อย่างที่หลายๆคนทราบดีกว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภทจะช่วยให้รับรสชาติอาหารได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งรายงานทางวิทยาศาสตร์ก็มีการระบุว่ากัญชาก็ช่วยให้ลิ้นสามารถรับรสชาติอาหารได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหากกัญชาออกฤทธิ์มึนเมาจะส่งผลต่อการขับขี่แบบเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ และการทดลองนี้กระทำโดยการขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สามารถควบคุมได้
กัญชาคือพืชสมุนไพรออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยา โดยถูกระบุให้เป็นยาเสพติดผิดกฎหมายในหลายๆประเทศ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่เล็งเห็นประโยชน์ในทางการแพทย์ และเป็นสิ่งถูกกฎหมายหากใช้ในการควบคุมเช่นกัน อย่างในสหรัฐอเมริกากัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายถึง 29 รัฐ
อาการเมากัญชามีผลต่อการขับขี่อย่างไร
อาการเมากัญชาจะทำให้รู้ถึงเหมือนกับสิ่งรอบตัวช้าลง และแปลกไปจากเดิม ซึ่งจะส่งผลให้สมองสั่งการให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวช้าลงตามไปด้วย รวมถึงมีปัญหาในการวางแผนเส้นทาง สมาธิในการขับขี่ลดลง การจดจำเป้าหมายและการตัดสินใจคลาดเคลื่อน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงร้ายแรง
ในทางการแพทย์ สารฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ได้จากการสูบกัญชานี้คือ เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol) หรือ THC ซึ่งสารตัวนี้จะกระจายจากปอดเข้าสู่ทางเดินโลหิต และจะส่งตรงไปยังสมองและเซลล์ประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้ม ประสาทสัมผัสรับรสของอาหารดีขึ้น กระตุ้นความอยากอาหาร และร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียเมื่อรับสาร THC ในปริมาณที่มาก
แตกต่างจากการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร
ฤทธิ์ของกัญชาเปลี่ยนแปลงการรับรู้และการความคุมยานพาหนะใกล้เคียงกับการดื่มแอลกอฮอล์มาก ต่างกันเพียงแอลกอฮอล์สามารถวัดปริมาณได้ ยิ่งดื่มมากเท่าไร ก็จะยิ่งเมาและความสามารถในการใช้ยานพาหนะลดลงมากเท่านั้น และได้มีการศึกษา ผลของแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อการขับขี่นี้มาแล้วมากกว่า 60 ปี ซึ่งจะต่างกับการสูบกัญชามาก
“คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ สูบในปริมาณเท่าไรจึงจะส่งผลต่อการการขับขี่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้ไม่เคยมีการศึกษามาก่อนเลย นอกจากนี้ฤทธิ์ของกัญชายังแสดงออกมาไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล โดยจะขึ้นอยู่กับต่อมรับสารที่อยู่ในสมอง หรือแคนนาบินอยด์ รีเซพเตอร์ (cannabinoid receptor) ของแต่ละคนอีกด้วย เช่นบางคนอาจสูบเพียงแค่ครั้งเดียวก็มีอาการเมาเต็มที่ ส่วนอีกคนหนึ่งอาจจะต้องสูบมากกว่าถึง 10 เท่าแต่ก็ยังไม่แสดงอาการเมาออกมา ซึ่งปัจจัยนี้คือความต่างจากแอลกอฮอล์ที่ชัดเจนที่สุด”
ขณะที่ร่างกายขับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดออกมาในอัตราที่คงที่ ยิ่งดื่มมากเท่าไร ตับก็จะยิ่งทำงานหนักเพื่อขับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายมากเท่านั้น แต่ร่างกายจะขับฤทธิ์ของ THC จากกัญชาในอัตราไม่คงที่และรวดเร็วกว่าหลายเท่าขึ้นอยู่กับการความเข้มข้นของกระแสเลือด
