Harley Davidson Playground Forum
General Talk => News Talk => ข้อความที่เริ่มโดย: หมอ หลุยส์_ซด.๒๗ ที่ ตุลาคม 18, 2011, 07:15:56 PM
-
อันนี้เอามาฝากกันครับเป็นเรื่องสำคัญเช่นกันซึ่งมันกำลังจะเป็นปัญหาตามมาครับ
เมื่อเช้าเห็นข่าวว่าน้ำขังบางที่เริ่มเน่าแล้วแต่ยังมีเด็กๆที่ไม่รู้เรื่องลงไปเล่นน้ำกันอยู่
น่าเป็นห่วงมากครับ อีกทั้งเรื่องของยาและเวชภัณท์ต่างๆก็ขาดแคลนไม่เพียงพอ
ผมเองกำลังดำเนินการติดต่อกับเพื่อนหมอด้วยกันที่ได้ลงพื้นที่ว่าจะนำเงินจาก
safety rider projectไปซื้อเวชภันท์ต่างๆส่งไปให้เพื่อนๆหมอครับ
คืบหน้ายังไงเดี๋ยวมาแจ้งข่าวครับ ;)
9 โรคร้าย ที่มากับ น้ำท่วม & หลังน้ำท่วม
น้ำท่วม ทุกข์แรก .. โรคที่มารอซ้ำเติม ทุกข์ที่สอง
มี 10 โรคที่ควรระวัง และวิธีป้องกันเบื้องต้น มาฝากครับ
1.โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อราและแผลพุพองเป็นหนอง
ซึ่งเกิดจากการย่ำน้ำหรือแช่น้ำที่มีเชื้อโรคหรืออับชื้นจากเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่ไม่สะอาดเป็นเวลานาน โดยจะมีอาการเท้าเปื่อย เป็นหนอง และเริ่มคันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย จากนั้นผิวหนังจะพุพอง นิ้วเท้าหนาและแตก มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนคือผิวหนังอักเสบ
ป้องกันได้ด้วยการเช็ดเท้าให้แห้ง หากมีบาดแผลควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแล้วทาด้วยยาฆ่าเชื้อ
2. โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัส
ติดต่อได้ทุกเพศทุกวัย แพร่กระจายในลมหายใจ เสมหะ น้ำลาย อาการมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ไอจาม อ่อนเพลีย
ป้องกันได้ด้วยใช้ผ้าปิดปากเวลาไอจาม ดื่มน้ำอุ่นมากๆ มีไข้สูงเกิน 7 วันควรพบแพทย์
3.โรคปอดบวมเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือสำลักสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในปอด
เช่น น้ำสกปรกจนทำให้เกิดการอักเสบ อาการไข้สูง ไอมาก หอบหายใจเร็ว เห็นชายโครงบุ๋ม ริมผีปากซีดหรือเขียวคล้ำ กระสับกระส่ายหรือซึม
หากมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที
4.โรคตาแดง
ติดต่อได้ง่ายในเด็กเล็กแต่เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายรุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ อาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 1 – 2 วัน จะมีอาการระคายเคือง ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม เยื่อบุตาขาวอักเสบแดง ทั้งนี้ในหากดูแลถูกวิธีจะหายได้ใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่ดูแลอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น กระจกตาดำอักเสบ
ทั้งนี้ป้องกันได้ด้วยล้างดวงตาให้สะอาดเมื่อถูกฝุ่นละออง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ควรขยี้ตา
5.โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารค้างคืนหรือเน่าบูด แบ่งออกเป็นหลายโรค ได้แก่ โรคอุจาระร่วง อาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ อาจมีมูกเลือดและมีการอาเจียนร่วมด้วย อหิวาตกโรค จะถ่ายเป็นน้ำคล้ายน้ำซาวข้าวทีละมากๆ อาการรุนแรง
อาหารเป็นพิษ มักมีอาการปวดท้องร่วมกับการถ่ายอุจาระเหลว คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการปวดศีรษะและเมื่อยเนื้อตัวร่วมด้วย โรคบิด จะถ่ายอุจจาระมีมูกหรือเลือดปน มีไข้ ปวดท้องและมีปวดเบ่งร่วมด้วย โรคไข้ทัยฟอยด์หรือไข้รากสาดน้อย มีอาการสำคัญคือมีไข้ เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ
ป้องกันได้โดยล้างมือให้สะอาด เลือกรับประทานอาหาร กำจัดสิ่งปฏิกูล ขยะมูลฝอย เพื่อไม่ให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวัน แต่หากป่วยจำเป็นต้องดื่มน้ำหรืออาหารเหลวมากๆ รวมทั้งดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) ด้วย
6.โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส
เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน มีหนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เชื้อออกมากับปัสสาวะสัตว์แล้วปนเปื้อนในน้ำท่วมขัง โดยโรคนี้จะติดต่อทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือไชเข้าตามเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ อาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 4 – 10 วัน จะมีไข้สูงทันที ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และศีรษะมาก บางรายมีอาการตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร ท้องเดินร่วมด้วย จำเป็นต้องรีบพบแพทย์ มิเช่นนั้นอาจถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามสามารถป้องกันได้โดยสมรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ ทำความสะอาดที่พักไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยของหนู
7.โรคไข้เลือดออก
มียุงลายเป็นพาหะพบได้ทุกวัยในทุกพื้นที่ มีอาการไข้สูงตลอดทั้งวัน หน้าแดง เกิดจุดแดงๆ เล็กๆ ตามลำตัว ต่อมาไข้จะลดลง ซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจเกิดอาการรุนแรง มีความผิดปกติ เช่น ถ่ายดำ ไอปนเลือด เกิดภาวะช็อคและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้การรักษาห้ามใช้ยาแอสไพริน และระวังไม่ให้ถูกยุงกัด
8.โรคหัด
เป็นโรคไข้ออกผื่นที่พบในเด็ก เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบในฤดูฝน หากมีการแทรกซ้อนอาจเสียชีวิตได้ สำหรับการติดต่อผ่านทางการไอจาม เชื้อกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย อาการหลังจากได้รับเชื้อ 8 – 12 วัน มีไข้ ตาแดง พบจุดขาวๆ เล็กๆ ในกระพุ้งแก้ม
ป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
9.โรคไข้มาลาเรีย
ติดต่อโดยยุงก้นปล่องเป็นพาหะนำเชื้อโรค มักพบในพื้นที่ป่าเขามีแหล่งน้ำจืดธรรมชาติ อาการหลังรับเชื้อ 7 – 10 วัน จะปวดศีรษะ โดยทั่วไปคล้ายไข้หวัด แต่หลังจากนั้นจะหนาวสั่นและไข้สูงตลอดเวลา อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
ป้องกันโดยหลีกเลี่ยงยุงด้วยการทายาหรือสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด
10.อุบัติเหตุและการถูกสัตว์ร้ายมีพิษกัดต่อย
อุบัติเหตุที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วม ได้แก่ ไฟดูด จมน้ำ เหยียบของมีคม
อันตรายจากสัตว์มีพิษที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วม ได้แก่ งู ตะขาบ แมงป่อง ซึ่งหนีน้ำมาหลบอาศัยในบริเวณบ้านเรือน
ป้องกันโดย
ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้า สับคัทเอาท์ตัดไฟฟ้าในบ้านก่อนที่น้ำจะท่วมถึง
เก็บกวาดขยะ วัตถุแหลมคม ในบริเวณอาคารบ้านเรือน และตามทางเดินอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนถ้ามีข่าวสารทางการแพทย์เพิ่มเติมเดี๋ยวผมเอามารายงานทางกระทู้นี้ครับ
หรือถ้ามีอะไรสงสัยต้องการสอบถาม ถามผ่านกระทู้เลยครับ
-
เตือนปชช.น้ำท่วมระวังโรคเครียด-โรคติดต่อข่าวภูมิภาค วันศุกร์ที่ 14 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 14:07 น.
นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุบลราชธานี เตือน ระวังโรคเครียดและโรคติดต่อที่มากับน้ำท่วม ล่าสุด พบ มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา เพิ่มมากขึ้น
น.พ.สุรพร ล่อยหา นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับ น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ได้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลับ ส่งผลกระทบสุขภาพอนามัยประชาชน จ.อุบลราชธานี และหลายจังหวัด โดยเฉพาะ ภาคกลาง ประชาชน มีสุขภาพไม่ดี เป็นโรคเครียดมากและโรคซึมเศร้าตามมา ขอให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองด้วย
จากการรายงานสถานการณ์เฝ้าระวังโรคระบาดวิทยา รายงานที่ 506/2507 507 รายงานโรคระบาดวิทยาพบว่า มีผู้ป่วยโรคปอดบวมที่ จ.อุบลราชธานี 4,500 ราย โรคตาแดง 2,924 ราย โรคอีสุกอีใส 1,145 ราย พบไข้หวัดใหญ่ กว่า 924 ราย น.พ.สุรพร ยังกล่าวอีกว่าสาเหตุน้ำท่วม เป็นสาเหตุทำให้คนเกิดโรคเครียด และเพื่อเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง ดูแลสุขภาพตนเองให้มากด้วย
Link : http://www.innnews.co.th/เตือนปชช-น้ำท่วมระวังโรคเครียด-โรคติดต่อ--314451_06.html
-
สธ.เฝ้าระวัง 5 โรคระบาดมากับน้ำท่วม
กระทรวงสาธารณสุข สั่งเฝ้าระวังโรคระบาด 5 โรค ที่มากับน้ำท่วม ระบุศูนย์อพยพจุดใหญ่ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น่าห่วงที่สุด หลังพบอนามัยแวดล้อม และสุขาภิบาลไม่สะอาด
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้บริหารกรณีเตรียมรับมือน้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่งจะต้องอพยพผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงเรื่องโรคระบาดที่มากับสิ่งแวดล้อม สุขาภิบาล โดยเฉพาะปัญหาขยะ สิ่งขับถ่าย
ซึ่งโรคระบาด 5 โรคที่จะมากับน้ำท่วมในขณะนี้ ก็คือ โรคอุจจาระร่วง โรคฉี่หนู ไข้หวัด ตาแดง และไข้เลือดออก จากการที่ตรวจสอบ และได้รับแจ้งจากสาธารณสุขทุกจังหวัด พบว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีจุดอพยพที่ใหญ่ที่สุด คือ บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร น่าเป็นห่วงมากที่สุด เนื่องจากมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก อาหาร และส้วม นอกจากจะไม่สะอาดแล้ว ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน รวมไปถึงขยะมูลฝอยก็เพิ่มมากขึ้น หรือ อาจส่งผลกระทบทำให้ประชาชนเกิดโรคอุจจาระร่วงได้
เพื่อแก้ปัญหานี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ย้ำให้อธิบดีกรมอนามัยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเรื่องสุขาภิบาลอย่างจริงจัง โดยให้กำจัดสิ่งปฏิกูลต่างๆ ให้สะอาด พร้อมสนับสนุนส้วมสนามชั่วคราว จำนวน 20 ที่ โดยให้กรมอนามัยเป็นผู้จัดส่ง อีกทั้งส่งส้วมลอยน้ำไปตั้งที่จุดบริการ ซึ่งเป็นศูนย์อพยพของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 10 ที่
นอกจากนี้ยังให้กรมอนามัย จัดทำชุดนายสะอาดประจำครอบครัวจำนวน 1,500 ชุด เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในการดูแลรักษาความสะอาดอย่างจริงจัง โดยให้ถุงดำใส่ขยะใส่สิ่งปฏิกูล สบู่ น้ำยาล้างจาน สารส้ม และคลอรีนสำหรับปรับสภาพน้ำให้สะอาด รวมถึงเก้าอี้พลาสติกเจาะรูตรงกลาง เพื่อใช้ขับถ่าย ซึ่งเรียกชุดที่จะแจกให้ประชาชนว่า ชุดนายสะอาด ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ ได้
-
คู่มือรับสถานการณ์น้ำท่วม
เหตุการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่น้ำท่วม
เหตุการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่น้ำท่วม โดยทางรัฐและหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบต้องกรทำการป้องกันและฟื้นฟู ระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญก่อน อาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อย่างทันที ดังนั้นประชาชนจึงควรมีความพร้อมในการเตรียมรับสถานการ์น้ำท่วมเพื่อป้องกัน และบรรเทาภัยที่จะเกิดขึ้นได้
การเตรียมการก่อนน้ำท่วม
การป้องกันตัวเองและความสียหายจากน้ำท่วม ควรมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะหากรอให้มีการเตือนภัยเวลามักไม่เพียงพอ รู้จักกับภัยน้ำท่วมของคุณ สอบถามหน่วยงานที่มีการจัดการด้านน้ำท่วม ด้วยคำถามดังต่อไปนี้
- ภายในละแวกใกล้เคียงในรอบหลายปี เคยเกิดน้ำท่วมสูงที่สุดเท่าไร
- เราสามารถคาดคะเนความเร็วน้ำหรือโคลนได้หรือไม่
- เราจะได้การเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่น้ำจะมาถึงเป็นเวลาเท่าไหร่
- เราจะได้รับการเตือนภัยอย่างไร
- ถนนเส้นใดบ้าง ในละแวกนี้ที่จะถูกน้ำท่วมหรือจะมีสิ่งกีดขวาง
การรับมือสำหรับน้ำท่วมครั้งต่อไป
1. คาดคะเนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคุณเมื่อเกิดน้ำท่วม
2. ทำความคุ้นเคยกับระบบการเตือนภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขี้นตอนการอพยพ
3. เรียนรู้เส้นทางการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด จากบ้านไปยังที่สูงหรือพื้นที่ปลอดภัย
4. เตรียมเครื่องมือรับวิทยุแบบพกพา อุปกรณ์ทำอาหารฉุกเฉินแหล่งอาหารและไฟฉาย รวมทั้งแบตเตอร์รี่สำรอง
5. ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม ควรจะเตรียมวัสดุ เช่น กระสอบทราย แผ่นพลาสติก ไม้แผ่น ตะปู กาวซิลิโคน เพื่อใช้ป้องกันบ้านเรือน และควรทราบแหล่งวัตถุที่จะนำมาใช้
6. นำรถยนต์และพาหนะไปเก็บไว้ในพื้นที่ซึ่งน้ำไม่ท่วมถึง
7. ปรึกษาและทำข้อตกลงกับบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับการประกันความเสียหาย
8. บันทึกหมายเลขโทรศัพท์สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินและเก็บไว้ตามที่จำง่าย
9. รวบรวมของใช้จำเป็นและเสบียงอาหารที่ต้องการใช้ ถายหลังน้ำท่วมไว้ในที่ปลอดภัยและสูงกว่าระดับที่คาดว่าน้ำจะท่วมถึง
10. ทำบันทึกรายการทรัพย์สินมีค่างทั้งหมด ถ่ายรูปหรือวีดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน
11. เก็บ บันทึกรายการทรัพย์สิน เอกสารสำคัญและของมีค่าอื่นๆ ในสถานที่ปลอดภัยห่างจากบ้านหรือห่างไกลจากที่น้ำท่วมถึง เช่น ตู้เซฟที่ธนาคาร หรือไปรษณีย์
12. ทำแผนการรับมือน้ำท่วม และถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐานที่สังเกตุได้ง่าย และติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ
ถ้าคุณคือพ่อแม่
- ทำหารซักซ้อมและให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของคุณ ขณะเกิดน้ำท่วม เช่น ไม่สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า ปลั๊กไฟ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำและอยู่ใกล้เส้นทางน้ำ
- ต้องการทราบหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของหน่วยงานท้องถิ่น
- ต้องการทราบแผนฉุกเฉินสำหรับ โรงเรียนที่บุตรหลานเรียนอยู่
- เตรีมแผนการอพยพสำหรับครอบครัวของคุณ
- จัดเตรียมกระสอบทราย เพื่อกันน้ำไม่ให้เข้าสู่บ้านเรือน
- ต้องมั่นใจว่าเด็กๆ ได้รับทราบแผนการรับสถานการณ์น้ำท่วมของครอบครัวและของโรงเรียน
การทำแผนรับมือน้ำท่วม
การจัดทำแผนรับมือน้ำท่วม จะช่วยให้คุณนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำหลังได้รับการเตือนภัยเดินสำรวจทั่วทั้งบ้านด้วยคำแนะนำที่กล่าว มา พร้อมทั้งจดบันทึกด้วยว่าจะจัดการคำแนะนำอย่างไร ในช่วงเวลาที่ทุกๆ คนเร่งรีบและตื่นเต้นเนื่องจากภัยคุกคาม สิ่งที่สำคัญที่จะลืมไม่ได้ก็คือ หมายเลขโทรศัพท์ต่างๆ ที่สำคัญไว้ในแผนด้วย
ถ้าคุณมีเวลาเล็กน้อยหลังการเตือนภัย :
สิ่งที่ต้องทำและมีในแผน
- สัญญาเตือนภัยฉุกเฉิน และสถานีวิทยุ หรือสถานีโทรทัศน์ที่รายงานสถานการณ์
- รายชื่อสถานที่ 2 แห่งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถพบกันได้หลังจากพลัดหลงโดยสถานที่แรกให้อยู่ ใกล้บริเวณบ้านและอีกสถานที่อยู่นอกพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง
ระดับการเตือนภัยน้ำท่วม
ลักษณะการเตือนภัยมี 4 ประเภท คือ
1. การเฝ้าระวังน้ำท่วม : มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วมและอยู่ในระหว่างสังเกตุการณ์
2. การเตือนภัยน้ำท่วม : เตือนภัยจะเกิดน้ำท่วม
3. การเตือนภัยน้ำท่วมรุนแรง : เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง
4. ภาวะปกติ : เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติหรือเป็นพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมสิ่งที่คุณควรทำ : หลังจากได้รับการเตือนภัยจากหน่วยงานด้านเตือนภัยน้ำท่วม
1. ติดตามการประกาศเตือนภัยจากสถานีวิทยุท้องถิ่น โทรทัศน์หรือรถแจ้งข่าว
2. ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันและคุณอยู่ในพื้นที่หุบเขาให้ปฎิบัติดังนี้
