Harley-Davidson อเมริกันครุยเซอร์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และมีโมเดลที่เป็นไอคอนอยู่หลากหลายโมเดล และ Dyna เป็นอีกหนึ่งไลน์อัพที่มัดใจสาวกหลายต่อหลายคนได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าปัจจุบัน Harley-Davidson จะตัดสินใจรวบเอาโมเดล Dyna ผสานเข้ากับโมเดล Softail ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม
สเน่ห์ของ Dyna ในครั้งแรกเริ่มเปิดตัวนั้นคือช่วงหน้า XL ขนาด 39 มิลลิเมตร วงล้อหน้า และพักเท้า ซึ่งต่อมาถูกพัฒนาดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้นและใช้กันสะเทือนหลังแบบ coil-over spring ที่เชื่อมต่อเข้ากับสวิงอาร์มและตัวเฟรม
เดิมทีมอเตอร์ไซค์ในไลน์อัพของ Dyna นำเสนอความเป็นโมเดลขนาดกลางที่ขี่สนุก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของนักขี่ที่ไม่ต้องการจะขยับข้ามไซส์จากรุ่นเล็กข้ามไปรุ่นใหญ่เลยในคราวเดียว โดยช่วงแรกประกอบไปด้วยโมเดล Super Glide (FXD), Wide Glide (FXDWG), Super Glide Custom (FXDC) และ Low Rider (FXDL) ซึ่งมี Street Bob (FXDB), Fat Bob (FXDF) และ Dyna Switchback (FLD) เพิ่มเข้ามาในเวลาต่อมา
1980 Harley-Davidson Wide Glide
ก่อนที่จะกลายมาเป็น Dyna ในโฉมที่คุ้นตากันอย่างทุกวันนี้ต้องย้อนไปในปี 1980 กับโมเดล Wide Glide ที่มีดีไซน์ลุคคัสตอมช็อปเปอร์มาพร้อมกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ด้วยถังเชื้อเพลิงดีไซน์เตะตา ความลงตัวของวงล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์ของบังโคลนท้าย บาร์โหนที่ติดตั้งเข้ากับช่วงหน้ากว้าง เบาะนั่งสองระดับ และพักเท้าแบบ forward control โดยตัวเฟรมของ Dyna นั้นสามารถรองรับการติดตั้งช่วงหน้าและขนาดของวงล้อได้อย่างหลากหลาย ซึ่งผ่านการพัฒนาด้วยผลสำรวจความต้องการและความคาดหวังของเหล่าสาวกนานช่วงหลายปี จนกระทั่งเริ่มการพัฒนาเฟรมที่จะมาแทนที่ตัวเฟรมของ FXR ในที่สุด
ซึ่งกว่าเฟรมอย่างเป็นทางการของ Dyna จะออกขายนั้นก็ผ่านการทดลองมากมาย แต่ก็ยังมีเหล่าโมเดล Wide Glide, FX Superglide และ FXR ที่ออกขายมาแล้วหลายโมเดล และในปี 1991 เฟรม Official ของ Dyna ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับ FXDB Sturgis โมเดลจำกัดจำนวนโฉมช็อปเปอร์ดีไซน์ใหม่ที่ Harley-Davidson ส่งออกมาเพื่อสำรวจกระแสตอบรับ เนื่องจาก FXDB Sturgis นั้นมีข้อเสียคือการใช้ยางรองแท่นเครื่องสองจุดจากเดิมที่ใช้สามจุดซึ่งเป็นเหตุให้การควบคุมรถด้อยลงแถมด้วยแรงสั่นของเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น และก็เป็นไปตามคาด FXDB Sturgis นั้นไม่ประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่ Harley-Davidson ได้มานั้นมันคุ้มค่ากับความเสี่ยงเพราะข้อติชมจากโมเดลนี้ช่วยพัฒนาและเป็นอีกส่วนสำคัญที่ส่งให้ Dyna กลายเป็นอีกหนึ่งไลน์อัพยอดนิยมของ Harley-Davidson มาจนถึงทุกวันนี้
1991 FXDB Dyna Sturgis
