Harley Davidson Playground Forum
General Talk => Trip Talk => ข้อความที่เริ่มโดย: Keng CoffeeBikers ที่ มกราคม 18, 2010, 10:47:50 AM
-
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มที่หน้าร้าน Coffee Bikers ซึ่งเป็นเหมือนบ้านที่อบอุ่นของพวกเราทุกคน ในวันที่ 2 ธันวาคม 2552 เรานัดกันเวลา ตี 5 เพื่อจะออกเดินทางจากภูเก็ต ไปนอนที่สุพรรณบุรีในคืนแรกตามแผนที่วางไว้ เพื่อที่จะไปถึงสุพรรณไม่ค่ำมากเผื่อว่าจะได้เยี่ยมชมความสวยงามของเมืองสุพรรณบ้าง แต่ในที่สุดเราก็ได้เริ่มต้นการเดินทางเวลาประมาณ 6 โมงกว่าเพราะบางคนต้องเตรียมของบ้าง, เติมน้ำมันบ้าง, โทรบอกกิ๊กบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของชาว Coffee Bikers ที่มีใจมุ่งมั่น กระเหี้ยนกระหือรือ ในการที่จะพิชิต เชียงใหม่ให้ได้ นำทีมโดย โกศักดิ์ ,พี่สมคิด,พี่โอ่ง,พี่ดี้,โกสันต์,และน้องเก้ง(ผมเอง) พร้อมทั้งทีมรถ Service ที่จะคอยดูแลให้เราอุ่นใจไปตลอดเส้นทาง ประกอบด้วย พี่กี้ , ช่างตู่ ,และน้องเอิง (ผบ.ทบ.(ผู้บัญชาการที่บ้าน)ของช่างตู่) หลังรถ Service ยังมี Sporter 1200 ของพี่บอย ที่ฝากไปเชียงใหม่ด้วย เนื่องจากเจ้าของรถติดภารกิจ พันล้าน ไม่สามารถเดินทางไปพร้อมกับพวกเราได้แต่ก็มีความตั้งใจที่จะร่วมในทริปนี้อย่างมากเพราะกว่าจะขออนุญาตเมียได้ใช้เวลาเป็นเดือน ก็เลยจะนั่งเครื่องบินตามไปในภายหลัง (แหมพี่บอยนี่ตั้งใจจริงๆเลยนะ!!)
วันที่ 2 ธันวาคม 2552 ออกเดินทางจาก หน้าร้าน Coffee Bikers ไปได้สักสองชั่วโมงกว่าๆ จุดแรกที่เราพักกินข้าวเช้าก็คือ OTOP สุราษฎร์ ผมรู้สึกหิวมากเพราะตั้งแต่ตื่นนอนมาไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเพราะร่างกายยังไม่คุ้นกับการตื่นนอนตอนเช้าตรู่สักเท่าไร หลังจากท้องอิ่มล้อก็เริ่มหมุน ใช้ความเร็ว ประมาณ 130- 140 แล้วแต่สภาพถนน แวะเติมน้ำมัน กินกาแฟ อีกสักประมาณ 5-6 ครั้ง ผ่านเส้นทางที่เราชินตา จนมาถึงสุพรรณบุรีในเวลาค่ำช้ากว่ากำหนดการเล็กน้อย ด้วยสภาพที่เหนื่อยกันพอสมควร เลยไม่มีเวลาในการเที่ยวชมเมืองสุพรรณอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่เป็นไรเราคิดว่าโอกาสหน้าเราจะต้องมาสุพรรณอีกครั้งอย่างแน่นอน พอเดินทางถึงในเมือง พี่ๆบางคนก็แวะทักทายเพื่อนเก่าที่เป็นกระเทย บริเวณปั๊ม ปตท. แล้วก็เข้าโรงแรมเพื่ออาบน้ำ แต่ต้องรีบกันหน่อยเพราะทางพี่สมคิดนัดทานข้าวกับเจ้าถิ่น คุณช้าง Freemanไว้เกรงว่าเขาจะรอเรานาน อารหารที่สุพรรณอร่อยมาก โกสันต์ เลยสั่งลูกเดียวสงสัยคิดว่าเรามากัน 30 คน จนในที่สุดถึงแม้ว่าอาหารจะอร่อยเพียงไรก็ไม่มีความสามารถจะกินหมด ก็เลยต้องหิ้วใส่กล่องกลับไปโรงแรมตามระเบียบ หลังจากทานข้าวเสร็จก็กลับมานั่งพูดคุยกันบริเวณหน้าโรงแรมสักพักใหญ่ พี่สมคิดเริ่มหิวอีกเลยแอบชวนผมออกไปกินบะหมี่อีกรอบ แหมกินจุจริงๆ!! พอได้เวลาอันสมควรก็แยกย้ายกันสวดมนต์และเข้านอน รวมระยะทางที่ขี่มาทั้งวันประมาณ 900 กว่าโล