- ปีนขึ้นที่สูงให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้
- อย่าพยายานำสัมภาระติดตัวไปมากเกินไป ให้คิดว่าชีวิตสำคัญที่สุด
- อย่าพยายามวิ่งหรือขับรถผ่านบริเสณน้ำหลาก
3. ดำเนินการตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้วางแผนไว้แล้ว
4. ถ้ามีการเตือนภัยการเฝ้าระวังน้ำท่วมจะยังมีเวลาในการเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม
5. ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมและคุณอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง
ควรปฎิบัติดังนี้
- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก๊ซถ้าจำป็น
- อุดปิดช่องน้ำทิ้งอ่างล่างจาน
- พื้นที่ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ที่น้ำสามารถไหลเข้าบ้าน
- อ่านวิธีการที่ทำให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่ออยู่นอกบ้าน
- ล็อคประตูบ้านและอพยพขึ้นที่สูง
- ถ้าไม่มีที่ปลอดภัยบนที่สูง ให้ฟังข้อมูลจากวิทยุหรือโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานที่หลบภัยของหน่วยงาน
6. หากบ้านพักอาศัยของคุณไม่ได้อยู่ในที่น้ำท่วมถึง
- อ่านวิธีการที่ทำให้ความปลอดภัยเมื่ออยู่ในบ้าน
7. หากบ้านพักอาศัยของคุณไม่ได้อยู่ในที่น้ำท่วมถึงแต่อาจมีน้ำท่วมในห้องใต้ดิน
- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องใต้ดิน
- ปิดแก็ซหากคาดว่าน้ำจะท่วมเตาแก็ซ
- เคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นข้างบน
- ห้ามอยู่ในห้องใต้ดิน เมื่อมีน้ำท่วมถีงบ้าน
น้ำท่วมฉับพลัน
คือ น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากในบริเวณที่ลุ่มต่ำ ในแม่น้ำ ลำธารหรือร่องน้ำที่เกิดจากฝนที่ตกหนักมากติดต่อกันหรือจากพายุฝนที่เกิดซ้ำที่หลายครั้ง น้ำป่าอาจเกิดจากที่สิ่งปลูกสร้างโดยมนุษย์ เช่น เขื่อนหรือฝายพังทลาย
- ถ้าได้ยินการเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันให้วิ่งไปบนที่สูงทันที
- ออกจารถและที่อยู่ คิดอย่างเดียวว่าต้องหนี
- อย่าพยายามขับรถหรือวิ่งย้อนกลับไปทางที่ถูกน้ำท่วม
ปลอดภัยไว้ก่อนเมื่ออยู่นอกบ้าน
- ห้ามเดินตามเส้นทางที่น้ำไหล
มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากจมน้ำตายในขณะที่น้ำกำลังมาความสูงของน้ำแค่ 15 ซม. ก็ทำให้เสียหลักล้มได้ ดังนั้นถ้ามีความจำเป็นต้องเดินผ่านที่น้ำไหลให้ลองนำไม้จุ่มเพื่อวัดระดับ น้ำก่อนทุกครั้ง
- ห้ามขับรถในพื้นที่ที่กำลังโดนน้ำท่วม
การ ขับรถในพื้นที่ที่น้ำท่วมมีความเสียงสูงมากที่จะจมน้ำ หากเห็นป้ายเตือนตามเส้นทางต่างๆ ห้ามขับรถเข้าไปเพราะอาจมีอันตรายข้างหน้า น้ำสูง 50 ซม. พัดรถยนต์จักรยสานยนต์ให้ลอยได้
- ห้ามเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าและสาย :
กระแส ไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านได้ เมื่อเกิดน้ำท่วมแต่ละครั้งจะมีผู้เสียชีวิต เนื่องจากไฟดูดมากกว่าสาเหตุอื่นๆ เมื่อเห็นสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดเสียหายกรุณาแจ้ง 191 หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังน้ำท่วม
3 ขั้นตอนที่คุณควรทำในวันแรก ๆ หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม
ขั้นตอนที่ 1 : เอาใจใส่ตัวเอง
หลังผ่านเหตุการณ์น้ำท่วม คุณและครอบครัวอาจเกิดความซึมเศร้า และต้องใช้เวลากลับสู่ภาวะปกติอย่าลืมว่าเหตุการณ์น้ำท่วมนั้นอาคารบ้าน เรือน ได้รับความเสียหาย คุณต้องดูแลตัวเองและครอบครัว พร้อมกับการบูรณะบ้านให้กลับบ้านเหมือนเดิม อุปสรรคที่สำคัญคือ ความเครียด รวมทั้งปัญหาอื่น เช่น นอนหลับยาก ฝันร้ายและปัญหาทางกาย โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งคุณและครอบครัวควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ 1. ให้เวลากับครอบครัวเพราะความอบอุ่นในครอบครัวอาจช่วยเยี่ยวยารักษาได้ดี
2. พูดคุยปัญหากลับเพื่อนและครอบครัว ร่วมแบ่งปันความกังวลจะช่วยให้ได้ระบายและผ่อนคลายความเครียด
3. ผักผ่อนและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ เพราะมีปัญหาทั้งความเครียดและทางกายเพิ่มขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ
4. จัดรำดับสิ่งที่จำเป็นต้องทำตามลำดับก่อนหลังและค่อย ๆ ทำ
5. ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์เมื่อเกิดอาการซึมเศร้าจนที่จะรับมือได้
6. ดูแลเด็กๆให้ดี และโปรดเข้าใจเด็กมีความตื่นกลัวไม่แพ้กัน และอย่าตำหนิเด็กที่มีพฤติกรรมแลก ๆ หลังจากน้ำท่วม เช่น ฉี่รดที่นอน ดูดนิ้วโป้งหรืเกาะคุณอยู่ตลอดเวลา จำไว้ว่าเด็กพึ่งผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงในชีวิต
7. ระวังเรื่องสุขอนามัย เมื่ออยู่ในพื้นที่เคยน้ำท่วม
ขั้นตอนที่ 2 การจัดการดูแลบ้านของคุณ
ที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตเนื่องจากน้ำท่วมส่วนใหญ่เกิดจากถูกไฟดูด หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากน้ำลดสิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อกลับบ้านคือ การตรวจสอบความปลอดภัย ก่อนเข้าบูรณะและอยู่อาศัย โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ปรับจูนคลื่นวิทยุโทรทัศน์ ฟังรายงานสถานการณ์
2.ติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อตรวจสอบความเสียหาย และซ่อมแซมทรัพย์สินต่าง ๆ
3.เดินตรวจตารอบ ๆ บ้าน และเซ็คสายไฟฟ้า สายถังแก็สโดยถ้าหากเกิดแก็สรั่วจะสามารถรู้ได้จากกลิ่นแก็สให้ระวังและรีบ โทรแจ้งร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย
4.ตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้าง ตัวบ้าน ระเบียง หลังคา ให้แน่ใจว่าโครงสร้างทุกอย่างปลอดภัย
5.ตัดระบบไฟฟ้าที่จ่ายเข้าบ้าน
6.ปิดวาล์วแก็สให้สนิทหากได้กลิ่นแก็สรั่วก่อไม่ควรเข้าใกล้บริเวณนั้น
7.เข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง แลพอย่าใช้วัสดุที่ทำให้เกิดประกายไฟ
8.ถ่ายรูปความเสียหาย เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากประกัน (ถ้ามี)
9.เก็บกู้สิ่งของที่มีค่า และห่อหุ้มรูปภาพหรือเอกสารสำคัญ
10.เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน เปิดหน้าต่างและประตู เพื่อระบายอากาศ และตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
11.ซ่อมแซมโครงสร้างที่เสียหาย
12.เก็บกวาดกิ่งไม้หรือสิ่งปฏิกูลในบ้าน
13.ตรวจ หารอยแตกหรือรั่วของท่อน้ำถ้าพบให้ปิดวาฃ์วตรงมิเตอร์น้ำ และไม่ควรดื่มและประกอบอาหารด้วยน้ำจากก๊อกน้ำ จนกว่าจะรู้ว่าสะอาดและปลอดภัย
14 ระบายน้ำออกจากห้องใต้ดินอย่างช้า ๆ เนื่องจากแรงดันน้ำภายนอกอาจจะมากจนทำให้เกิดรอยแตกของผนังหรืพื้นห้องใต้ดิน
15.กำจัดตะกอนที่มาจากน้ำเนื่องจากเซื้อโรคส่วนมากมักจะมาจากตะกอน
-
(http://image.ohozaa.com/i/381/LGwPH.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/45qrb)
ถุงยังชีพเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ
ถุงยังชีพเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ
เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติที่สุดภายใด้สภาวการณ์ฉุกเฉิน
ถุงยังชีพเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ
เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติที่สุดภายใด้สภาวการณ์ฉุกเฉิน ถือเป็นสิ่งจำเป็น
รายละเอียดดังต่อไปนี้
การเตรียมถุงยังชีพสำหรับประชาชน
ถุงยังชีพ 1 ชุดเบื้องต้น ควรประกอบด้วย
1. อาหารแห้งที่อยู่ได้ประมาณ 2-3 วัน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมูหยอง ไข่เค็ม ฯลฯ
2. อาหารกระป๋องพร้อมรับประทานชนิดฝาดึง เช่น ข้าวสวยปรุงสุกบรรจุกระป๋อง ปลากระป๋อง ผักกาดกระป๋อง
3. ข้าวสาร 5 กิโลกรัม 1 ถุง
4. น้ำตื่ม หรือ เครื่องดื่มแพ็คกล่อง
5. แปรงสีฟัน และ ยาสีฟัน
6. ไฟฉาย 1 กระบอกแบบหมุนมือ หรือ เทียนไข
7. ไฟแช็คชนิดแก๊ส 1 อัน
8. ยาทากันยุง
9. ชุดยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาใส่แผลสด ยาหม่อง เป็นต้น
10. ผ้าห่ม 1 ผืน
11. มือพก
12. เชือกไนล่อน
13.นกหวีด หรือ กระจกเล็กๆ ไว้ส่สัญญาณขอความช่วยเหลือ
14. เสื้อชูชีพ
ทั้งนี้ คือแนวทางง่ายๆ ที่คุณสามารถปฏิบัติได้ เตรียมรับมือไว้หากภัยมา ทุกอย่างป้องกันได้หากไม่ประมาท
h เจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร 1669
ที่มา : สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
-
(http://image.ohozaa.com/i/5c4/sUwnA.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/45rh0)
การจัดการสัตว์เลี้ยงในภาวะน้ำท่วมสําหรับประชาชน
ระยะ : ก่อนน้ำท่วม ผู้เลี้ยงควรปฏิบัติต่อสัตว์ ดังนี้
1. จัดเตรียมอาหารสัตว์และน้ำสะอาดไว้ให้พร้อมใช้ยามฉุกเฉิน
การจัดการสัตว์เลี้ยงในภาวะน้ำท่วมสําหรับประชาชน
