปก็เอามือโปะไว้ ก็พาไปถึงมือหมอเรียบร้อย พอเสร็จแล้วพยาบาลก็บอกคุณมาทำแผลสิ โห ดูแมนโคตร แต่พอเจอตอนแงะยางมะตอยออกเนี้ย ร้องเป็นตุ๊ดเลย เจ็บมากตอนแงะยางมะตอยเนี้ย ทุกวันต้องไปนั่งทำแผล ทรมานมากตอนนั้น ขานี่ไปหมด อันนั้นเป็นครั้งที่แรงที่สุด หลังจากนั้นพอได้คันขาวมุกมาแล้วขี่ขึ้นไปที่แม่ฮ่องสอน ไปดูกะเหรี่ยงคอยาว ทางเข้ามันต้องลุยเข้าไปในน้ำ ไปลื่นในตะไคร่น้ำ ในน้ำขี้ช้างลอยเป็นก้อนเลย ล้มไปในน้ำ ตอนนั้นล้มเบาๆ แต่ว่ารถพี่แช่น้ำเลย อย่างอื่นก็ล้มปกติ มีล้มบ้าง กับตอนขี่พวก Super Bike แต่ปกติเวลาเราขี่พวก Super Bike ก็ไม่ได้ใส่ Protection เต็มตัว

เดี๋ยวนี้ต้องหาพวก Chap มาใส่ทับ ยีนส์ หรือเปล่าครับ
นี่พูดแบบตรงๆ เลยนะ หมวกกันน็อคสำคัญมาก แจ็คเก็ตนี่สำคัญ ถุงมือนี่ก็สำคัญ แล้วก็รองเท้าบูท กันข้อหัก แต่ว่ากางเกงถ้ามีก็ดี แต่ในความเป็นจริงนี่ คือมันไม่แบบ นี่คือข้อดีของHarley คือใส่แล้วมันลงไปเป็นคนได้ เวลาที่ลงไปที่ร้าน ไปซื้อของซื้ออะไร มันไม่ต้องไปแต่งเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่จริงๆ แล้วดีนะ ใส่ Protection เยอะมันก็ปลอดภัย

 

 
 

แล้วเส้นทางที่พี่ป้องยังไม่เคยไป แต่อยากไป
ในประเทศจริงๆ ไปเกือบหมดละ ไม่มีอะไรที่ไม่เคยไป ไปทั่วหมด ไม่มีที่ไม่เคยไป เชียงของ เชียงแสน อะไรพวกนี้ ไปทุกที่หมด เพราะว่าอย่างที่บอก ทำประกันมันได้ไปกับคนทั่วประเทศ

ปีหนึ่งพี่ป้องขี่กี่กิโล เป็นหมื่นโล
ไม่ๆ ไม่ถึงหมื่น เพราะมันมีหลายคัน เฉลี่ยกันไป ถ้าคิดว่าเป็น Investment ก็ไม่ดี คิดว่าเป็น Collection ก็ไม่ดี เพราะของพวกนี้มันแพงเกินไป คนเราก็มีอยู่ก้นเดียว ขี่อะไรเราก็จะติดอยู่แค่คันสองคัน


แต่นิสัยคนขี่ เห็นคันใหม่ก็ต้องอยากได้
คันใหม่อยากได้ต้องตัดใจ ต้องมาดูว่าคันไหนไม่ชอบ ก็เอาออกคันหนึ่ง อันนั้นเป็นนิสัยที่ดีที่ควรทำ แล้วมันจะมีความสุข ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วจะมีความสุข เพราะคนขี่มอเตอร์ไซค์จริงๆ จะรู้ว่าเรา enjoy กับวิวกับสังคม ได้ไปเห็นว่าประเทศไทยสวยเหลือเกิน นั่นคือสิ่งที่เรา enjoy แล้วถ้าขี่มากๆ จะรู้ว่าเราชอบ คือวิว-โค้งบนเขา มันเป็นความสุข ไม่ได้ขี่เร็วนะ ขี่บนเขา มัน enjoy อันนี้คือความสุข

 

 
 
 
 

