HD-Playground ชวนทุกท่านมาร่วมสร้างแรงบัลดาลใจให้กับใครอีกหลายคนไปกับเรื่องราวความหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของรถสองล้อที่มีต่อเหล่าไบเกอร์หญิงสุดเท่
เริ่มต้นกับสาวสายวิบากที่พร้อมจะท้าทายขีดจำกัดของตัวเองอยู่เสมอ ความเป็นมาเป็นไปบนทางดินของเธอจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้ ณ บัดนี้
ชื่อ : กัญญ์กุลณัช กัญกุลพิพัฒน์ (กี้)
อาชีพ : ทำฟาร์ม ประสบการณ์การขับขี่ : 7 ปี
รถในครอบครอง : Triumph Bonneville T100, KTM 690 Enduro R, Honda CRF250
เริ่มสนใจมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่เมื่อไร?
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ขับรถยนต์ไปเที่ยวตามปกติเหมือนคนทั่วไป ตอนนั้นเห็นฝรั่งอะค่ะใส่ชุดเอนดูโร่ออกมาจากป่า มาแบบเลอะๆเลยนะแล้วเขาก็มาจอดเติมน้ำมันอยู่ข้างๆ เราก็แบบ อุ๊ยเท่เนาะ ตอนนั้นก็เลยคิดว่าเฮ้ย กลับเข้าเชียงใหม่ไปเช่ารถดีกว่า ณ วันนั้นก็เลยเริ่มต้นไปเช่ารถก่อน ตอนแรกเรายังไม่รู้หรอกว่าเราชอบรถรุ่นไหน สไตล์ไหน แต่พอได้ไปเช่าปุ๊บก็ลองเช่าหลายๆรุ่นเลยรู้ว่า เอ้ย เราชอบวิบากแล้วล่ะ ก็เลยมาเริ่มที่วิบากก่อน
ใช้เวลานานมั้ยกว่าจะขี่ได้คล่อง
ก็นานอยู่เหมือนกันนะคะ คือว่าจริงๆก็ขี่เป็นอยู่แล้วแต่ไม่ได้ขี่ในชีวิตประจำวัน พอหลังจากที่รู้ว่าเราชอบวิบากแล้วเริ่มซื้อรถก่อน ตอนนั้นซื้อ CRF250 จากนั้นก็เริ่มฝึกแบบว่าแถวบ้านเรื่อยๆไปก่อน จนประมาณหนึ่งปีผ่านไป ก็เริ่มออกทริปเยอะขึ้น เริ่มรู้แล้วว่าจะต้องขี่ประมาณไหน ขี่แบบไหน
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจว่าต้องซื้อมอเตอร์ไซค์
ตอนที่ซื้อคันแรกเนี่ยเพราะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะฝึกขี่จนชินถ้าไม่มีมอเตอร์ไซค์ ก็เลยต้องซื้อรถเอง พอดีว่าตอนนั้น Honda จะออกรถรุ่นใหม่มาเป็นวิบาก 250 แล้วราคามันก็ไม่ได้แรงไป ณ ตอนนั้นก็เลยคิดว่าเอาตัวนี้แหละ พอซื้อมาปุ๊บเนี่ยก็รู้สึกว่าขายันพื้นไม่ถึง เลยต้องไปให้ช่างเนี่ยโหลดลงนิดนึง ก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ
มีเทคนิคในการเลือกรถยังไง
เริ่มแรกเลยเราก็ต้องดูงบประมาณก่อนว่างบประมาณเรามีเท่าไร แล้วก็รู้ตัวเองก่อนว่าชอบขี่แบบไหน ถ้าเราชอบแบบ อยู่บนถนนทางดำไม่ชอบออกไปลุยข้างนอกก็เลือกแบบนึง หรือชอบชิลๆก็อีกแบบนึง อาจจะเป็นคลาสสิกหรืออะไรก็ว่ากันไป แต่เราชอบทางป่าชอบลุยๆ ก็เลยเลือกเป็น Enduro ซึ่งมันก็เหมาะกับเรานะ เราอยากไปลุยตรงไหนขึ้นเขาตรงไหนก็ได้หมด ก็ต้องเลือกจากสไตล์รถก่อน แล้วก็มาเลือกซีซีดูว่าเราเอาอยู่มั้ย ของพี่เนี่ยเริ่มจาก 250 ก่อนเพราะคิดว่ามันกำลังดี