ระยะ : ก่อนน้ำท่วม ผู้เลี้ยงควรปฏิบัติต่อสัตว์ ดังนี้
1. จัดเตรียมอาหารสัตว์และน้ำสะอาดไว้ให้พร้อมใช้ยามฉุกเฉิน
2. งดการนำสัตว์ใหม่เข้ามาในพื้นที่ หากจำเป็นต้องทราบประวัติ และแยกสัตว์ใหม่ออกจากสัตว์ที่มีอยู่เดิมเพื่อลดความเสี่ยง ในการนำเชื้อโรคเข้าพื้นที่
3. ให้ยาถ่ายพยาธิและกำจัดเห็บ หมัด ไร (ถ้าเป็นไปได้ควรมีการตรวจสุขภาพสัตว์ด้วย)
4. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่อาจติดต่อถึงคนได้ เช่น วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น
5. อพยพย้ายสัตว์ไปยังพื้นที่ปลอดภัย กรณีไม่สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ได้ยกพื้นที่เลี้ยงสัตว์ให้สูงขึ้น และพ่นทำลายเชื้ออย่างถูกต้อง และหมั่นสังเกตดูอาการของสัตว์ว่ามีอาการป่วยหรือไม่
6. กรณีปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ หรือพบสัตว์ป่วยให้แยกสัตว์ออกจากฝูง รีบแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ หรือ Call Center กรมปศุสัตว์หมายเลข 085-660-9906
ระยะ : น้ำท่วม ประชาชนควรปฏิบัติ ดังนี้
1. เพิ่มความระมัดระวังการถูกสัตว์กัดหรือข่วน หากถูกสัตว์กัด ข่วน ต้องล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด ใส่ยาเบทาดีน และรีบไปพบแพทย์ กรณีที่แพทย์ให้วัคซีนต้องไปรับให้ครบและตรงตามกำหนดนัด
2. ทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ
3. คอกสัตว์หรือเพิงพัก อุปกรณ์ที่ใช้กับสัตว์เลี้ยง ควรทำความสะอาด ด้วยผงซักฟอกตามด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นประจำ พร้อม ทั้งสวมถุงมือหรือถุงพลาสติกกันน้ำทุกครั้ง โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของฉลากอย่างระมัดระวัง
4. ทั้งคนและสัตว์ ควรลดการสัมผัสกับสัตว์ภายนอกบ้าน
5. เศษอาหารและอุจจาระ ของคนและของสัตว์เลี้ยง ต้องเก็บทิ้งให้เป็นที่อย่าปล่อยทิ้งให้เป็นแหล่งของแมลงวัน หนู หรือสัตว์อื่นๆ ซึ่งอาจนำเชื้อโรคเข้ามาสู่คนและสัตว์เลี้ยงได้
6. หากมีปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ สัตว์ป่วย สัตว์ใหญ่ตายหรือสัตว์ตายจำนวนมาก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์พื้นที่มาดำเนินการ หรือ Call Center กรมปศุสัตว์หมายเลข 08 5660 9906
7. ไม่ควรนำสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุมารับประทานเพราะอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายและเจ็บป่วยได้
8. หากเป็นไปได้ควรแยกพื้นที่เลี้ยงสัตว์จากพื้นที่อยู่อาศัย หรือทำที่กั้นแยกชนิดสัตว์ไม่ให้ประปนกัน
ระยะ : หลังน้ำท่วม นอกจากปฏิบัติตัวตามข้อ 1-8 แล้ว ควรปฏิบัติเพิ่มเติม ดังนี้
9. ภายหลังน้ำท่วมจะมีซากสัตว์ตาย ปรากฏในที่ต่างๆ ซึ่งจะต้องจัดการเก็บฝังโดยเร็ว
10. สัตว์ที่มีชีวิตอยู่ซึ่งอดอาหารมาเป็นเวลานานควรรีบให้อาหารและนำกลับคืนให้เจ้าของ
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
-
ข้อแนะนำเกี่ยวกับไฟฟ้าในกรณีน้ำท่วม
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสภาพอากาศ ประกาศเตือนจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมทุกขณะ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารสภาพอากาศ ประกาศเตือนจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมทุกขณะและมีข้อแนะนำประชาชนเกี่ยวกับไฟฟ้า กรณีเกิดน้ำท่วมหรือน้ำท่วมขัง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ดังนี้
1. ก่อนน้ำท่วมเข้าภายในบ้านหรือบริเวณบ้าน ให้รีบขนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและสิ่งของจำเป็นไว้ที่สูงหรือที่ปลอดภัยน้ำท่วมไม่ถึง
2. กรณีเป็นบ้านสองชั้นและมีสวิตช์แยกแต่ละชั้น หากน้ำกำลังจะท่วมชั้นล่าง ให้ปลดสวิตช์ตัดกระแสไฟฟ้าเฉพาะชั้นล่าง
3. กรณีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานและมีความจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในบ้าน ให้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชั้นบน โดยให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าปลดสวิตช์ที่ชั้นล่างให้เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือช่างไฟฟ้าเพื่อแยกวงจรชั้นบนและชั้นล่าง
4. กรณีบ้านชั้นเดียว ให้งดใช้ไฟฟ้าโดยเด็ดขาด งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด รวมถึงห้ามเปิดปิดสวิตช์ไฟด้านในและด้านนอกอาคารที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะตัวเปียกหรือยืนแช่น้ำ แม้ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นอาจอยู่เหนือระดับน้ำ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ *** ปลั๊กไฟที่น้ำท่วมห้ามใช้งานเด็ดขาด***
5. ควรอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าหรือระบบจำหน่ายในพื้นที่น้ำท่วมอย่างน้อย 1 - 2 เมตร เพื่อความปลอดภัย หากพบเห็นสายไฟฟ้าขาดหรือเสาไฟฟ้าล้มหรือสายไฟฟ้าขาดแช่น้ำ อย่าเข้าใกล้หรือสัมผัส ให้รีบแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่หรือสายด่วน กฟภ. โทร.1129 เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการแก้ไข
6. พบผู้ถูกกระแสไฟฟ้าดูด อย่าใช้มือเปล่าแตะต้องตัวผู้ที่ติดอยู่กับกระแสไฟฟ้าหรือตัวนำที่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายเป็นอันขาด เพื่อป้องกันมิให้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดจนได้รับอันตรายไปด้วย
- ใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า เช่น ผ้า ไม้แห้ง เชือกแห้ง สายยางหรือพลาสติกที่แห้งสนิท ถุงมือยางหรือผ้าแห้งพันมือให้หนา แล้วผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกมาโดยเร็ว หรือใช้ผ้าคล้องหรือให้ผู้มีความรู้ด้านไฟฟ้าปลดสวิตช์จากนั้น ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล
(อ่านวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้จากที่นี่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.288629081166572.94054.178690235493791&type=3&saved
- หากเป็นสายไฟฟ้าแรงสูง ให้หลีกเลี่ยงและรีบแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่หรือสายด่วน กฟภ. โทร.1129 โดยเร็วที่สุด
- อย่าลงไปในน้ำ กรณีมีกระแสไฟฟ้าอยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง หาวัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้าเขี่ยสายไฟฟ้าออกให้พ้นหรือแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าก่อน จึงค่อยช่วนผู้ประสบอันตราย
*** การช่วยผู้ประสบอันตรายจากไฟฟ้า จำเป็นต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว รอบคอบและระมัดระวังเป็นพิเศษ ***
สอบถามข้อมูล แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องหรือขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับไฟฟ้าได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สายด่วน กฟภ. โทร.1129 PEA Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
-
ขอบคุณครับพี่หมอสำหรับความรู้และข้อมูลดีๆ.. thumbsup pray
-
(http://image.ohozaa.com/i/31e/lqbfY.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8o6)
(http://image.ohozaa.com/i/3a3/rYINl.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8o5)
-
(http://image.ohozaa.com/i/21a/W7XWp.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8q1)
(http://image.ohozaa.com/i/53a/0mpcp.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8q2)
(http://image.ohozaa.com/i/32e/qOGNm.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8q3)
-
(http://image.ohozaa.com/i/462/LKPNv.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8r3)
วิธีเตรียมน้ำดื่ม"ปลอดภัย" ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม !
สิ่งที่ต้องเตรียม
1.ขวดน้ำพลาสติคใส ที่ดื่มน้ำหมดแล้วพร้อมฝาที่ปิดได้แน่นสนิท ขนาดไม่เกินสองลิตร เมื่อวางนอนแล้วความหนาที่แสงอาทิตย์ผ่านไม่เกิน 10 ซม. ขวดยิ่งชลูดยิ่งดี รังสีดวงอาทิตย์จะได้ทะลุทะลวงได้มาก พลาสติคไม่เก่าหรือมีรอยขีดข่วนมากเกินไป เพราะรังสีจะผ่านได้ไม่ดี ภายในขวดสะอาด แกะพลาสติคภายนอกออกหมด
2. แหล่งน้ำสะอาดที่สุดเท่าที่จะหาได้ วิธีนี้ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสารเคมีปนเปื้อนในภาวะปกติ ครัวเรือนที่ดื่มน้ำฝน ถ้าต้องการประหยัดพลังงานและทุกคนในบ้านแข็งแรงดี อาจจะใช้วิธีนี้แทนการต้มก็ได้
3. ถ้าน้ำขุ่นควรมีผ้ากรองตะกอนดิน เช่น ผ้าขาวบาง หรือผ้าขาวม้าสะอาดหลายๆ ชั้น เมื่อกรองได้ที่บรรจุน้ำเต็มขวด เปิดฝาวางทับหนังสือพิมพ์รายวันหน้าแรก ควรจะสามารถมองลงไปก้นขวด อ่านพาดหัวข้อข่าวรองได้ (ตัวอักษรในแนวหลักขนาด 3.5 ซม.)