แล้วอย่างในอดีตกับปัจจุบัน วงการมอเตอร์ไซค์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
พี่ว่า เดี๋ยวนี้คนก็ขี่ขึ้นเยอะนะ จะมองว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่าไม่รู้ แต่คิดว่าจริงๆ คงไม่ได้เป็นแฟชั่น แฟชั่นอาจจะมีบ้างบางส่วน แต่จริงๆ กระแสของความชอบ เป็นผู้ชาย มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว คนเรา เราชอบอยู่ไม่กี่อย่าง รถ, มอเตอร์ไซค์, ปืน วันนี้อาจจะมองในมุมหนึ่งว่ามันขยายกว้างขึ้น เพราะว่าความที่ว่ามันมีคนเข้ามา อย่างของน้องมีกิจกรรม มันก็มีโอกาสจะทำขึ้นมา แล้วก็มีคนที่ขี่ตาม มันก็เลยขยาย ในแง่ของตัว Dealer คนที่นำรถเข้ามาก็มีเยอะขึ้น เซอร์วิสก็ดีขึ้น ตัวรถมีให้เลือกมากขึ้น กรณีเช่นเดียวกัน Harley เป็น commercial มากขึ้น เดี๋ยวนี้เลือกได้ตามใจ มันก็ make sense ขึ้น แต่ว่าใจอีกมุมหนึ่ง จริงๆ ก็ต้องคือสมัยก่อน การขี่ อย่างที่บอกว่า มันเป็นกลุ่มที่รู้จักกันหมด มันมีอะไรที่สนุกเหลือเกิน แต่เมื่อกลุ่มมันขยาย มันเป็นเรื่องปกติ พอเริ่มเป็น commercial ก็มีการแข่งขัน มีแยกเป็นกลุ่มนี้ กลุ่มนี้ จริงๆ แล้วมันไม่ใช่หรอก สังคมคนขี่มอเตอร์ไซค์ มันเป็นสังคมที่รวมกัน ช่วยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วก็ต้องเรียนว่าจริงๆ แล้ว ความคึกคะนองเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างที่บอกทุกคนก็กลัวอยู่แล้ว ความเสี่ยงมันสูง แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ตัวเรา แต่ว่าคนเขามักจะบอกว่า ถึงเราพยายามจะทำดีแค่ไหน ระวังแค่ไหน ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่มันอยู่ที่ตัวเรา บางทีพอขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็อย่าคึกคะนองมาก ก็ต้องให้มันมีวินัย สมัยที่ขี่กันสมัยก่อน อันนี้เล่าให้ฟัง Immortals นี่ วินัยดีมาก ขี่เป็นแถว เขาจะบอกเลย ขี่เป็นแถว ฟันปลา เวลาพอเข้าอยู่ในเส้นเดียว ทางเดียว ให้เหลืออยู่แค่เป็นเส้นตรง แล้วก็จะทิ้งระยะห่าง ไม่ต้องคะนองมาก ถ้าง่วงก็อาจจะมีขออนุญาตขึ้นมาข้างหน้า เขามีมารยาทมาก แต่เดี๋ยวนี้ที่เคยขี่มาตอนหลังๆ นี่ บางคนน่ากลัว น่ากลัวคือบางคนคิดว่าตัวเองขี่เก่ง ขี่เก่งและขี่เร็ว คนขี่มอเตอร์ไซค์จริงๆ ไม่ต้องขี่เร็ว เอาให้ขี่นาน ทักษะความระมัดระวัง อะไรพวกนี้จะป้องกันปัญหาได้ดี แล้วถ้าใครอยากจะลองว่าตัวเองขี่เก่งไม่เก่งนี่ ต้องขึ้นไปบนเขา แล้วลองไม่ใช้เบรกดู อย่าใช้เกียร์ ใช้เบรก แล้วเข้าโค้ง แล้วคุณจะรู้ว่าจริงๆ คุณขี่ได้ขนาดไหน ไม่ต้องเร็วมาก เอาแค่ประมาณ 120-140 แล้วเรามานั่งดูยางกัน พี่เป็นคนชอบสังเกตุแก้มยาง จะรู้ว่าคนนี้ขี่เป็นยังไง แต่อย่าไปขี่เร็วดีที่สุด มันไม่คุ้ม แล้วดีไม่ดี ไปทำให้คนอื่นเขาบาดเจ็บ มันไม่คุ้มจริงๆ เราก็ขี่แค่ของเราก็พอ

 

 

 

หลายคนคงเหมือนกับผม ที่เมื่อได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ที่เรารักที่ไร เวลามักจะผ่านไปเร็วกว่าปกติทุกที หลังจากพูดคุยกันมากว่าชั่วโมง พี่ป้องเหลือบมองดูนาฬิกา และพบว่านัดประชุมถัดไปกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว จึงต้องจบการสนทนากันแต่เพียงเท่านี้ ซึ่ง HDP ต้องขอขอบพระคุณ พี่ป้องเป็นอย่างสูงที่ได้ให้โอกาสเข้าพูดคุยบอกเล่าถึงเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ อย่างเป็นกันเอง และทำให้ทราบว่า พี่ป้อง ในมาดนักธุรกิจที่หลายๆคนเคยเห็นตามสื่อๆต่าง แท้ที่จริงแล้วเป็นนักขี่ตัวยง ที่เก็บสะสมระยะทางมามากมายจนหลายคนคาดไม่ถึ
 

Share   Like
Comments