ถ้าพูดถึงรถคลาสสิกแล้วยังมีอีกหลายคนที่อาจจะรู้กันดีว่าคลาสสิกสองล้อที่เหล่านักสะสมตามหาตามเก็บกันอยู่นั้นเป็นของสะสมที่เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ลงตัวแล้วมูลค่าทางทรัพย์สินของมันจะสูงมากๆ หลายๆคันที่มีคนยินดีจะจ่ายด้วยราคาที่สูงกว่ารถใหม่ออกจากโรงงานกันเลยทีเดียว แน่นอนว่าพูดถูกของสะสมแล้วมีมอเตอร์ไซค์อยู่มากมายหลากหลายโมเดลที่นิยมเก็บสะสมกัน ส่วนจะมีโมเดลคลาสสิกตัวไหนบ้างที่มักจะมีชื่ออยู่ในลิสต์ของเหล่านักสะสมจากทั่วโลก
Royal Enfield Bullet
หนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามมาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตติดต่อกันมาอย่างยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์ไซค์ โดยโมเดลที่เราคุ้นเคยกันเริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 1948 จนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับนักสะสมแล้ว Royal Enfield Bullet ที่อยู่ในลิสต์ของพวกเขาก็คือโมเดลปี 1931 หรือก็คือ Royal Enfield Bullet โมเดลแรกสุดที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 350cc สี่จังหวะแบบดั้งเดิม ถังเชื้อเพลิงและรายละเอียดอื่นๆสีโครมเงาวับถือเป็นสเน่ห์สะกดบรรดานักสะสมได้อยู่หมัดจริงๆ
Norton Commando
มอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมียมสัญชาติอังกฤษที่เคยได้ชื่อว่า “Machine of the Year” ห้าปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 1968 ถึง 1972 ด้วยเทคโนโลยี “Isolastics System” ที่เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาแรงสะเทือนจากเครื่องยนต์ที่มีมาอย่างยาวนานได้ แลด้วยดีไซน์ที่ได้ทีมดีไซน์เนอร์ ที่ออกแบบให้กับ Norton ณ ตอนนั้นก็คือทีมงานที่แยกตัวออกมาจาก Mercedese ซึ่ง Norton Commando ผลิตติดต่อกันมาถึง 10 ปีและเลิกผลิตไปในปี 1977 ด้วยเครื่องยนต์ 850cc ช่วยให้ Command สร้างชื่อเสียงในฐานะมอเตอร์ไซค์แข่งระดับแนวหน้า
Vincent Black Shadow
มอเตอร์ไซค์ที่ผลิตขึ้นในปี 1948 ซึ่งเป็นโมเดลที่ประกอบไปด้วยฟีเจอร์ทันสมัยมากมายในช่วงเวลานั้น Black Shadow ด้วยเครื่องยนต์ 998cc ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นมอเตอร์ไซค์โปรดักท์ความเร็วสูงที่ครองสถิติเร็วที่สุดในรอบยี่สิบปี แถมยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ประกอบด้วยมือทุกคัน แต่ด้วยความเร็วระดับนี้ทำให้นักขี่ควบคุมรถได้ยากพอสมควร โดย Hunter S. Thompson เคยกล่าวเอาไว้ว่า “หากขี่ Black Shadow ด้วยความเร็วสูงสุดแล้วล่ะก็ คุณก็เหมือนกับตายไปแล้วครึ่งตัว”
BMW R32
อีกหนึ่งในบรรดามอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุด เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1923 และยังเป็นมอเตอร์ไซค์โมเดลแรกๆที่ BMW ผลิตขึ้นหลังจากที่บริษัทผู้แบนจากการผลิตเครื่องบินในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง R32 และยังเป็นโมเดลแม่แบบของมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ Boxer-Twin ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ Shaft Drive เลยที่เดียว
Velocette Viper
มอเตอร์ไซค์คลาสสิกจากยุค 1950 และยุค 1960 ที่เหล่านักสะสมต่างยกให้มีมูลค่าเทียบเท่ามอเตอร์ไซค์ระดับตำนานโมเดลอื่นๆเลยทีเดียว ด้วยความที่มีการนำวัสดุ Glass Fiber มาใช้เป็นองค์ประกอบของตัวรถครั้งแรกในยุค 1950 เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ 349cc ที่กระบอกสูบเป็นแบบ Bi-Metal ซึ่งทำงานควบคู่กับลูกสูบแรงดันสูง แถมยังมาพร้อมกับถังเชื้อเพลิงที่มีความจุเมขึ้นอีก 3 แกลลอน จึงทำให้สามารถขี่ด้วยความเร็วสูงได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน และยังเป็นโมเดลที่ครองสถิติวิ่งตลอด 24 ชั่วโมงด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมงอีกต่างหาก
Triumph Bonneville