วันที่ 3 ธันวาคม 2552 หลังจากตื่นนอนก็เช็คเอาท์ กินบุฟเฟต์ ของโรงแรมในมื้อเช้า ช่างตู่ก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน มาคอยตรวจสภาพความพร้อมของรถทุกๆคัน ปัญหาอยู่ที่รถคันที่ผมขี่มีน้ำมันเครื่องรั่ว ทำให้น้ำมันเครื่องขาดไปมากเลย แต่ช่างตู่ก็แก้ไขให้เรียบร้อย หลังจากนั้น พวกเราก็เดินทางไปยังบ้านของช้าง Freeman เพื่อจะเปลี่ยนผ้าเบรคหลังรถ Fat boy 105 ปีของพี่โอ่ง ณ.ที่นี้เราใช้เวลากันนานเกินคาดเพราะพี่ๆเขาลุ่มหลงกับของแต่งอยู่เป็นนานสองนานโดยเฉพาะ แป๊ะ หรือหรือโกศักดิ์ ของพวกเรา รู้สึกว่าจะโดนไปหลายหมื่น ในระหว่างที่รอ โกศักดิ์ กับ พี่โอ่งแต่งรถอยู่นั้น ผม, พี่ดี้, โกสันต์ ก็เลยหันไปเล่นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเด็ก เพื่อฆ่าเวลา จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงเราก็หิวกันอีกแล้ว คุณช้าง Freeman ก็เลยแนะนำร้านอาหารป่าข้างบ้าน ทุกคนติดใจอาหารร้านนี้เป็นอย่างมาก จนพูดกันให้ได้ยินตลอดการเดินทางเลยที่เดียว หลังจาก ท้องอิ่ม รถสวย เบรคดี แล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อมุ่งหน้า อ.แม่สอด ขับไป จอดไป กินไป เหมือนเดิม อากาศก็ร้อนพอสมควร จนมาถึงทางแยกไปแม่สอดในตอนเย็น เป็นทางขึ้นเขาอากาศเริ่มเย็น บรรยากาศรอบตัวก็เริ่มต่างออกไปจากเดิมรถเริ่มน้อย มีเขา มีป่า ทางก็มีโค้งมากขึ้นทำให้รู้สึกหายเหนื่อยและตื่นเต้น เราจอดพักรถและถ่ายรูปกันบนเขาประมาณ 2-3 ครั้ง ก็เดินทางเข้าสู่ อ.แม่สอดในตอนเย็น เราได้เจอกับ Bikers กลุ่มอื่นๆที่เดินทางมาพักที่แม่สอดหลายคัน เวลาขับสวนกันก็บีบแตร ยกมือโบกทักทายกันตามประสา ทำให้รู้สึกอบอุ่น เรามีปัญหาเรื่องที่พักอยู่สักพักเพราะโรงแรมเต็ม พี่โอ่ง และคนอื่นๆก็ได้พยายาม โทรสอบถามข้อมูลจากผู้รู้ในพื้นที่ จากความพยายามจนในที่สุดเราก็ได้เข้าพักที่โรงแรมที่สวยบรรยากาศดี เหมือนเดิมครับได้เวลาหิวกันอีกแล้วครับท่าน มื้อนี้พี่ดี้ขอแนะนำร้านอาหารชื่อร้าน ข้าวปุ้น-ข้าวฝ้าง อะไรนี่แหละก็เลยรีบไปเพราะหิวเต็มทีแต่ไม่รู้ว่าหิวกันจนตาลายหรืออย่างไร ไปขับรถวนวงเวียนกันอยู่ สองสามรอบ หาทางไปไม่ถูก แต่ในที่สุดก็ไปถึงและคุ้มค่ากับการหลงทาง อาหารอร่อย แถมแป๊ะ ยังสั่งน้ำปั่นเย็นๆมากินโชว์ ท้าทายอากาศหนาว ซะงั้น (เจ๊งจริงนะแป๊ะ) ณ.ที่รานนี้เราได้พบกับพี่คนหนึ่งซึ่งเป็น เจ้าของร้านอาหารปากน้ำ ที่ จ.ระนอง ซึ่งพวกเราก็จะไปกินที่ร้านพี่เขาทุกครั้งที่ไประนอง เขามากับเพื่อนและจะไปปายในวันรุ่งขึ้นเหมือนกับเรา ทักทายกันได้สักพักอาหารก็หมดเรากอิ่มกันพอดี ก็เลยขับรถเข้ามาในตัวอำเภอ แวะเดินเที่ยวในงานซื้อของกันสักพัก ก็กลับไปนั่ง ทำข่าวประจำวันกันที่โรงแรม คืนนี้แป๊ะมีปัญหาเรื่องระบบไฟของรถนิดหน่อยก็เลยมัวแต่ซ่อมรถ ก้มๆเงยๆ จนไม่ได้ร่วมทำข่าวกับคนอื่นในรอบแรก ต้องรอซ่อมรถเสร็จจึงได้ตามมาทำข่าวทีหลัง เมื่อได้เวลาอันสมควรหมดเรื่องทำข่าว อากาศก็หนาว ก็เลยแยกย้ายกันเข้านอน