4. บริเวณที่จะวางขวดตากแดดที่ร้อน โดยเฉพาะถ้ามีโลหะเช่นแผ่นสังกะสีลูกฟูก หรือ อะลูมิเนียมจะดีมาก
วิธีการเตรียม
1.กรองน้ำที่หาได้ กรอกลงขวดให้ได้ประมาณ 3 ใน 4 ขวด
2.เขย่าแรงๆ อย่างน้ำ 20 ครั้ง ให้อากาศ (ออกซิเจน) ผสมกับน้ำให้ทั่ว
3.เติมน้ำให้เต็มขวด ปิดฝาแน่นสนิท
4.วางขวดในแนวนอน ตากแดดตามข้อ 4 ข้างบนทิ้งไว้ อย่าพยายามขยับขวดโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ออกซิเจนไม่แยกตัวจากน้ำ ตากแดดโดยใช้เวลา
- 2 ชั่วโมงถ้าแดดจัด พื้นที่วางเป็นโลหะและน้ำค่อนข้างใส
- 6 ชั่วโมงบนพื้นกระเบื้องหรือซีเมนต์
- 2 วันถ้ามีเมฆมาก
ถ้าฝนตกตลอดแดดไม่ออกเลย ให้รองน้ำฝนดื่มแทน
น้ำในขวดดังกล่าวนำไปดื่มได้เลย หรือจะเก็บไว้ดื่มในภายหลังก็ได้ แสงแดด ความร้อน และออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากันฆ่าเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ 99.9% แต่อาจจะมีสาหร่ายเซลเดียวซึ่งทนรังสียูวีและความร้อนซึ่งอาจจะจับตัวเป็นตะไคร่น้ำในขวดได้ถ้าเก็บขวดไว้นาน แต่น้ำที่มีสาหร่ายเหล่าไม่มีอันตรายต่อผู้ดื่มทั่วไปที่มีภูมิคุ้มกันปกติ
หมายเหตุ
1.เทคโนโลยีง่ายๆ ที่วิจัยและพัฒนาโดยองค์การนานาชาติ www.sodis.ch นี้ ฆ่าเชื้อโรคโดยพลังแสงแดด ซึ่งมี รังสียูวี + รังสีความร้อน + อนุมูลออกซิเจนและโอโซน ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างออกซิเจนที่เราผสมน้ำระหว่างเขย่าขวด เหมือนน้ำบรรจุขวดขายซึ่งผ่านรังยูวี หรือ โอโซน ในระดับที่เข้มข้น
2.ขวดน้ำใส PET หรือ Poly Ethylene Terephthalate (โพลีเอทธิลีนเทเรฟทาเลต) ที่ตากแดดในระดับนี้ ปลดปล่อยสารเคมีน้อยมาก ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ไม่เหมือนวัสดุประเภท PVC ทุกวันนี้เราก็ดื่มน้ำบรรจุขวด PET กันอยู่แล้ว
เรียบเรียงสำหรับชาวบ้านโดย ศ.นพ.ดร.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หัวหน้าหน่วยระบาดวิทยา และผู้อำนวยการสถาบันและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
-
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919072cd1fd918a4b57e1d1749a9cbd315dcab.jpg) (http://www.lovelydvd.com)
-
(http://image.ohozaa.com/i/5f1/M94mb.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8r6)
(http://image.ohozaa.com/i/4cf/ezN6y.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8r7)
-
(http://image.ohozaa.com/i/4f3/zadIe.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e8r8)
-
(http://img4.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919074471cf6424e7b657fba84822228283520.jpg)
(http://img3.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919075702094dd140dfed14f06778ef093e934.jpg)
วิธีทำรองเท้าถุงพลาสติก ป้องกันโรคฉี่หนู (กรมควบคุมโรค)
โรคฉี่หนู เป็นโรคที่มีหนูเป็นตัวแพร่โรคที่สำคัญ เชื้อโรคที่ออกมากับปัสสาวะหนูจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำท่วมขัง หรือบนพื้นดินที่ชื้นแฉะได้นาน ประชาชนที่เดินลุยน้ำ ย่ำโคลนอาจติดเชื้อโรคนี้ได้ จึงควรป้องกันโรคนี้โดยการสวมรองเท้าบูทยาง หรือสวมรองเท้าถุงพลาสติก
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ จาก กรมควบคุมโรค (http://www.lovelydvd.com)
-
(http://img1.uploadhouse.com/fileuploads/14919/149191093d0182bff7b8866ef7de31fc8a5b7910.jpg)
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/149191104cdcc1a432efa1898acf1becfd9eb9c4.jpg) [url=http://www.lovelydvd.com] (http://www.lovelydvd.com)
-
รวบรวมวิธีกันน้ำแบบต่างๆ1
(http://img6.uploadhouse.com/fileuploads/14919/1491912291bbd5bc95e1c69a842d0b7d21bea56d.jpg)
thumbsup วิธีกั้นน้ำและเรียงถุงทรายต่างๆมีประโยชน์มากๆครับ thumbsup
ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://www.rajdumnern.com/simple/?t623.html
-
รวบรวมวิธีกันน้ำแบบต่างๆ2
(http://img1.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919162ecd13e2d0a399aa816bf5b6e64668127.jpg)
"วสท. หรือวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เสนอแบบเขื่อนกันน้ำที่แข็งแรงกว่า สร้างง่ายและเร็วกว่าเขื่อนกระสอบทราย เหมาะกับยุคกระสอบทรายราคาแพง
ใครชอบก็เอาไปประยุกต์ใช้กันได้ ทาง วสท.ไม่สงวนสิทธิ์"
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919163d734e4385713a53dcf9d95952379a5f7.jpg)
คอกใส่ถุงน้ำ เป็นภาชนะที่ช่วยจัดทรงให้ถุงน้ำอยู่ตัวมากขึ้นซ้อนได้หลายชั้นขึ้นมีความแน่นในการเรียงถุงน้ำมากขึ้น
การสร้างคอกไม้ใส่ถุงน้ำนั้น พื้นไม้จะต้องเรียบติดพื้น ด้านหลังคอกจะต้องเรียบติดประตูบ้านหรือกำแพงบ้าน ซึ่งความกว้างของคอกนั้นจะต้องกว้างกว่าประตูบ้านหรือกำแพงบ้าน ส่วนความสูงนั้นก็ต้องคาดคะเนเอาดูว่าน้ำจะท่วมสูงขึ้นมากเท่าไหร่ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหนียวของถุงที่จะใส่ด้วยว่าจะซ้อนได้กี่ชั้น ซึ่งการซ้อนแต่ละชั้นนั้นจะมีไม้กระดานอัดรองอีกชั้นก็จะดี เพราะจะได้ช่วยกระจายน้ำหนักของถุงน้ำด้านบนด้วย ส่วนไม้คำยันด้านหน้าและด้านหลังนั้นจะมีก็ได้ไม่มีก็ได้เพราะว่าน้ำหนักของน้ำได้กดทับคอกไม้เอาไว้แล้ว
ส่วนแรงดันน้ำจากน้ำที่ท่วมนั้นจะไม่ทำให้ถุงน้ำลอยตัวเพราะน้ำที่ท่วมมาจะดันถุงน้ำจากด้านหน้าและด้านข้างเท่านั้น ซึ่งด้านใต้ถุงน้ำ ไม่มีน้ำสามารถเล็ดลอดเข้าไปได้เพราะพื้นถูกถุงน้ำกดทับกับพื้นอยู่แล้ว และด้านหลังคอกถุงน้ำก็แห้งน้ำ ไม่มีน้ำมาเป็นปัจจัยให้เป็นแรงหนุนเชื่อมต่อกับน้ำด้านหน้าได้ น้ำจากด้านหน้าจึงไม่สามารถยกถุงน้ำให้ลอยได้
สรุปคือ ถุงน้ำจะเป็นกำแพงน้ำรองรับการบีบอัดจากน้ำด้านหน้าและด้านข้างเท่านั้น เพื่อป้องกันน้ำท่วมไม่ให้ไหลเข้าไปในที่พักอาศัยหรือบริเวณที่ป้องกันน้ำท่วม
ข้อควรระวัง - พื้นที่ๆ มีน้ำเชี่ยวกราดรุนแรงมากๆ การใช้ถุงน้ำป้องกันน้ำท่วมอาจจะไม่ได้ประสิทธิผลเท่าที่ควร
ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลองไปทำกันดูนะครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่บ้านของแต่ละท่านด้วยนะครับ ลองปรับเปลี่ยนวิธีการกันดูนะครับ...อนุญาติให้เผนแพร่เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะได้เลยครับ.