แล้ว Triumph คันนี้ล่ะมายังไง
หลังจากที่มี CRF ก็ขยับไป KTM แต่ก็ยังเป็นวิบากอยู่ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าอยากขี่รถที่มันดูหล่อๆบ้างอีกอย่างคือเรารู้สึกว่าพ่อแม่คนอื่นที่เขามีรถไว้ให้ลูก ที่เขาขี่มาก่อนรถเก็บมานานๆ มันเท่ดีเนาะ พ่อเราก็มีนะแต่ว่าเป็น GTO แล้วมันไม่ใช่สไตล์ แถมนั้นตังเราก็ซื้อได้ประมาณ Triumph แล้วเราคิดว่าน่าจะเก็บไว้ได้นาน เอาออกมาขี่บ้าง ก็แล้วก็ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้ลูก แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีมั้ย (หัวเราะ) แต่ก็คิดไว้ แค่ตอนนี้เอามาขี่เองก่อน (หัวเราะ) เราคิดว่าขี่ง่ายสุดแล้วถ้ามันเป็นคาเฟ่เนี่ยจะต้องก้มเลยไม่เอาดีกว่า ก็เลยเลือกมาเป็น Triumph คันนี้
มีไอดอลในแวดลงสองล้อรึเปล่า
ไอดอลหรอ จริงๆไม่มีเป็นพิเศษเลยนะ ส่วนมากจะดูพวกฝรั่งที่เขาขี่ทางไกลๆเป็นเป็นแรงบันดาลใจ อย่างคนที่เขาขี่ข้ามทวีป ก็เลยมีเยอะหลายคนเลย
มีเทคนิคในการดูแลรถยังไงบ้าง
คันไหนที่ไม่ค่อยได้ขี่หรือคันที่จอดอยู่บ้านเฉยๆก็จะสตาร์ทบ่อยๆ ไม่ให้แบตมันหมดหรือว่ามันเสื่อมไปก่อน เอาออกมาวิ่งบ้างขี่อยู่แถวบ้าน เวลาออกทริปก็จะเช็ครถทุกครั้ง แล้วก็จะใช้น้ำยาฉีดหล่อลื่นโซ่ ถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ นี่คือการดูแลขั้นพื้นฐาน ยิ่งออกทริปไกลๆก็ต้องมีอุปกรณ์ดูแลเบื้องต้น พวกเครื่องมือ เผื่อเวลาเกิดปัญหาอย่างโซ่หย่อนหรืออะไรเราจะต้องแก้เองได้บ้าง
แต่งรถด้วยรึเปล่า
ไม่เชิงเรียกว่าแต่งนะ อย่างรถวิบากมันก็จะมีเปลี่ยนท่อเปลี่ยนโน่นนี่บ้างให้มันขี่ง่ายขึ้นขี่ดีขึ้น แต่อย่างจะให้แต่งจากรถคลาสสิคเดิมๆก็จะไม่แต่งเลย
ออกทริปบ่อยแค่ไหน
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนจะออกบ่อยมาก เกือบทุกอาทิตย์แต่อยู่เฉพาะในไทยนะ คือคิดปุ๊บไม่กี่วันก็ไปเลย(หัวเราะ) แต่ถ้าจะไปไกลๆแบบข้ามประเทศหรือไปขี่ต่างประเทศก็ต้องวางแผนเยอะ แล้วก็จะแบ่งนะเป็น 80% จะไปลุยๆที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง อีก 20% ก็ขอขี่เท่ๆหน่อยขี่ถ่ายรูปชิลๆตอนหน้าหนาวอะไรแบบนั้น
แล้วปัญหาที่เจอบ่อยๆเวลาออกทริป
เมื่อก่อนเรื่องฝนฟ้าอากาศจะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่จะมีปัญหากับเรื่องรถมาก อยากขี่รุ่นนี้ ตัวนี้มาใหม่แต่ว่าขาเราไม่ถึงอะ (หัวเราะ) คือรถใหม่ๆมาแต่เราไม่ได้มอง จะทำยังไงเราถึงจะขี่รุ่นนั้นได้ ขี่คันนั้นได้เป็นงี้อยู่หลายปี จนเรารู้สึกว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่เราจะทำได้แค่เสียดายรถก็เลยเริ่มฝึกจนขี่ได้ แต่บางรุ่นนะมันสูงมาก คือขี่ได้นะแต่จะมีปัญหาเวลาจอด ถ้าเราขึ้นเขาพื้นมันจะไม่เรียบ เราต้องหาที่เรียบๆจอด แต่คนที่ไปด้วยเขาก็จะเข้าใจ
