ผ่านมาหลายสิบแล้วนับตั้งแต่ยุค 1970 ที่มอเตอร์ไซค์สัญชาติญี่ปุ่นพากันบุกยึดพื้นที่ตลาดสองล้อ แต่กาลเวลาก็ทำให้ทั้งสี่แบรนด์ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลายๆอย่างเพื่ออนาคต กระทั่ง Yoshihiro Hidaka ประธานกรรมการของหนึ่งในแบรนด์ที่ทำยอดขายได้สูงสุดในปีที่ผ่านมาอย่าง Yamaha ก็ยังยอมรับว่าเขามองเห็น “วิกฤต” ของอนาคตอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์
สิ่งที่ทุกแบรนด์กำลังเผชิญอยู่คืออนาคตที่ค่อนข้างมืดมนเพราะกลุ่มชาว Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือว่ามีอิทธิพลที่สุดต่อสังคมโลก ณ ปัจจุบัน กำลังการขาดความสนใจที่จะขี่มอเตอร์ไซค์หรือแม้แต่ไม่ต้องการจะมีรถประเภทไหนเลยในการครอบครอง จากพฤติกรรมของกลุ่มนี้กำลังค่อยๆสร้างผลกระทบอย่างเงียบๆแต่รุนแรงว่าที่หลายๆคนคาดเอาไว้ โดยกูรูจากหลากหลายแบรนด์ต่างคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่ามีแนวโน้มสูงมากๆที่ในอนาคตผู้คนจะเช่ารถหรือว่าจ้างคนขับพร้อมรถที่ใช้ในการเดินทางแต่ละครั้งแทนที่จะซื้อรถไว้เป็นของตัวเอง อีกปัจจัยที่เป็นอุปสรรค์ต่อวงการสองล้อคือปัญหาด้านความปลอดภัย รวมถึงความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมมลพิษ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ทุกแบรนด์ต้องมีการปรับเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์ที่มีในมือเพื่อเพิ่มความนิยมให้แบรนด์ยังคงอยู่ในกระแสต่อไป
J Concept จาก Kawasaki
ระยะเปลี่ยนผ่าน
Chiaki Kato ประธานกรรมการ Honda เผย ธุรกิจสองล้อกำลังเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านและ “การพัฒนาด้านคุณภาพนั้นสำคัญกว่าการเพิ่มปริมาณหลายเท่า” ดังนั้นสิ่งที่จะได้เห็นจากผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์แต่ละแบรนด์ก็คือ มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตที่ผลิตตั้งแต่ช่วงยุค 1980 ถึงต้นยุค 2000 จะค่อยๆหายไป เพราะความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมมลพิษ และมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆก็จะมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและหลากหลายเข้ามาใช้งาน เช่นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกเพื่อลดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบขับเคลื่อน Multi – wheeler และระบบการทรงตัว (Self Balance) หรือแม้กระทั่งการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาใช้กับมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักขี่อย่างระบบเกียร์อัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติมาใช้อีกด้วย แม้ว่าผู้ผลิตจากญี่ปุ่นจะมีทัศนคติในเชิงลบต่ออนาคตของวงการมอเตอร์ไซค์ แต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยและพัฒนาอยู่ ณ ปัจจุบัน
Yamaha Niken
ลดต้นทุนการผลิต
อย่างไรก็ตาม การลดต้นทุนดูจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ผลิต ณ เวลานี้ โดยส่วนใหญ่จะย้ายฐานการผลิตออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยและอินเดียที่ีเป็นฐานการผลิตหลักของหลายแบรนด์เลือกเข้ามาลงทุน หรือแม้แต่มีการยุบรวมโรงงานผลิตสองแห่งเข้าเป็นฐานการผลิตใหญ่เพียงแห่งเดียว และยังมีการยกเลิกการผลิตมอเตอร์ไซค์หรือสกู๊ตเตอร์บางรุ่นไปก็เป็นตัวเลือกที่ผู้ผลิตนำมาประคองต้นทุนเช่นกัน
โดยแบรนด์จากญี่ปุ่นกำลังโฟกัสไปที่การสร้างฐานรายได้จากสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง และขนาดใหญ่มากขึ้นตามแนวโน้มความต้องการของนักขี่หน้าใหม่ ทั้งยังเชื่อว่าความต้องการเหล่านี้จะกระจายไปยังพาหนะขนาดเล็กและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorbikewriter.com