เครดิต : คุณ Anupong รักและเทิดทูนในหลวง
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/149191645eaa0daa750a6f250db2fe7cf19512b3.jpg)
ถุงดำใส่น้ำกั้นน้ำได้ ยามไม่มีทราย
ถุงน้ำ ทดสอบกับน้ำตกซึ่งมีแรงดันน้ำเชี่ยวพอประมาณ วางแถวเดียวก็ช่วยเบี่ยงแบนทิศทางน้ำได้ดี แนบสนิทกับพื้นผิวไม่มีน้ำเล็ดลอดออกมาระหว่างช่องได้เลย
วิธีทำ...นำถุงดำที่ได้มาตราฐาน ISO หรือถุงที่มีความเหนียวใส่ซ้อนกัน 2 ถุง แล้วเติมน้ำลงไปให้เต็ม แล้วใช้สายรัดสายไฟรัดปิดปากถุงให้แน่น วางเรียงเป็นแถวซ้อนกัน ซึ่งหากมีไม้กระดานอัดมากั้นระหว่างแถวก็จะทำให้มีความแข็งแรงคงทนมากขึ้น.
- ในรูปภาพถุงดำที่ใช้ทดสอบยี่ห้อ TESCO ขนาด 24 x 28 ซึ่งมีความบางมาก อาจรั่วง่าย ทำให้น้ำไม่ตั้งทรงตามถุง แต่ก็พอจะใช้กั้นน้ำได้ แต่ไม่ขอแนะนำ.
แนะนำให้หาถุงดำที่ผ่านมาตราฐาน ISO หรือถุงพลาสติกชนิดที่มีความหนาเป็นพิเศษก็ได้หรืออาจจะใส่ซ้อนลงไปในกระสอบอีกชั้นก็ได้เพื่อความแข็งแรงอยู่ทรงมากขึ้น..
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919165d16c6d9acbe96419424421b70751e4f4.jpg)
อันนี้ใช้แผ่นpolycarbonate
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919190d6c229c9606e69860216db94b41445e2.jpg)
หาทรายไม่ได้ใช้แผ่นพลาสติกแล้วยิงซิลิโคนแทนเคยใช้กับน้ำท่วมมา2ปีแล้วเวิร์คมากแผ่นพลาสติกหาซื้อจากร้านทำกันสาดให้เขาตัดให้ตามขนาดที่ต้องการของหาได้ง่ายกว่าทรายนะ
เครดิต : คุณ Gritsada Suptuaychone
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/149191914f63cbd209096b601bce51838d7ad0f0.jpg)
(http://img6.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919193f054a7b02638c91ace86a7a867075c14.jpg)
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/14919194c4b885ffd95a699736fc28bababd38c3.jpg)
(http://img2.uploadhouse.com/fileuploads/14919/1491919595c684c929de3de62530be941bea24f9.jpg)
กันน้ำ โดยใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ด
ใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ด...ผมใช้ 4 มม แนะนำให้ใช้ 6 มม ครับ
หนากว่านี้มันจะทำงานยาก
สาระอยู่ที่ ยัดถุงก็อปแก็ปไว้ด้านล่างฝั่งชิดผนังหรือวงกบ
และตลอดความยาวช่องประตู
ส่วนอีกฝั่งซีลด้วยซิลิโคนทั้งด้านล่างและด้านข้า
ไอเดียของคุณ George Enlightened
-
(http://image.ohozaa.com/i/3d9/ujvNt.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4e99h)
ถ้ายังกลัวว่ากันไม่อยู่ก็เอายันต์ไปช่วยนะครับ5555555555 nana
-
...เยี่ยมครับหมอ...จัดเต็มสำหรับเพื่อนๆชาว HDP. มีประโยชน์มากๆครับ...ว่าแต่แถวบ้านหมอแปะยันต์ยังคับ...อิ อิ อิ... ;D nana :-* flirty
-
(http://image.ohozaa.com/i/349/RuWAz.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4blrj)
............... น้ำท่วม มอเตอร์ไซค์ ไม่พัง ไม่ต้องกลัว .............
เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ ต้องลุยน้ำ หรือ โดนน้ำท่วม มิดทั้งคัน ไม่ต้องตกใจครับ
สิ่งที่ควรทำ คือ
* ห้ามติดเครื่อง ให้นำรถออกมาอยู่ในที่แห้ง หรือ ที่ที่ระดับน้ำ สูงไม่ถึงเครื่องยนต์
ภาพที่เรามักพบเห็นกันบ่อยๆก็คือ รถมอเตอร์ำไซค์ เปียกโชก และ สตาร์ทไม่ติด
สรุป ปัญหาจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
1. น้ำเข้า หม้อกรองอากาศ / ท่อไอดี
อันนี้ อันตรายที่สุด เพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในชำรุดรุนแรงจนถึงขั้น พัง
ดังนั้น หากเครื่องดับ ขณะจมน้ำ *อย่าพยายามฝืนสตาร์ทเครื่อง*
แต่ ถ้าไม่ได้จมน้ำ ไม่เป็นไร ยังสตาร์ทเครื่องได้ครับ แต่
ให้ ถอดท่อยางหม้อกรองอากาศออกก่อน เพราะอาจมีน้ำในหม้อกรองอากาศ
2. น้ำซึมเข้าระบบไฟฟ้าจุดระเบิด ทำให้ ไม่มีไฟสปาร์คที่หัวเทียน ติดเครื่องไม่ได้
อุปกรณ์ ที่จะเป็น ปัญหาได้แก่ ปลั๊กหัวเทียน - สวิทช์กุญแจ - สวิทช์ RUN-OFF
พวกนี้ ให้ถอด หัวเทียน+ ปลั๊กหัวเทียน ออกมาเป่า หรือเช็ดให้แห้ง ไม่จำเป็น
ต้อง ฉีด สิ่งใดๆทั้งนั้นครับ ก่อนใส่คืนลงไปให้ตรวจดูว่า ไฟแรงสูงสปาร์คที่หัวเทียน หรือยัง
โดย เสียบหัวเทียนเข้าในปลั๊กหัวเทียน แล้ววางตัวหัวเทียนให้สัมผัส ตัวเครื่องยนต์
แล้วลองดู ถ้าไฟสปาร์คที่เขี้ยวหัวเทียน ก็เรียบร้อยใช้ได้แล้วครับ
แต่ ถ้ายังให้ลองถอด ปลั๊กสายไฟ ของชุดสวิทช์ RUN-OFF ที่สวิทช์แฮนด์ขวา
ออกมาตรวจดู ถ้าถอดแล้วสตาร์ทดู มีไฟที่หัวเทียน แสดงว่า สวิทช์ RUN-OFF มีน้ำเข้า
ให้ตรวจแบบเดียวกันนี้กับ ปลั๊กสายไฟ ของสวิทช์กุญแจด้วย น้ำอาจซึมเข้าไปใน
ปลั๊กสายไฟ หรือ รูกุญแจ เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ไฟไม่สปาร์ค ที่หัวเทียนด้วยครับ
3. เรื่องน้ำเข้าใน ห้องเกียร์+คลัทช์ ไม่ต้องกลัวครับ สามารถขับขี่ได้ทั้งวัน
พอรอดออกมาจากภาวะน้ำท่วม ค่อยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ได้ ไม่ร้ายแรงครับ
4. เรื่องน้ำเข้า โคมไฟหน้า/ท้าย ให้เปิดให้น้ำออก มาแค่นั้นพอ
อย่าเอามือไปโดนผิวหลอดไฟละกัน หลอดอาจจะขาดเพราะไขมันบนมือเรา
................................................................................................
นอกนั้นไม่มี อะไรร้ายแรงให้ต้องกลัว เช่น
ท่อไอเสียจมน้ำ ขณะลุยน้ำ เพียงแต่
*อย่าเร่งแล้วเบาดับละกัน ให้เลี้ยงคันเร่งไว้ ก็ไปได้ตลอดทาง
สิ่งสำคัญ ขอให้ใช้ปลั๊กหัวเทียนของแท้ สภาพดี น้ำจะไม่เข้าหัวเทียน
...........
ส่งท้าย เลียเบรก หน้า/หลัง บ่อยๆ ป้องกัน เบรกลื่นด้วยนะครับ
เครดิต nasay
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11239565/V11239565.html
-
(http://image.ohozaa.com/i/169/KraXu.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/1s9s1)
ตอนนี้เราไปดูกันบ้างว่า ถ้ารถจมน้ำเข้าให้ ไม่ว่าจะจำใจ จงใจ ไม่ตั้งใจนั้น เราควรจะทำอย่างไร?
อันที่จริงแล้วผมไม่อยากจะเอามาบอกนักนัก? ด้วยว่าไม่อยากให้ใครเที่ยวได้เอารถยนต์ไปหล่นตูมตามลงในน้ำลึก? และไม่ได้อยากเห็นใครมีปัญหาเมื่อรถจอดอยู่กับที่แล้วน้ำไม่รักดีบ่าเข้าไปท่วมรถ? แต่อ่านข่าวที่เดี๋ยวนี้ชัก ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไร? ด้วยว่ามีแต่เรื่องน่ากลุ้มใจไปหมดไม่ว่าบ้านเราหรือบ้านเมือง? ก็ยังได้พบข่าวน้ำท่วมประปราย? เลยจับเอาอาการแก้ไขหลังน้ำท่วมรถขึ้นมาเล่าสู่กันฟังเสียตรงนี้ล่ะครับ
-แรกทีเดียว อย่าพยายามรีบร้อนติดเครื่องยนต์รถที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำหรือน้ำลดลงไปจากการท่วมมิดเครื่องยนต์เป็นอันขาด? เพราะน้ำที่อัดอยู่ในเครื่องยนต์อาจจะทำให้ก้านสูบกับก้านกระทุ้งวาล์วในกรณีที่เป้นรถโบราณเช่นโฟล์กสวาเกน? เต่าทองนั้น? คดงอได้เลยทีเดียว?