ในปีต่อมา Harley-Davidson ก็ได้เปิดตัวอีกสองโมเดลซึ่งเข้ามาแทนที่ FXDB Sturgis ในทันทีคือ FXDB Daytona และ FXDC Dyna Glide Custom โดย FXDB Daytona ก็เป็นอีกหนึ่งโมเดลจำกัดจำนวนที่ประกอบขึ้นเพียงไม่กี่คันเท่านั้น โดยทั้งสองโมเดลนั้นมีโฉมและสมรรถนะที่ใกล้เคียงกันมากๆแตกต่างกันที่ชุดสีเท่านั้น FXDC Dyna Glide Custom โมเดลแรกนั้นมากับสุดสีเงินและสีดำ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้เฟรมสีดำที่ทำให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นแทนตัวเฟรมสีเงินในเวลาต่อมา กระทั่งในปี 1993 Harley-Davidson ทำการเปิดตัว FXDL Dyna Low Rider ซึ่งเป็นโมเดลที่เข้ามาแทนที่ FXRS Low Glide พร้อมกับ FXDWG Dyna Wide Glide รวมถึงประกาศยกเลิกการผลิต FXRT Sport Glide ในปีเดียวกัน โดยทั้งสองโมเดลก็ได้ใช้ดีไซน์ที่เป็นอัตลักษณ์ของ Dyna นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งทาง Harley-Davidson ยังคงผลิต FXR, FXRS-Conv Convertible, FXLR และ FXRS-SP Low Rider Sport ออกมาอย่างต่อเนื่องแม้จะมีแผนที่จะค่อยๆตัดโมเดลเหล่านี้ออกไปอย่างช้าๆก็ตาม
กาลเวลาล่วงเข้าสู่ปี 1995 ทาง Harley ก็ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่ได้แก่ FXDS-Conv Dyna Glide Convertible พร้อมกันกับ FXD Dyna Super Glide ที่ใช้แชสซีมุม Rake 28° ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dyna แทนที่แชสซีมุม Rake 32° และยังเป็นโมเดลที่เข้ามาแทนตำแหน่งของ FXR Super Glide และ FXLR Low Rider Custom ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของไลน์ FXR ในเวลาต่อมาอีกด้วย นอกจากนี้ Dyna ยังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปี 1999 ก็มีการเปิดตัว FXDX Super Glide Sport ที่ติดตั้งดิสก์เบรกคู่และได้รับการอัพเกรดระบบกันสะเทือนซึ่งก็ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นโมเดลมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมกว่าโมเดลก่อนๆมาก ต่อมาไม่นาน FXDX-T Super Glide T-Sport ก็เข้ามาแทนที่ FXDS-Conv Dyna Glide Convertible ในปี 2001 ซึ่งถัดมาอีกสองปี FXDS-Conv ก็มีการยกเลิกการผลิตไปในปี 2003 นอกจากนี้ในปี 2005 โมเดล Super Glide Custom ก็ถูกปล่อยออกมาให้เหล่าสาวกได้สัมผัสกันก่อนจะมีการพัฒนาแชสซีดีไซน์ใหม่ซึ่งใช้อย่างเป็นทางการในปี 2006
Harley-Davidson Dyna กับแชสซีใหม่นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีระบบเกียร์หกสปีดและสมรรถนะที่เยี่ยมยอดกว่าเดิม โดยในปีเดียวกันนี้เองก็ได้มีการเปิดตัวสองโมเดลใหม่ FXDBI Street Bob และ FXDI35 35th Anniversary Super Glide อีกด้วย ต่อมาโมเดล FXDF Fat Bob ก็คลอดออกมาพร้อมกับโมเดล Limited Edition อย่าง FXDWG Wide Glide ในปี 2008 ก่อนจะคืนชีพอีกครั้งพร้อมกับชุดสีที่แตกต่างไปจากเดิม ทั้งยังยกเลิกไลน์ผลิตของ FXD โมเดลหลักและ FXDL Low Rider ไปในปี 2010 ด้วยเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Harley-Davidson ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ให้กับไลน์อัพ Dyna บางโมเดลแถมด้วยการเปิดตัว FLD Switchback Sport-Tourer ในปี 2012 ก่อนจะเลือกหยิบเอา FXDL Low Rider เข้ามาแทนที่โมเดลไลน์อัพ FXDC Super Glide Custom ที่เก่ากว่า
กระทั่งปัจจุบันแม้ไม่มี Dyna รุ่นปี 2018 ให้เหล่าสาวกได้ครอบครองกันแล้วก็ตาม แต่สำหรับเหล่าสาวกก็ยังคงยกย่องให้ Harley-Davidson Dyna เป็นอีกหนึ่งสุดยอดซีรีส์ที่สร้างความประทับใจให้กับนักขี่หัวใจอเมริกันครุยเซอร์มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... deadbeatcustoms.com