หากจะพูดว่า Bonneville เป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Triumph ก็อาจจะไม่ผิดนัก นับตั้งแต่มีการผลิตในปี 1959 ก็ได้ตั้งชื่อตาม Bonneville Salt Flat ในรัฐ Utah สถานที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์โมเดลนี้สร้างชื่อด้วยการพิชิตสถิติความเร็วหลายต่อหลายครั้งด้วยการเร่งความเร็วแตะ 185 km/h ได้อย่างง่ายดายในช่วงปลายยุค 1950 ถึงช่วงต้นยุค 1960
Honda Rebel
มอเตอร์ไซค์คลาสสิกจากยุคโมเดิร์นโมเดลนี้ผลิตครั้งแรกในปี 1985 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่เป็นการปฏิวัติวงการมอเตอร์ไซค์ในช่วงกลางยุค 1980 กับเครื่องยนต์ V-twin 234cc สามารถทำความเร็วแต่ 70 ไมล์ต่อชั่วโมงสำหรับการขี่ในเมื่องได้อย่างสบายๆ แถมยังมีน้ำหนักเบา ควบคุมง่ายตำแหน่งท่านั่งก็ผ่อนคลายเป็นความลงตัวของของความมีสไตล์แบบคลาสสิกผสานเข้ากับความสะดวกสบายอย่างลงตัว
Moto Guzzi V8
สองล้อเครื่องยนต์ V8 ของแบรนด์รถแข่งแถวหน้าในยุค 1950 โมเดลนี้ถูกยกให้เป็นโมเดลระดับมาสเตอร์พีซของวงการวิศวกรรมยานยนต์เลยทีเดียว ทั้งการใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำกับเครื่องยนต์ขนาด 500cc ที่มีสี่แคมชาฟท์กับอีกแปดคาร์บูเรเตอร์ขนาดเล็ก ซั้งมากพอที่จะทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้วิ่งด้วยความเร็ว 175 ไมล์ต่อชั่วโมงและถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสุดๆเลยก็ว่าได้สำหรับยุคนั้น และแม้จะเลิกผลิตไปแล้วตั้งแต่ปี 1957 แต่ชื่อเสียงของ Moto Guzzi V8 ก็ยังคงโด่งดังอยู่ไม่สร่าง และยังเป็นที่ต้องการสำหรับบรรดานักสะสมมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
Henderson Excelsior Streamline
มอเตอร์ไซค์รูปทรงแปลกตาที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 40 แรงม้าคันนี้ มีชื่อเล่นว่า “KJ” เป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพขอระบบระบายความร้อน down draft carburetion และเสริมด้วยห้าเพลาข้อเหวี่ยงลูกปืนหลัก ซึ่งทำให้มันกลายเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่สุดและเร็วที่สุด ณ เวลานั้น
BMW Slash 5
มอเตอร์ไซค์ซีรีส์ /5 ที่ผลิตขึ้นติดต่อกันเพียง 3 ปีก่อนจะถูกแทนที่ด้วยซีรีส์ 6 โดยจุดเด่นของซีรีส์ /5 นี้ที่นอกเหนือจากดีไซน์สุดเท่แล้วก็คือการติดตั้งเทคโนโลยีสตาร์ทเตอร์ไฟฟ้าและช่วงหน้าแบบ telescopic โดยโมเดลที่ถูกยกย่องให้เป็นโมเดลที่ดีที่สุดของซีรีส์นี้ก็คือ R75/5 ที่สามรถทความเร็วสูงสุดๆได้ 110 ไมล์ต่อชั่วโมง
Indian Chief
อีกหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นมากับเครื่องยนต์ V-Twin 1,200cc ที่สามรถทำความเร็วแต่ 85ไมล์ต่อชั่วโมงได้ทั้งที่ยังอยู่ที่เกียร์สาม มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ Hand Shift ยังเป็นครุยเซอร์ไซส์ใหญ่ที่นิยามความหล่อขึ้นมาใหม่ในกลิ่นอายสุดคลาสสิก ขี่นุ่มด้วยการเสริมประสิทธิภาพของโช้คอัพท้าย และโมเดลสุดล้ำค่าของนักสะสมปีลึกก็คือ 1950 Indian Chief Black Hawk
Harley-Davidson WLA
มอเตอร์ไซค์จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ทั้งอึด ทน แกร่ง ซึ่งผลิตขึ้งทั้งหมด 9 หมื่นคันและถูกนำไปดัดแปลงติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพื่อใช้งานในสงคราม ซึ่งในสนามรบ WLA จะถูกทาด้วยสีดำทั้งคันเพื่อใช้งานเป็นมอเตอร์ไซค์คุ้มกันระหว่างเคลื่อนพลหรือกระจายสัมภาระของกองทัพสหรัฐ และยังถูกนำมาใช้งานในภาคพลเรือนหลังจากสงครามสิ้นสุดลงอีกด้วย และด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นของ WLA ที่ทำให้เป็นที่ต้องการของบรรดาทหารจากหลากหลายประเทศ ซึ่งคาดว่ามีอยู่หลายคันที่ถูกทหารเหล่านั้นนำกลับบ้านไปด้วย ปัจจุบันนี้ WLA เขียวสีทหารนั้นถูกยกให้เป็นที่สุด และนักสะสมต้องการมากที่สุดด้วยเช่นกัน
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... goliath.com