-อย่าพ่วงไฟเพื่อติดเครื่องยนต์รถที่ไหม่กว่ารุ่นปี ค.ศ. 1989? หรือ พ.ศ. 2532? ขึ้นมา? ด้วยว่านั้นจะเปิดโอกาสให้แอลเทอร์เนอเตอร์ซึ่งมักจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า ไดชาร์จ? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานาประดามีในรถไหม้เสียหายได้
-ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่? หรือเอาแบทเตอรี่ไปอัดไฟให้เต็มอีกทีแล้วเอามาใช้? หรือพูดให้ชัดก็ได้ว่า? ต่อขั้วแบตเตอรี่เข้ากับรถอีกครั้งหลังจากพ้นน้ำแล้วนี่? ปลดฟิวส์ของระบบถุงลมนิรภัยเพื่อไม่ให้ทำงานขึ้นมาได้ในระยะแรกนี้ก่อน? ด้วยว่าถ้าวงจรไฟฟ้าในระบบถุงลมนิรภัยเกิดลงดินหรือชอร์ตกันได้แล้วล่ะก็? ถุงลมระเบิดตูมแบบว่าทำงานให้ใช้ได้ขึ้นมาเฉย ๆ เสียของไปเปล่าๆ หลายหมื่นทีเดียวนะครับ
-ปกติเมื่อรู้ว่ารถจะจมน้ำ? เราก็ควรถอดสายไฟยกแบตเตอรี่ขึ้นที่สูงบนบ้านบนเรือนก่อน? ถ้าทำไม่ทันแบตเตอรี่จมน้ำอยู่ก็จะหมดไฟไปก่อนที่จะเข้าทำให้เกิดกระแสลัดวงจรทที่เสียหายเพราะน้ำได้? แต่เมื่อน้ำแห้งแล้ววงจรอาจจะลงดินอยู่? มีกระแสเข้าไปเมื่อไรลัดวงจรเมื่อนั้น? จึงควรรีบถอดสายแบตเตอรี่ออกทันทีที่รถพ้นน้ำ? ถ้าไม่ได้เอาแบตเตอรี่ออกไปเสียก่อน? โดยเฉพาะรถที่ตกน้ำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั่น
-ทีนี้? เมื่อปล่อยให้วงจรอุปกรณ์หลายอย่างแห้งแล้ว? ก็ปลดฟิวส์ของวงจรที่มั่นใจได้ออกเสียก่อน? เช่นวงจรถุงลมนิรภัยเป็นต้น
-ตรวจรถยนต์ที่เพิ่งพ้นน้ำของคุณให้ถี่ถ้วน? ถ้าพบน้ำในที่เขี่ยบุหรี่? ก็เชื่อเอาไว้ก่อนว่า? น้ำคงเข้าไปถึงระบบไฟฟ้าบนหน้าปัด? เช่น? มาตรมัดต่าง ๆ และสวิตช์ได้??? และดดยที่วงจรเหล่านี้มักจะทำเป้นแผงจึงสามารถทำความสะอาดและแห้งเอามาใช้ได้ใหม่อีก? แต่ตามที่ปรากฏกันมาก็คือคุณมักจะพบปัญหาของวงจรในการใช้งานต่อไปภายหน้า? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จมน้ำหรือเปียกน้ำนี้? อายุการใช้งานหลังจากนั้นจะค่อนไปทางข้างสั้น
-อย่าไปหวังอะไรให้มากนักเลยครับ? นอกเสียจากจะเปลี่ยนกันใหม่หมด? แพงอีกใช่ไหมล่ะ
-เกียร์อัตโนมัติกับทอรืกคอนเวิร์ตเตอร์? ต้องได้รับการล้างเอาน้ำมั่นและน้ำออกให้หมด? เช่นเดียวกับเฟืองท้าย? หรือส่วนมากในตอนนี้จะไปอยู่ข้างหน้าแล้ว? กับพวกทรานสเฟอร์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ? ด้วยว่าทั้งสองอย่างนี้มีรูระบายอากาศน้ำจึงเข้าไปทางนั้นได้? ก็ต้องทำอย่างเดียวกับเกียร์อัตโนมัติ
-เพลาขับที่ยางหุ้มเพลาขาด? น้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป? ต้องอัดจารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย
-อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้? เมื่อตรวจเกี่ยวกับระบบส่งกำลังนี่คือ ลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป?? ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่? ใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด
-ล้างและเปลี่ยนน้ำระบายความร้อน? เอาโคลนเลนที่ติดอยู่ตามรังผึ้งหม้อน้ำออกให้หมด? ใส่น้ำยาลดความร้อน? หล่อลื่น? และรักษาโลหะลงผสมในน้ำระบายความร้อนใหม่อีกครั้งให้ได้ตามลำดับที่กำหนด
-การกำหนดอัตราส่วนผสมน้ำยากับน้ำในระบบระบายความร้อนนี้ที่กระป๋องหรือขวดน้ำยาจะมีบอกชัดเจน? ถ้าเป็นฟอร์ดก็จะมีป้ายบอกไว้ที่ระบบหรือหม้อน้ำสำรอง? โดยให้ใช้น้ำยาของฟอร์ด? 50 %? กับน้ำสะอาด? 50 %?? เป็นต้น
-การใช้น้ำยาสีเขียว? ราคาประหยัด? ใส่เพียงกระป๋องเดียวหกเจ็หดสิบบาทนั่น? ช่วยอะไรทางด้านการลดความร้อนและการสึกกร่อนของอะลูมิเนียมผสมในเครื่องยนต์ไม่ได้หรอกครับ? เรื่องแบบนี้ไม่ควรประหยัดเพราะจะเป็นการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย? เมื่อถึงเวลาต้องซ่อมเครื่องยนต์ด้วยค่าใช้จ่ายหลาย ๆ หมื่นบาท
-อย่างน้อยก็ต้องล้างทำความสะอาดภายนอกของระบบห้ามล้อเปลี่ยนน้ำมันเบรก? และหากแช่น้ำอยู่นานก็อาจจะต้องถึงขนาดซ่อมใหญ่เบรกทั้งระบบกันเลยก็ว่าได้? ตรงนี้ไม่ต้องถึงรถจมน้ำทั้งคันหรอกครับ? แค่แช่อยู่ทั้งวันลึกท่วมล้อเท่านั้นก็ได้เรื่องแล้ว
-รถกระบะหนึ่งตันที่ชอบลุยน้ำลึก? เพราะเห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีระบบไฟฟ้าจุดระเบิด? ไม่ต้องกลัวน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแล้วเครื่องดับนั้น? ถ้าน้ำเข้าเครื่องก็เสร็จเหมือนกัน? หนักกว่ารถเบนซินด้วยซ้ำไป??? และเมื่อลุยน้ำลึกมากบ่อยเข้า? น้ำก็เข้าไปในระบบห้ามล้อจนเกิดนิม? และน้ำมันเบรกเน่าเสียไปจนห้ามล้อไม่อยู่ได้นะครับ? อย่าทำเป็นล่นไป
-อันตรายไม่ได้น้อยก่าเขาอื่นหรอก? ถึงจะขับพ้นตรงที่น้ำท่วมได้ด้วยความเร็วจนน้ำกระจายเป็นปีกไปสาดรถอื่นเขาได้สนุกดีนั่นน่ะ??? เผลอ ๆ เป็นไข้สารตะกั่วเอาแถวนั้นเลยก็ยังเคยมี
-ของที่จมน้ำแล้วอาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนเลยทีเดียวก็คือสตาร์ตเตอร์? เพราะน้ำเข้าไปนี่ฝรั่งบอกว่าซ่อมยากเสียเวลา? แต่บ้านเราคงเอาไปให้ช่างไฟฟ้าตามร้านทั่วไปล้างทำความสะอาด? ตรวจเช็กและปรับสภาพใช้ใหม่ได้? ไม่ต้องกับถึงกับต้องเปลี่ยนใหม่? แต่ต้องเอาออกมาทำแน่นอนถ้าจมน้ำครับ
-มาถึงตรงนี้? ที่หนักอีกอย่างคงจะเป็นพวกมอเตอร์ไฟฟ้าของกระจกไฟฟ้า? ที่นั่งปรับไฟฟ้า? และเสาอากาศไฟฟ้า? ตรงนี้อาจถึงกับต้องเปลี่ยนเพราะซ่อมยากไปก็ได้ครับ? หลายสตางค์อยู่เหมือนกัน? เพราะฉนั้นอย่าเที่ยวได้ขับรถลงไปแช่น้ำเล่น? ไม่สนุกเลยเมื่อขึ้นมาได้
-หมดพวกราคาแพงและเป้นปัญหาได้มาก? ก็ถึงส่วนที่มีปัญหาได้ในระดับรองลงมา? จะเปลี่ยนหรือซ่อมก็ต้องตรวจสภาพกันดูทุกส่วน? อย่าวางใจละเว้นละเป็นดี
-เริ่มที่แผ่นคลัตช์? จานคลัตช์? ลูกปืนคลัตช์? บางทีพอน้ำแห้งอาจจะทำท่าว่าใช้งานได้เหมือนเดิม? ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เท่าไรนัก? ใช้ไปไม่เท่าไรมักจะมีเสียง? และเริ่มแสดงอาการของปัญหาเกียร์เข้ายากขึ้นมาให้พบได้เสมอ
-แร็กพวงมาลัย? โดยเฉพาะพวกของพาวเวอร์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งทที่ต้องตรวจเช็ก? แม้จะเป็นความเป็นไปได้ที่จะเสียหายเป็นรองของที่บอกมาแล้วในตอนต้น? ก็มีโอกาสเสียหายได้? รวมทั้งช็กอัพตัวยาวตัวสั้นที่ใช้มานานก่อนหน้ารถจมน้ำ? ชีลกันน้ำหลวมแล้ว? น้ำเข้าได้นะครับ? ควรเปลี่ยนถ้าพบความผิดปกติหรือไม่น่าไว้วางใจ