วันที่ 4 ธันวาคม 2552 เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามาก ช่างตู่ก็ มาคอยตรวจสภาพความพร้อมของรถเหมือนทุกวัน หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเราก็เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปอยู่พักใหญ่เพราะดอกไม้ที่ทางโรงแรมปลูกไว้ สวยเกินห้ามใจ 9.30 น.เป็นเวลาที่เราออกจากโรงแรม เติมน้ำมัน และรอพี่สมคิดกับโกสันต์ที่แวะไปซื้อยาอยู่สักพักก็พร้อมเดินทางสู่ อ.ปาย เมืองในฝันของใครหลายๆคนรวมถึงพวกเราด้วย เราใช้เส้นทาง แม่ระมาด แม่สะเรียง เป็นเส้นทางที่สวยงามและท้าทายถนนแคบ ถนนดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เราไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก แวะถ่ายรูปกับหลักกิโลเมตรยักษ์ จนได้กินข้าวเที่ยงที่ แม่สะเรียง ตอนบ่าย 2 โมง เสร็จแล้วก็แวะกินกาแฟกันอีกรอบ ถ่ายรูปคู่กับชิงช้าคนเผ่า จนอาหารเริ่มย่อย แล้วค่อยขี่รถลัดเลาะไหล่เขา ทีละกิโลเมตรด้วยความระวัง ช่วงนี้ โกศักดิ์ กับ พี่โอ่งเทโค้งจนไฟแล็บเป็นว่าเล่น จนมาถึง แม่ฮ่องสอนเวลาประมาณ 6โมงเย็น เหลือระยะทางอีกประมาณ 100 โลจะถึง ปาย เราหยุดคิดกันพักหนึ่งว่าเราจะไปต่อหรือพักที่แม่ฮ่องสอน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปโดยรวดเร็วว่า “ไปปาย” ทางช่วงนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งที่อันตรายมากเพราะเราไม่ชำนานเส้นทางและยังต้องขี่ขึ้นเขาที่มีแต่โค้งในเวลากลางคืนด้วย อากาศก็หนาวมาก ถนนก็ลื่นมากเพราะมีหมอกลงขนาดว่าระวังแล้ว ยังเกือบ กลิ้ง สู้ ฟัด กันหลายครั้งแต่ก็รอดกันมาได้โดยปลอดภัยถึง ปาย ในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม นิดๆ คืนนี้มีที่พักแน่เพราะโทรจองแล้ว แต่ปัญหาก็คือ “มันอยู่ไหนว่ะ” หากันพักนึงจนไปจอดอยู่ที่ถนนมืดๆ พอดีมีชาวบ้านผ่านมาเขาก็เลยนำทางไป ที่พักที่นี่ไม่ค่อยดีเท่าไร่ ราคาก็แพงเกินไป ก็เลยให้ โกสันต์ ไปเจรจากับคนที่ดูแล คุยไปคุยมาดูท่าว่าจะไปกันใหญ่เพราะเขาเป็นพม่า ฟังไม่ค่อยเข้าใจ เล่นเอาโกสันต์ ปวดหมองไปเลย เออเอาว่ะพักก็พักไม่ต่อราคาแล้ว
เก็บของเสร็จเราก็รีบบึ่งกันไปที่ถนนคนเดิน “โอ๊ว...แม่เจ้า” สาวๆสวยๆน่ารักทั้งนั้นเลย พวกเราแยกย้ายกันเดินต่างคนต่างหาของไปฝากคนที่บ้านกันวุ่นวาย ส่วนผมไม่มีสาวๆให้ซื้อของฝาก ก็เลยไปยืนหลีแม่ค้าขายผ้าพันคออยู่พักใหญ่ พอหิวก็กินโรตี กับโกศักดิ์ พร้อมกับถ่ายรูปเก็บความประทับใจไปพรางๆ ผมได้ข่าวว่าพี่สมคิดและคนอื่นๆ ก็ไปกินขนมจีนน้ำเงี๊ยว ข้าวซอย อยู่อีกร้านนึง ผมกินโรตีเสร็จก็เลยรีบตามไปกินขนมจีนน้ำเงี๊ยว อีกจานก็อิ่มพอดี
จนเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ ถนนคนเดินเริ่มไม่ค่อยมีคนเราจึงไปนั่งคุยกันเบาๆที่ร้านแห่งหนึ่งเพราะไม่รู้จะไปไหน ที่ร้านแห่งนี้เราได้พบกับ เจ้าของร้านอาหารปากน้ำ ที่ จ.ระนอง อีกครั้ง นั่งทำข่าว กันตามประสาคนเดินทางสักพักก็แยกย้ายกันไปนอน
