A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Modify & Custom]
 
History of brake system 101: เรามารู้จักเบรคกันเถอะ
By HDP PR
DATE: 2011.03.07
VIEW: 2136
POST: 0


HDP ขอขอบคุณ คุณ Vrod raider ที่ได้อนุญาตให้นำบทความอันเป็นประโยชน์มาเก็บไว้ใน Article แห่งนี้


สวัสดีครับท่านผู้อ่านและพี่น้องผองเพื่อนชาว HDP ทุกคน นานแล้วไม่ได้เขียน article วันนี้ไม่สบายเปื่อยอยู่กับบ้านเลยมีเวลาว่าง มานั่งเขียนเรื่องเบรคเรื่องนี้ เราทำความรู้จักกับระบบที่สำคัญในการหยุดรถ นั้นคือระบบเบรคและประวัติความเป็นมากันครับ

เป็นที่รู้ๆกันว่า เริ่มแรกเลยนั้น รถเกิดจากรถที่ใส่หม้อต้มน้ำแล้วเอาไอน้ำมาปั่นแทนแรงสัตว์และแรงคน แน่นอน เมื่อมันเคลื่อนที่ได้ก็ต้องหาทางหยุดมัน

กระทาชายนาย Nicolas Joseph CUGNOT (1725 - 1804) ได้สร้างรถยนตร์คันแรกขึ้นมาด้วยระบบไอน้ำ หน้าตาเค้านะครับ เก็กท่าหล่อเชียว

picture credit - http://ww3.ac-creteil.fr

ตาม ประวัติที่กระผมได้มาคนๆนี้ ได้สร้างรถจากแรงไอน้ำ กล่าวว่า รถต้นแบบของเค้านั้น สามารถบรรทุกได้ถึง 2.5 ตัน และวิ่งได้ไว ถึง 7.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หน้าตารถ >

และรถต้นแบบคันที่ 2 ได้หลุดออกนอกเส้นทาง ไปชนเปรี้ยงเข้ากับกำแพงหิน เลยเป็น ปรากฎการครั้งแรกของการชนของรถยนตร์ครั้งแรกในโลก
เบรคนั้น ดรัมเบรคได้ถูกคิดค้นขึ้นมาใช้งาน ในปี คศ. 1902 มีหลายเจ้าที่ต่างคนต่างคิด
ไม่ว่าจะเป็นนายLouis Renault ผู้สร้าง Drum brake
รึว่า นายFrederick William Lanchester ที่เป็นคนสร้าง DiscBrake อย่างไรก็ตาม
ในสมัยนั้น ดรัมเบรคดูเหมือนว่าจะใช้งานได้ดีกว่าและเป็นที่แพร่หลายกว่า

นาย Ransom Eli Olds เจ้าขอบริษัทรถ OldsMobil ได้เทสการใช้งานอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกที่ New York City แถวๆ Riverside Drive เป็นถนนลูกรังอีกตะหาก
และนาย Olds ก็ได้เข้าแข่งรายการ Blue ribbons แล้วชนะ 2 ใน 9 รางวัล ของรายการดังกล่าว คนเลยเอาดรัมเบรกไปใช้อย่างแพร่หลาย


ทีนี้เรามาดู หน้าตา ดรัมเบรค

picture credit - http://www.aa1car.com

อธิบาย การทำงาน การทำงานของดรัมเบรคเมื่อมีแรงกระทำต่อชุดลูกสูบ จะไปถ่างให้ผ้าเบรคไปถูกับวงล้อเหล็ก เพื่อให้เกิดความฝืด เมื่อไม่มีแรง ชุดสปริงดีดกลับก็จะดึงชุดเบรคกลับเข้าที่

ข้อดี ข้อเสีย "ดรัมเบรค"