-รีเลย์? เซ็นเซอร์ต่าง ๆ สวิตช์ไฟ? และกล่องฟิวส์ก็ต้องได้รับการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเสียหาย?? ยังทำงานได้ดี? โดยเฉพาะกล่องฟิวส์ต้องลงดินได้ดีเช่นเดิมถ้าเกิดมีการจมน้ำอยู่ระยะหนึ่ง? เอาแค่วันเดียวหรือหลายชั่วโมงก็ไม่ดีแล้วนะครับ
-จานจ่ายนี่ก็ตัวดี? ถ้าเป็นแบบใช้ทองขาวยังไม่เท่าไร?? แต่เบรกทรานซิสเตอร์ขึ้นมานี่? บางทีถึงต้องเปลี่ยนกันเลยทีเดียว? เพราะต่อไปมักทำให้เครื่องยนต์สั่นโดยไม่ทันนึกว่ามาจากตัวนี้ได้
-แผงวงจรที่ผมว่าไว้ตอนแรกนั้น? พอจะล้างได้ด้วยน้ำซึ่งทำการ DEIONIZED?? จากนั้นก็เอาไปอบที่ความร้อน? 120? องศาฟาเรนไฮต์สัก? 30? นาที? แล้วพ่นด้วยสเปรย์แล็กเกอร์เคลียร์ก่อนจะนำมาใช้ใหม่? ซึ่งก็ยังไม่แน่นักว่าจะทนทานต่อไปได้สักเพียงไร? โชคดีก็รอดตัว
-คลัตช์ของแอร์คอมเพรสเซอร์ควรได้รับการตรวจเช็กว่าใช้การได้หรือไม่
-ดวงไฟฟ้าหน้ารถก็อย่ามองข้าม? น้ำอาจจะเข้าไปค้างอยู่? เอาออกเสียให้หมดก่อนที่จานจ่ายจะกลับบ้านเก่าเพราะน้ำทำเหตุ
ที่มา http://www.nakhongarage.com
และ http://v2.one2car.com/Car2Care
-
...เยี่ยมครับหมอ...จัดเต็มสำหรับเพื่อนๆชาว HDP. มีประโยชน์มากๆครับ...ว่าแต่แถวบ้านหมอแปะยันต์ยังคับ...อิ อิ อิ... ;D nana :-* flirty
ใกล้แล้วคับว่าจะเอาไปให้ท่านผู้ว่าทำสติกเกอร์แจกแระ5555 ;D
-
(http://image.ohozaa.com/i/456/dOqhQ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/44j1i)
-
สวทช.เตือนกางเกงลุยน้ำกันไฟดูดไม่ได้ surrender stupidme
(http://image.ohozaa.com/i/52b/a6f3d.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4ts84)
สวทช.ออกประกาศเตือน กางเกงแก้วหรือกางเกงลุยน้ำป้องกันไฟดูดไม่ได้ เผยราคาขายส่งแค่ตัวละ100บาท
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ออกประกาศเรื่อง "กางเกงแก้ว" เพื่อทำความเข้าใจต่อสาธารณชน ระบุว่า ปัจจุบันมีการวางจำหน่าย "กางเกงแก้ว" หรือกางเกงลุยน้ำที่จำหน่ายทั่วไปในหลากหลายรูปแบบและราคาที่แตกต่างกันออกไปรวมถึงมีการระบุคุณสมบัติว่าสามารถป้องกันไฟดูดได้ จนทำให้มีการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก
สวทช.ขอชี้แจงว่า กางเกงดังกล่าวไม่สามารถป้องกันไฟดูดได้ เพราะแม้ว่ากางเกงแก้วจะเป็นฉนวนไฟฟ้า แต่ด้วยความบางและพื้นผิวสัมผัสกับร่างกายมาก ทำให้กระแสไฟฟ้าสลับผ่านได้ด้วยกลไกการเชื่อมต่อด้วยตัวเก็บประจุ (capacitive coupling) หากผู้สวมใส่นำไปสัมผัสตัวนำไฟฟ้าที่มีไฟรั่วก็อาจเกิดภัยต่อบุคคลนั้นได้ และกรณีที่มีรูรั่วของกางเกงแก้วหรือกางเกงลุยน้ำก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จึงขอให้ระมัดระวังการใช้งานกางเกงแก้วหรือกางเกงที่ทำเลียนแบบ
ขณะเดียวกันยังชี้แจงว่า สวทช.ได้พัฒนาต้นแบบและวัสดุให้ผู้ผลิตสามารถผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม ทำให้กางเกงดังกล่าวมีราคาขายส่งเพียงตัวละ 100 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ สวทช.โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ได้พัฒนากางเกงแก้ว (Magic Pants)ในปี 2553 เพื่อช่วยป้องกันการติดโรค เช่น ฉี่หนู น้ำกัดเท้า หรือการติดเชื้ออื่นๆที่มากับน้ำ และอนุญาตให้ภาคเอกชนนำไปผลิตเป็นจำนวนมากโดยไม่คิดค่าทรัพย์สินทางปัญญา
-
ผมเห็นขายอยู่ที่อนุเสาวรีชัยฯ ตัวละ700กว่าบาท jawdrop stupidme
-
แพทย์เตือน ทั้งชายและหญิง
ลุยน้ำนานเสี่ยงอวัยวะเพศติดเชื้อ
(http://image.ohozaa.com/i/4fa/8YKBV.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4tsm1)
แพทย์เตือน ทั้งชายและหญิง ลุยน้ำนานเสี่ยงอวัยวะเพศติดเชื้อ
จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ประชาชนต้องเดินลุยน้ำ ซึ่งทางอธิบดีกรมควบคุมโรคได้แสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะมีโรค และการติดเชื้อที่มาจากน้ำ
นายแพทย์พรเทพ ศิรินารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ให้ประชาชนระมัดระวัง อาจมีการติดเชื้อบริเวณช่องทวาร ทางเดินปัสสาวะ และอวัยวะเพศ ทั้งหญิงและชาย ซึ่งผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือนเป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด ง่ายต่อการที่เชื้อโรคต่างๆ จะเข้าทางช่องคลอด หากมีการลุยน้ำท่วมโดยไม่ใส่กางเกงพลาสติกกันน้ำ จะมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อแบคทีเรียทางช่องคลอดได้
ขณะที่ผู้ชาย ซึ่งผิวหนังบริเวณอัณฑะจะบางมาก หรือแม้แต่อวัยวะสืบพันธ์โดยตรงก็ตาม เมื่อต้องแช่น้ำนานๆ จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งหากเกิดการอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ ให้สังเกตอาการ เช่นมีอาการคัน แสบร้อน เป็นแผล ให้รีบไปพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์พรเทพกล่าวว่า หากต้องลุยน้ำก็ควรรีบล้าง ทำความสะอาดด้วยสบู่ และเช็ดให้แห้ง ป้องกันการติดเชื้อโรค
-
ู^
^
หลายท่านอาจตื่นกลัวโดยเฉพาะสาวๆ มันไม่ได้ติดเชื้อง่ายขนาดนั้นนะครับอย่าวิตกไปขอแค่ว่าถ้าลุยน้ำกลับบ้านไปก็อาบน้ำ(สบู่ธรรมดานี่แหละครับ)ล้างเนื้อล้างตัวและตรงนั้นให้สะอาดไม่ต้องหาน้ำยามาสวนล้างเดี่ยวจะกลายเป้นติดเชื้ออักเสบเพราะการสวนล้างช่องคลอดแทนครับ
สรุปลุยได้แต่กลับบ้านอาบน้ำให้สะอาดครับ ;D
-
โรคเล็ปโตสไปโรซีส (โรคฉี่หนู)
ตอนนี้สาธารณะสุขออกมาเตือนแล้วนะครับเนื่องจากน้ำที่ขังเริ่มเน่าเสียมากขึ้นเรื่อยๆ+หนูออกหากิน
ซึ่งจากการวิจัยพบว่าหนู2ใน3ที่พวกเราพบนั้นมีเชื้อที่ทำให้เป็นโรคฉี่หนูครับ
แล้วในช่วงน้ำท่วมนี้พบว่าคนไทยมีอัตราการติดเชื้อที่สูงขึ้น50%เลยทีเดียว :P
วันนี้เลยหาข้อมูลโรคฉี่หนูมาฝากครับ ใครลุยน้ำหรือปล่อยให้ลูกเล็กเด็กแดงทั้งหลายเล่นน้ำ
โปรดระวังด้วยผมเห็นแล้วเป็นห่วงจริงๆครับ ambulance
(http://image.ohozaa.com/i/5b4/JXTbH.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4vok3)
(http://image.ohozaa.com/i/2ab/Mvxac.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4vok8)
ใช้รองเท้าป้องกันโรคฉี่หนูง่ายนิดเดียวครับ
(http://image.ohozaa.com/i/4aa/wVw5z.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/4voke)
-
ได้ความรู้เรื่องการป้องกันน้ำท่วมและเกี่ยวกับโรคภัยที่มากับน้ำมากมายเลยครับ ขออนุญาตเอาไปแชร์ที่อื่นนะครับ
-
(http://image.ohozaa.com/i/9aa/dgktq.gif) (http://image.ohozaa.com/view/217v)
-
headbang headbang สุดยอดพี่