วันที่ 5 ธันวาคม 2552 ตื่นนอนตอนเช้าพร้อมอากาศที่หนาว อย่างแรกที่ต้องทำก็คือโทรไปหา ปาป้า ซะหน่อย เพราะวันนี้เป็นวันพ่อ วันนี้ตอนเช้าอากาศหนาวมากแต่พอเริ่มอาบน้ำเท่านั้นความหนาวเหน็บทั้งหมดก็หมดไปเพราะน้ำที่โรงแรมร้อนมาก ร้อนขนาดว่าเปิดน้ำจากก๊อกมาชงกาแฟได้เลยทีเดียว ถ้าไม่ระวังอาจจะได้กินไข่ลวกโดยไม่ตั้งใจได้ จึงต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นอย่างมากกว่าที่จะอาบน้ำได้สำเร็จ หลังจากเช็คเอาท์ได้ไม่นานเราก็ไปหาอะไรกินในตลาด มื้อนี้แยกๆกันไปใครพอใจกินอะไรก็จัดไป ผมกับแป๊ะ กินข้าวต้ม พี่โอ่งกับคนอื่นๆแยกไปกินติ่มซำ ซื้อของ ถ่ายรูป เป็นที่ระลึก หิ้วของฝากกันพันละวัน เดินเก็บเกี่ยวบรรยากาศแบบไม่ต้องรีบ เพราะตามแผนวันนี้เราจะเข้าไปที่เชียงใหม่ ซึ่งระยะทางไม่ไกลไม่ต้องรีบ พอได้เวลาอันสมควรเราก็ออกเดินทาง ทิ้ง ปายไว้เบื้องหลัง โชคดีที่เราลงจาก ปายในวันนี้เพราะระหว่างที่ขี่รถลงมามีนักท่องเที่ยวสวนขึ้นไปเยอะมากเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว พี่สมคิดบอกว่านับรถตู้ได้นาทีละร้อยคันทีเดียว คาดว่าคนที่ขึ้นไปน่าจะเป็นหมื่นๆคนเลย คงจะแออัดน่าดู แวะจุดชมวิวกินกาแฟตามสูตร อิ่มแล้วลงจากเขาเข้าเชียงใหม่ถึงโรงแรมที่แม่ริม ประมาณ ตอนบ่าย พอถึงโรงแรมได้สักพักเราก็มีทีมที่ตามมาสมทบ ก็คือ พี่บอย(เจ้าของ Sporter 1200 หลังรถ Service นั่นเอง) ,โกเอก , โกจ้อง และทีมงานของ พี่ตี๋ ,โกไข่ พร้อมรถ Service อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาทันที หลายคนรวมทั้งผมด้วยถือโอกาสนี้นอนหลับเอาแรง บางคนก็มีความสุขกับการ Drink ส่วนโกเอก โกจ้องและช่างตู่ ก็ขมักเขม้นกับการ เก็บรายละเอียด ตกแต่ง RoadKing 105 ปีคันงามของโกเอก จนลืมกินข้าวกันเลยทีเดียว พอตกเย็นทุกอย่างพร้อมเราก็ตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อนซี้ของพี่โอง ชื่อพี่บอย ซึ่งเขาเป็นคนพื้นที่ และเขาจะพาเราไปกินข้าวเย็นที่เขารับรองว่าเด็ดสุด ใช้เวลารอไม่นานพี่บอยก็มาและโกศักดิ์ ก็ยอมยกตำแหน่งผู้นำให้กับพี่บอยเป็นการชั่วคราว ใช้เวลาไม่นานก็ถึงร้านอาหาร เป็นจริงอย่างที่เขากล่าวอ้างอาหารอร่อยจริงๆ ทุกคนไม่คิดมาก กินๆๆๆ จนอิ่ม คราวนี้ก็จะไปเข้างาน เชียงใหม่ Bike Week กันละ เรายังคงต้องอาศัย พี่บอยเป็นผู้นำทางอีกเช่นเคย ระหว่างที่ออกจากร้านไปงานความสับสนเล็กน้อยก็เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากว่า โกเอก แกลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่ร้านแล้ว ก็ต้องกลับไปเอา ก็เลยสับสนหลงทางกันเล็กน้อยพอให้มีประเด็นเก็บมาเล่า ในที่สุดเราก็หากันเจอครบทุกคนและก็เข้าไปในงานพร้อมๆกัน ก็เหมือนเดิม แป๊ะ ไม่รีรอเริ่มช๊อปทันที โกสันต์ ก็ไม่น้อยหน้า พี่โอ่ง ก็ไม่ยอมแพ้ กลัวว่า Fat Boy 105 ปีของ แป๊ะ ซึ่งเป็นคู่แฝดจะสวยกว่า ของตัวเองก็เลยต้องหาของแต่งมาใส่ให้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ส่วนผมก็เดินดูสาวๆ แบบไม่เสียตังค์สักบาทเหมือนเดิม เดินจนเมื่อยก็กลับมานั่งที่รถ พอดีเพื่อนผมที่เป็นคนเชียงใหม่มาเจอก็เลยได้คุยกันสักพักพอหายคิดถึง