นอกจากนี้รายงานของ NHTSA ได้ระบุเอาไว้ว่าผู้ที่ขับยานพาหนะขณะเมากัญชานั้นมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุต่ำกว่านักดื่ม เนื่องจากมีการใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ต่ำกว่ามาก รวมถึงใช้ความเร็วต่ำกว่ากำหนดของแต่ละพื้นที่
แล้วปลอดภัยจริงๆหรือ
เพื่อความปลอดภัยนักขี่ไม่ควรอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของสิ่งใดหรือสภาวะผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง California ระบุว่า “กัญชามีฤทธิ์ต่อการใช้วิจารณญาณ ความสามารถในการควบคุมยานพาหนะ และปฏิกิริยาในการตอบสนอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการใช้ยานพาหนะ” โดยปัญหาที่ใหญ่กว่าการรณรงค์ป้องกันไม่ให้มีการเสพกัญชาแล้วขับขี่ก็คือขาดข้อมูลการวิจัยที่เป็นรูปธรรม
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขสถิติของการเกิดอุบัติเหตุจากการเมากัญชานั้นไม่สามารถนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดได้จริง เพราะปริมาณสาร THC ในกระแสเลือกจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยลดจากปริมาณสูงสุดลงมาเหลือเพียง 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 30 นาทีเท่านั้น ทั้งยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์กับวิธีการแยกแยะสาเหตุของความบกพร่องในการใช้ยานพาหนะระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์กัญชานับตั้งแต่กัญชาเริ่มกลายมาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในปี 2012
ความรู้สึกขณะทำการทดลอง
ผู้เข้าร่วมการทดลองสองคนได้ทำการทดลองเล็กๆนี้ที่สนามแข่งรถ Willow Springs Raceway ความยาว 0.625 ไมล์ โดยใช้มอเตอร์ไซค์ 3 แรงม้า 50cc และสูบกัญชาต่างชนิดกันทุกๆ 30 นาทีตลอด 5 ชั่วโมงซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ พร้อมกับการขี่รอบสนาม 2 รอบ โดยใช้เวลาในการจบรอบต่างกันเกือบ 5 วินาทีคือ 2:43.80 และ 2:40.67 สำหรับการสูบครั้งแรก ซึ่งขณะที่ขี่ก็รู้สึกราวกับสายลมที่ปะทะตัวนั้นบรรเลงเพลงบนบนร่างกาย
การสูบครั้งที่สองทำเวลาได้ 2:54.85 และ 2:48.59 ซึ่งการเลี้ยวในความเร็วสูงที่เรารับรู้นั้นทำได้ยากขึ้น ซึ่ง Bowman ผู้ร่วมทดลองอีกคนบอกว่าเหมือนกับเขาถูกดึงดูดให้จ้องกรวยสนาม ธงสนาม และอื่นๆอย่างละสายตาไม่ได้ และยิ่งสูบมากขึ้น ความสนุกในการขี่ของเราก็ลดลง และสิ่งต่างๆที่ชอบเกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์นั้นน่ากลัวผิดกับที่เคยสัมผัสเมื่อสูบกัญชา ทั้งสูญเสียการควบคุม ขี่ทับกรวยสนามบ้าง เลี้ยวซ้าย/ขวาไม่พ้นบ้างก็มี ราวกับว่าความสามารถในการตัดสินใจจะมีสิ่งที่ทำให้สับสน
แต่น่าแปลกเพราะการที่ได้มื้อเที่ยงเป็นทาโก้จากร้าน Taco Bell นั้น ทำให้เวลาในการจบรอบการขี่ของเราลดลงมาอยู่ในช่วง 2:49 และ 2:55 ทั้งๆที่มีการสูบกัญชาเพิ่มตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ โดยจบการทดลอง 5 ชั่วโมง และข้อมูลที่ได้จากการทดลองคือชุดข้อมูลที่ความแตกต่างอื่นๆอย่างชัดเจนของการเมากัญชาแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ เมื่อเทียบกับการทดลองขับขี่ที่คล้ายกันนี้ ด้วยการให้นักขี่ที่มีประสบการณ์ดื่มเหล้ามอลต์ในปี 1987 เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลของการเมาแล้วขับ
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcyclistonline.com