ข้อดี
1. ราคาถูก
2. สามารถหยุดรถได้นิ่มนวลกว่าดิสก์เบรค
3. ดรัมเบรคกินผ้าเบรคและจานเบรคน้อยกว่าดิสก์เบรค
4. ในขนาดที่เท่ากันดรัมเบรครับน้ำหนักบรรทุกได้มากกว่าดิสก์เบรค
5. ในขนาดที่เท่ากันดรัมเบรคมีพื้นที่สัมผัสจานเบรคมากกว่าดิสก์เบรค
6. มีเสียงดังในขณะทำงานน้อยกว่าดิสก์เบรค

ข้อเสีย
1. การจับตัวของผ้าเบรคช้ากว่าดิสก์เบรค
2. การระบายความร้อนสะสม ฝุ่น น้ำได้ไม่ดี สามารถเกิดเบรคไหม้ในกรณีแช่เบรคได้ง่ายกว่าดิสก์เบรค
3. การซ่อมบำรุง เปลี่ยนผ้าเบรคยุ่งยาก
เพราะเมื่อถอดผ้าเบรคออกมาแล้วเอาอันใหม่ใส่เข้าไปต้องทำการปรับตั้งผ้าเบรค
(ถ้าเบรคหลังส่วนใหญ่พ่วงเบรคมือเข้าไปอีก ต้องตั้งเบรคมือด้วย) ไล่ลมเบรค (อันนี้อย่างเหนื่อย)
เหตุผลหลักๆที่ดิสก์เบรคได้รับความนิยมมากว่าดรัมเบรคก็ไอ้ 3 ข้อนั่นแหละ ข้อสำคัญซะด้วย
เดี๋ยวยังไงรอพี่เอ๋อีกทีล่ะกัน"

เครดิต qoute จากคุณ Arado Kung ในเวป http://vip.212cafe.com/view.php?user=scania&id=695


ทีนี้เรามาต่อด้วย DiscBrake กัน
อย่างที่อ่านข้างต้น นายFrederick William Lanchester เป็นคนสร้าง หน้าตาแบบนี้เด้อครับ

picture credit - http://invention.hroyy.com

แต่กลับไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ ในปี คศ 1902

หน้าตาของทุกวันนี้เป็นไง หน้าตาเมือ 100ปีก่อนก็แบบนั้นเพียงแต่ปรับปรุงคุณภาพและลักษณะแตกต่างออกไปเท่านั้นเอง


ดูรูปกันสักนิด

picture credit - http://invention.hroyy.com

ข้อดี ข้อเสีย "ดิสก์เบรค"

ข้อดี
1. การจับตัวของผ้าเบรคไวกว่าดรัมเบรค เพราะผ้าเบรคมันอยู่ชิดกับจานเบรคมากกว่าดิสก์เบรค
2. การระบายความร้อนสะสม ฝุ่น น้ำได้ดี โอกาสที่เบรคจะไหม้เวลาแช่เบรคยากกว่าดรัมเบรค (แต่ก็ไหม้ได้นะ
อย่านึกว่าดิสเบรคจะไม่ไหม้)
3. การซ่อมบำรุง เปลี่ยนผ้าเบรคทำได้ง่าย ถอดผ้าเบรคเก่าออกเอาอันใหม่ใส่ จบงาน
แทบจะไม่ต้องปรับตั้งอะไรทั้งนั้น

ข้อเสีย
1. ราคาแพง ต้นทุนสูง
2. ดิสก์เบรคกินผ้าเบรคและจานเบรคมากกว่าดรัมเบรค
3. การหยุดรถนิ่มนวลสู้ดรัมเบรคไม่ได้
4. ในขนาดที่เท่ากันดิสก์เบรครับน้ำหนักบรรทุกได้น้อยกว่าดรัมเบรค
5. ในขนาดที่เท่ากันดิสก์เบรคมีพื้นที่สัมผัสจานเบรคน้อยกว่าดรัมเบรค
5. มีเสียงดังในการทำงานมากกว่าดรัมเบรค

เครดิต qoute จากคุณ Arado Kung ในเวป http://vip.212cafe.com/view.php?user=scania&id=695

ต่อไป เราจะมาพูดถึงในเรื่องปัจจุบันกันบ้าง
เมื่อมีเบรคใช้ ก็ต้องดูแลมันหน่อย เบรคมีอาการเสียอย่างไรบ้าง