จนเวลาล่วงเลยมาพอสมควรทุกคนพร้อมจะกลับแล้วแต่ยังตามหาอาแป๊ะไม่เจอ ปรากฏว่าแป๊ะเรายัง ช๊อปไม่เสร็จ เลยต้องส่งหน่วย อรินทราชไปเชิญตัวมา พี่บอยก็ใจดีนำทางเรากลับมาที่โรงแรมอีกแล้ว และเราก็ได้พบกับเพื่อนเก่าที่นัดกันไว้ก็คือ พี่หนึ่ง เขาขี่รถมาคนเดียวจากชลบุรีถึงเชียงใหม่เพื่อร่วมทริปกับเราตามที่สัญญากันไว้ตั้งแต่แรก (น่านับถือน้ำใจจริงๆ) ขณะที่เรากำลังพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกับ พี่หนึ่งอยู่นั้น พอหันมาอีกทีก็เห็น อาแป๊ะ กำลัง ตะบี้ตะบันเอาของแต่งที่เพิ่งซื้อมาจากในงาน ใส่เข้าไปที่รถโดยความช่วยเหลือของช่างตู่ ยืนเมาท์กันอยู่สักพัก Fat Boy 105 ปีของ แป๊ะก็สวยขึ้นทันตาเห็นราวมีปาฏิหาร ด้วยของแต่ง เมื่อแป๊ะพร้อมทุกคนก็พร้อม ออกไปหาของกินอีกแล้ว แต่ในคืนนี้ผมขอตัวไม่ไปเนื่องจากนัดเพื่อนไว้คุยธุระที่โรงแรม สักครู่ใหญ่ๆผมก็ได้ยินเสียงขบวนรถกลับมา พี่โอ่งก็มาเคาะประตูห้องผมเพื่อทักทายกับเพื่อนผมคำสองคำ ก็แยกย้ายกันไปนอน เสียดายที่เพื่อนของผมรีบกลับ แต่ก็ไม่เป็นไรโอกาสหน้าก็ค่อยคุยกันใหม่
วันที่ 6 ธันวาคม 2552 ทุกคนตื่นมาก็เก็บของ เช็คเอาท์แล้วก็กินข้าวต้มที่ทางโรงแรมจัดให้ เราทำอย่างนี้ทุกวันจนทุกคนเริ่มคุ้นเคย ช่างตู่ก็ยังคงดูแลรถทุกคันเหมือนกับทุกๆตอนเช้า แต่รู้สึกว่าโกเอกยังไม่ค่อยปลื้ม กับเจ้าRoadKing 105 ปีเท่าไร่ขอเก็บงานอีกนิดหน่อย ผมกับโกสันต์เลยอาสาขับรถไปซื้อของให้ ทำไปทำมาผมไปหลงเชียงใหม่กลับไม่ถูกซะงั้น กว่าจะถามทางชาวบ้านกลับมาถูกก็สายโด่ เลยออกเดินทางกันตอนเที่ยง จุดหมายของพวกเราก็คือดอยอ่างขาง แต่ก่อนไปพี่หนึ่งขอเวะซื้อของฝากให้ทางบ้านเพื่อเป็นหลักฐานว่ามาถึงเชียงใหม่แล้วจริงๆ ระหว่างทางเราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.เชียงดาว ได้เจอกับกลุมรถ สปอร์ต กลุมใหญ่ ทำให้ทั้งปั๊มเต็มไปด้วย Bikers พวกเราเอารถมาจอดเรียงกันเพื่อต้องการถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่มีตากล้อง ผมเลยอาสาไปหาตากล้องจำเป็นแสนสวยมาถ่ายให้ แหม!!หน้าตาก็สวยดีแต่ถ่ายรูปไม่ได้เรื่องเลย แต่ช่างเถอะเขาคงเห็นพวกเราหล่อๆทั้งนันเลยเกร็งทำให้รูปไม่สวย จนเวลา บ่ายโมงนิดๆ เราก็ออกจากปั๊ม เส้นทางขึ้นดอยอ่างขางแคบและเป็นทางขึ้นเขา มีเหวลึกอยู่ข้างทาง เราก็ขี่แบบไม่รีบร้อน เหมือนคนหาบ้านเช่า จนเวลาบ่าย 2 โมงกว่าก็มาถึงสถานที่ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของกองทัพจีน ก็คือ ถ้ำงอบ เราพักรถเพื่อกินข้าว ที่นี่ขาหมูพะโล้ อร่อยมาก ระหว่างนั้นมีนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาแวะทักทายกับพวกเราและขอถ่ายรูปกับรถเป็นจำนวนมาก เขาถามเราว่ามาจากไหนพอเราตอบว่ามาจากภูเก็ต เขาก็ตกใจแล้วพูดเหมือนๆกันว่า โอ้โฮ มาไกลมากเลย ทำให้เราเป็นที่สนใจมากขึ้นไปอีก แต่ทุกคนก็ไม่ลืมที่จะอวยพรให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพ น่าประทับใจจริงๆ เราเดินทางต่อโดยผ่านทางที่เป็นเขาสูงชันขึ้นไปเรื่อยๆอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นทุกทีช่วงนี้เราขี่กันห่างๆและไม่รีบเพื่อให้ได้สำผัสกับบรรยากาศ ทิวทัศน์ ที่สวยงาม ให้เต็มอิ่ม ผมใช้ความเร็วแค่ 40-50 กม./ช.ม. เท่านั้น เผลอเผล็บเดียวเราก็มาถึง ดอยอ่างขาง โดยไม่รู้ตัว วันนี้ขี่รถมีความสุขมากไม่รีบ ไม่เหนื่อย เอ้ามาถึงกันแล้วก็ถ่ายรูปกันตามธรรมเนียมแล้วก็จัดแจงหาที่พัก วันนี้เรามากันเยอะมากที่พักที่จองไว้ดูจะคับแคบไป โกสันต์ก็เลยหาที่ให้ใหม่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเราเหมาทั้งหลังเลย แต่ผม โกเอก และโกจ้อง กลัวว่า จะนอนแล้วอึดอัดเพราะเราตัวใหญ่ จึงเช่าเต็นท์มากาง แล้วนอนกัน 3 คน โอเคเรื่องที่พักเสร็จเรียบร้อย ผมกับพี่โอ่งได้อาบด้วยน้ำที่เหมือนเพิ่งเอาออกมาจากในตู้เย็นเลย เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นแก๊สหมด ทำยังไงก็ไม่ร้อน เอาว่ะอาบก็อาบ อาบเสร็จเกือบเป็นตะคริวเลย ต่อไปก็เรื่องกินเราลงไปกินข้าวกันตอนหัวค่ำ อากาศหนาวมากหนาวกว่าที่ปายเยอะ กินเสร็จซื้อของฝาก ผมรีบขึ้นมาบนบ้านเพราะหนาว พี่ๆบางคนก็ไปผิงไฟชมสาวๆอยู่ในตลาด โทรไปตามก็ไม่ยอมขึ้นมา จนข้างล่างไม่มีสาวๆทุกคนก็พร้อมกันที่บ้านพัก ทำกิจกรรมแก้หนาวร่วมกัน กิจกรรมที่ว่าก็คือ ดูดวงแก้หนาว ซึ่งคืนนี้มีพี่สมคิดกับโกสันต์ ขันอาสาเป็นพ่อหมอดูดวงให้พวกเรา ดูกันไปดูกันมาสักพัก ผลปรากฏว่า เราดวงดีทุกคน ยกเว้น พี่สมคิดกับโกสันต์ ดวงการเงินไม่ค่อยดีเท่าไร่ แต่ถือว่าฟาดเคราะห์เอาไว้ดูใหม่ทริปหน้าแล้วกัน ได้เวลาพอสมควรก็เข้านอน
วันที่ 7 ธันวาคม 2552 ตอน 8โมงเช้า อากาศยังหนาวอยู่ อุณหภูมิไม่ถึง 10 องศา ผมตื่นเพราะความหนาว รีบทำธุระแล้วไปจุดนัดพบก็คือที่ที่เราจอดรถซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร พอพร้อมกันหมดทุกคน พวกเราเข้าไปชมดอกไม้ที่โครงการหลวง และกินข้าวเช้ากันที่นี่ ยกเว้นโกสันต์ มีงานเข้า ต้องโทรเคลียงานเลยไม่ได้เข้าไปกับพวกเรา จนเวลาประมาณ 11 โมง ก็ลงจากดอยอ่างขางมุ่งหน้าไปแม่สาย ส่วนทีมของพี่ตี๋ไปอีกทางหนึ่งก็เลยแยกกันตรงจุดนี้ วันนี้เป็นวันที่พี่หนึ่งมีปัญหามารบกวนใจทั้งวัน เริ่มจากตอนเช้า ลืมเสื้อกั๊กตัวโปรดไว้ที่โรงแรมต้องรีบวนรถกลับไปเอา แต่ยังโชคดีที่เสื้อตัวโปรดไม่หายไปไหน ดีใจเรื่องเสื้อได้สักพักมีปัญหาเรื่องท่อรถหลวมมากวนใจอีก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหนัก โชคดีที่เรามีรถ Service มาด้วย ขี่ไปจอดซ่อมกันไปตลอดทาง จนถึงแม่สายประมาณบ่าย 3 โมง เรารีบทำใบผ่านแดนเพื่อจะเข้าไปซื้อของฝั่งพม่า เข้าไปถึงก็หายกันไปหมดต่างคนต่างซื้อ เสื้อ Harley บ้าง นาฬิกา Rolex บ้าง แว่นตา บ้าง ก็ว่ากันไป 6 โมงก็ได้เวลาขนของกลับฝั่งไทย
ตามแผนเราจะพักกันที่แม่สายแต่เห็นยังมีเวลาก็เลยเปลี่ยนใจไปนอนกันที่เชียงรายดีกว่า ว่าแล้วก็บึ่งกันมา 60 กว่าโลไม่นานก็มาถึงโรงแรม วันนี้มีเจ้าถิ่นพาไปกินข้าวอีกแล้วครับ เจ้าถิ่นที่ว่าเป็นเพื่อนของ แป๊ะ นี่เอง กินกันไปแซวเด็กเสริฟกันไปสนุกสนานกันไป อิ่มแล้วต้องรีบกลับเพราะเรามีนัดกับเพื่อนที่โรงแรม กลัวเขาน้อยใจไม่รอเราเลยต้องรีบกลับ วันนี้ผมเข้านอนเร็วก็เลยไม่มีเรื่องเล่าต่อ