Warping คืออาการเบรคหายไปเฉยๆ กดเบรค ตายละหว่า เบรคไม่มี เค้าบอกมาว่า เกิดจากการที่เบรคมันร้อนครับ ส่วนใหญ่จะเกิดกับจานเบรคที่ไม่มีรูระบายลมลดความร้อนที่ดีพอ และ ผ้าเบรคที่ไม่เหมาะสมกับอุณหภูมิที่ใช้งานอยู่ บางทีดุมล้อรถก็มีส่วน เช่นพวกลูกปืนแตก ฝืดเกินไปความร้อนถ่ายเทไปที่จาน ทำให้เบรคหายได้เช่นกัน


ดูที่จานของเราหน้าตาแบบนี้ครับ

Credit picture - http://www.stoptech.com

จานเป็นรอย อันนี้เกิดจากผ้าเบรคหมดสถานเดียวครับ เป้นรอยแล้วจะให้ความฝืดในการจับหน้าเบรคลดลง ประสิทธิภาพก็ลดลงตามไปด้วย

Credit picture - http://www.juratek.com

จาน แตก อันนี้น่ากลัวแฮะ เค้าบอกว่า จานแตกในส่วนใหญ่จะเป็นรอยแตกเล็กๆ บริเวณที่เจาะรูระบายความร้อน ซ่อมไม่ได้ เปลี่ยนสถานเดียว ออ เค้าเตือนมาด้วยนะครับ ว่า จานที่มาโรงงานแล้วไม่มีรู อย่าไปเจาะเชียว จานจะแตกเอาได้ง่ายๆ

อาจเกิดจากแบบนี้ด้วยครับ

Credit picture - http://www.juratek.com

การ เจียร์หน้าจาน การที่เราจะเอะอะเจียร์นั้นต้องดูว่า มันจำเป็นจริงๆในการเจียร์เอาเนื้อจานออก เพราะมันจะทำให้จานบางลงและ อาจถึงกับแตกร้าวได้ง่ายๆ

Credit picture - http://www.aa1car.com

จาน เบรค มี 2แบบ คือ แบบลอยตัว กับ ติดกับที่ แบบลอยตัวจะดีกว่าตรงที่สามารถเอาพวกฝุ่นผง สิ่งที่สกปรกออกในทุกครั้งที่มันทำงาน โดยมันจะขยับตัวได้เล็กน้อย ทุกครั้งเวลาเบรค ทำให้เศษต่างๆหลุดออกไปได้ง่ายดาย ทำให้รถไม่เกิดความฝืดเพิ่มในระบบเบรค

ชุดลูกสูบ จะมีอาการคือ ลูกสูบไม่คืนตัว อันนี้ต้องเช็คที่ลูกยางและ seal ต่างๆครับ
ผ้าเบรค จะมีความฝืดพิเศษ มีหลายสูตร หลายรูปแบบในการใช้งาน บางชนิดจะมีตัวเตือนเมื่อผ้าเบรคจะหมด เป็นเสียงดังแหลม


อันนี้แถมให้คอ HDP ไปดู ยั่วน้ำลายเล่นๆ

http://www.harleycustom.co.uk/L2-Technoplus_parts_and_accessories_for_harley_davidson_motorcycles_-_Harley_Brake_Calipers-12-177.html



 

วันนี้ เวลาหมดแล้วครับ ไว้โอกาศจะมารับใช้ท่านผู้อ่านและพี่น้องผองเพื่อนชาว HDP ในโอกาสต่อไป
รอติดตามชม Brake 102 นะครับ ไปหาข้อมูลก่อน

Scope ในตอนหน้าจะมี
1. การเลือกชุดเบรค สัมพันธ์กับรถ
2. การเลือกจานเบรคที่เหมาะสม
3. การเลือกผ้าเบรคดีๆ เลือกยังไง
4. ท่อดีๆ เลือกแบบไหน
5 น้ำมัน ....เบรค
6. DIY ได้เปล่า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
 

Share   Like
Comments