วันที่ 8 ธันวาคม 2552 ออกจากโรงแรมเวลาประมาณ 9 โมงกว่า เข้าไปที่ตลาดหาข้าวแกงกินและสิ่งที่ลืมไม่ได้คือกาแฟของโปรด อิ่มแล้วก็เดินทางต่อเวลาประมาณ11โมง เดินทางถึงวัดร่องขุ่น ที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก จอดรถเข้าไปเดินเที่ยวผมยืนตกตะลึงกับความสวยงามของศิลปะผลงานของอาจารย์เฉลิมชัยอยู่พักใหญ่ คิดได้อย่างเดียวว่าอลังการจริงๆแม้กระทั่งห้องน้ำยังสวยแทบไม่กล้าฉี่เลย จนเวลาประมาณเที่ยง วันนี้พี่โอ่งดูอาการไม่ค่อยดีสักเท่าไร่เหมือนจะไม่สบายแต่พี่โอ่งบอกว่า โอเคยังไหวอยู่ ทุกคนก็หมดห่วง และเราก็ได้เวลาเดินทางกันแบบช่วงยาวๆ ขี่กีนรวดเดียวจนถึงกว๊านพระเยาเวลาบ่ายโมงครึ่ง กินข้าวเสร็จ ใช้เวลาไม่นานต้องรีบไปเพราะวันนี้เป้าหมายของเราคือพิษณุโลก ขี่ไปจอดไปแบบทำเวลา จนมาถึงเมืองสองแควเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆเก็บของที่โรงแรม แล้วออกไปหาข้าวกินเสร็จแล้วกลับมาตั้งหลักที่โรงแรม คืนนี้พี่หนึ่งยุงกว่าใครเพื่อนมีนัดทั้งคนรู้จักที่ร้านอาหารมีนัดทั้งที่โรงแรม วิ่งไปวิ่งมาเพื่อนที่นัดไว้ที่โรงแรมหายไปเฉยเลย สงสัยเขาน้อยใจรอนาน ก็อย่างนี้แหละนะคนเพื่อนเยอะ และที่โรงแรมนี้เราได้พบกับ Bikers อีกทีมหนึ่ง พี่เขาขี่ BMW GS มาจากอยุธยาไปเที่ยวเหนือเมือนกัน ก็ได้ทักทายทำความรู้จักกันไว้ ส่วนโกจ้อง โกเอก พี่โอ่ง รวมถึงแป๊ะ เข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำสงสัยเหนื่อย โกสันต์กับพี่สมคิดก็ได้ปลีกตัวออกไปนั่งกินลมเป็นเพื่อน รปภ. ของโรงแรมบริเวณประตูทางเข้าคอยสังเกตุดูคนที่เข้าออกว่าใครมีพิรุธบ้าง ช่วย รปภ. ดูรถทุกคันที่เข้ามาผมกับพี่ดี้ เห็นว่าน่าสนใจก็เลยตามไปสมทบ นั่งคุยโน่นนี่นั่นกันสนุกสนาน นั่งได้สักพัก ยุงกันก็เลยเข้านอนดีกว่า
วันที่ 9 ธันวาคม 2552 วันนี้ก็เหมือนๆกับตอนเช้าทุกวัน รีบอาบน้ำแต่งตัวเก็บของ เช็คเอาท์เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง พอลงมาที่รถเห็นพี่ๆเขาล้างรถกันอยู่ก็เลยล้างกับเขาด้วย พอล้างเสร็จก็เข้าแถวถ่ายรูปกันอีกครั้ง หลังจากพิธีการเสร็จก็มุ่งหน้าหาของกินวันนี้เป็นข้าวมันไก่ร้านเพื่อนของพี่ดี้ เจ้าของร้านใจดีมากหลังจากเรากินเสร็จก็ได้พาเราไปที่วัดใหญ่ ไหว้พระพี่โอ่งกับ โกเอก ก็ได้เช่าพระพุทธชินราชกลับมาด้วยสมความตั้งใจ ได้เวลาอันสมควรก็ลาจากเมืองสองแคว มุ่งหน้ากลับบ้าน ขี่มาได้สักพักก็แวะกินข้าวแกงที่ปั๊มแบบไม่มีพิธีรีตรอง วันนี้ไม่คิดอะไรมากขี่เอาระยะทางกันอย่างเดียว บางช่วงใช้ความเร็ว 170-180 เลยทีเดียว เราก็ได้แยกกับพี่หนึ่ง ก่อนทางแยกไปสุพรรณบุรีเพราะเขาต้องกลับไปชลบุรี จนตอนบ่ายๆเราถึง สุพรรณบุรี อีกครั้งทุกคนก็ใจตรงกันว่าน่าจะแวะกินข้าวที่ร้านเดิมข้างบ้าน ช้าง Freeman และโกเอกก็ถือโอกาส ซื้อผ้าเบรคติดมือมาอีก 2 คู่ ราคาเบาๆ 7 พันกว่าได้มั้ง หลังจากอร่อยสมใจอยากแล้วก็ใช้ Concept เดิมก็คือขี่เอาระยะทางอย่างเดียว จนในที่สุดเราก็มาถึงเพชรบุรีในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม พอถึงก็กินข้าวกันแถวๆโรงแรมนั้งทำข่าวกันตามเคย แซวเด็กเชียร์เบียร์ เด็กเสริฟ พอให้มีสีสรร คืนนี้พี่โอ่งออกอาการว่าถ้าโกศักดิ์ไม่นอนเป็นเพื่อนก็จะไม่ยอมนอนคนเดียว แล้วมาบอกตอนเช้าว่าพี่โอ่งแกเจอ มิติลี้ลับเสียวสันหลังที่โรงแรม โชคดีที่ผมไม่รู้เรื่องในคืนนั้นไม่อย่างนั้นผมก็ไม่กล้านอนไปด้วย
วันที่ 10 ธันวาคม 2552 เป้าหมายของวันนี้ก็คือ Coffee Bikers เท่านั้นซึ่งยังเหลือระยะทางอีก 700 กว่าโล ทุกคนรู้ดีไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้เสียเวลาอีกแล้ว Concept เดิม ขับแหลก ว่าแล้วก็ไปกันเลย เติมน้ำมันแล้วก็รีบไปจนเที่ยง ก็มาถึงจุดพักรถ เขาโพธิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ รีบกินแล้วก็รีบไป แวะนอนหน้าห้องน้ำในปั๊มแถวชุมพรอีกครั้งตอนบ่าย 2 โมง ทุกคนเหนื่อยมากเพราะไปเจออากาศหนาวมาหลายวันพอมาเจออากาศทางใต้ร้อนมากจนปรับตัวไม่ค่อยทันหมดแรงไปตามๆกัน สักพักก็แข็งใจเดินทางต่อ 4 โมงเย็นก็จอดกินข้าวที่ร้านเพื่อนเดินทาง จ.สุราษฎร์ จุดนี้เป็นจุดที่เราต้องแยกจาก โกศักดิ์ ผู้นำขบวนของเราด้วยเหตุว่า แป๊ะมีประชุมเรื่องงาน ในวันที่11 ที่หาดใหญ่ก็เลยตัดสินใจขี่รถเลยไปหาดใหญ่ก่อนแล้วค่อยกลับ พวกเราที่เหลือก็บิดกันต่อ แวะนอนเอาแรงในปั๊มอีกครั้งที่แยกนาเหนือ จ.กระบี่ จนในที่สุดก็กลับถึง Coffee Bikers บ้านที่อบอุ่นของพวกเราในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ครึ่ง โดยสวัสดิภาพ
รวมเวลาทั้งหมด 9 วัน ระยะทางทั้งหมด 4117 กิโลเมตร ขอได้รับความขอบคุณ เจอกันใหม่ทริปหน้า
ผู้บันทึกการเดินทาง : ไพบูลย์ อนันต์ตันติกุล (เก้ง)
ข้อมูลและรูปที่เกี่ยวข้อง http://hd-playground.com/smf/index.php/topic,14756.0.html
-
pissedoff pissedoff เสียดายที่ไม่ได้แจมแม้บ้านอยู่ใกล้กัน(หนีงานไม่ได้ยาว จึงไม่ได้ไปด้วยพาหนะคู่ใจ เวลาขี่กับเวลาว่างกันเลย) รถพากลับลงใต้เมื่อไหร่จะแวะไปหา แล้วก็พี่น้องภูเก็ตพังงา อย่าลืมเตรียมตัวต้อนรับพี่น้องไบค์เกอร์ไรด์เดอร์ช่วงภูเก็ตไบค์วีค 9-13 เมษนี้ด้วยนะครับ มีอะไรให้แจมส่งข่าวกันด้วย frustrated frustrated
-
รูปการเดินทาง
-
รูป
-
รูป
-
รูปต่อไป
-
รูปต่อมา
-
ต่อมา
-
....
-
....
-
ภาพรวมมิตร
-
ภาพรวมมิตรต่อ
-
ภาพรวมมิตรต่อ
-
ต่อไป
-
...
-
อยากไปอีกสักครั้ง.....
-
thumbsup thumbsup thumbsup
-
สุดยอดเลยคับ.....
-
อ่านจนตาลายเลยพี่เก้ง
-
...หรอยคับพี่...ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันคับ... worship ;D number1
-
pray pray pray thumbsup thumbsup thumbsup ขอบคุณครับสำหรับภาพการเดินทาง
-
ปลายปีนี้เราจะไปหลวงพระบางกันคับ แล้วค่อยเก็บเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังนะ พี่น้อง.........