ทริปที่ขี่ไกลที่สุด
ไกลที่สุดหรอคะ น่าจะเป็นแชงกรี-ลา ขี่จากไทยไปชายแดนทิเบต เกือบๆ 5 พันกิโล
สถานที่ประทับใจแล้วคิดว่าจะแนะนำให้คนได้ไปสัมผัส
โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อยู่ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา เชียงใหม่ เป็นอำเภอที่ใกล้จากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 170 กิโลอยากให้ลองไปขี่กันเส้นนั้น ตอนที่ไปเจอเนี่ยเราไม่ได้ตั้งใจผ่าน อยากแนะนำให้ไปเส้นนั้นเพราะเขาจะมีป่าสนวัดจันทร์ แล้วก็หมู่บ้านปกาเกอะญอ สายลุยก็จะเข้าไปได้ลึกหน่อย ถ้าเป็นสายทัวร์ก็จะอยู่นอกๆนิดนึง แต่ตอนนี้เขาเริ่มทำถนนแล้ว มีหมู่บ้านปกาเกอะญอดั้งเดิมที่ยังมีวัฒนธรรมเก่าๆอยู่ที่นั้น มีที่พักค่อนข้างสะดวกเลย แต่มันจะสวยเพราะว่ามันไกล เข้าไปยาก ทุกอย่างจะยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ มันสวยมากก็อยากให้ไปกัน
มีจุดแวะพักระหว่างทางแบบว่าผ่านแล้วต้องแวะแนะนำมั้ย
ต้องดูก่อนว่าทริปนั้นเราไปจังหวัดไหน เราก็จะดูก่อนว่าร้านไหนน่านั่ง เพราะหลังๆที่ทำแฟนเพจเนี่ยก็จะมีคนที่ตามเรา แล้วเขาขี่ไกลไม่ได้แล้วถ้าเราไปตามจังหวัดต่างๆก็จะดูเลยว่าก็จะเลือกร้านที่มีเรื่องราวมีที่มาของแต่ละจังหวัด อย่างพี่อยู่อุดรก็จะมีร้านชื่อโดสเอสเพรสโซ่ เจ้าของเขาเคยไปเรียนที่ออสเตรเลียแล้วได้สูตรกาแฟมา แล้วก็กลับมาทำร้านที่บ้านเกิด จะทำร้านเป็นโกดังใหญ่ๆ อาหารกาแฟของเขาจะเด่นมาก ก็จะเลือกร้านประมาณนี้แวะเอารถเข้าไปจอด ไปนั่งชิล ไปรีวิวเลย แล้วคนที่ตามเราเขาจะรู้สึกว่ามันไปได้เลย ใครๆก็ไปได้
มุมมองเรื่องผู้หญิงกับมอเตอร์ไซค์
เดี๋ยวนี้ผู้หญิงหันมาขี่มอเตอร์ไซค์มากขึ้น เมื่อก่อนเนี่ยน้อยมากนะ เราว่าดีนะเป็นเรื่องที่ดีเลยเพราะต่างประเทศเขามีเยอะเลยนะ แต่สิ่งที่อยากเห็นคืออยากเห็นคือขี่กันแบบจริงจัง อย่างน้อยๆก็ออกทริปได้สบายๆไม่ต่างกับผู้ชาย แต่ยังไงเวลาออกทริปก็ต้องมีผู้ชายนะ เพราะว่าการตัดสินใจการช่วยเหลือของผู้ชายจะดีกว่า แล้วยิ่งผู้หญิงไทย ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆที่มาขี่จริงจังแล้วต่างชาติเขาเห็นเขารับรู้เนี่ย มันดูเท่ดูเก่งกว่า เมื่อก่อนตอนไปขี่ต่างประเทศ ขี่ยุโรป แล้วเจอฝรั่ง เขาก็บอกนะอุ้ย ไอรู้จักบ้านยูแค่ภูเก็ตกับพัทยา เราก็รู้สึกว่าทำไมรู้จักแค่นี้ แล้วก็แบบมีขี่อย่างนี้ด้วยหรอ เขาก็จะชื่นชม พอผู้หญิงที่เริ่มมาขี่กันเยอะๆแล้วเลยทำให้เรารู้สึกว่านี่แหละคือภาพพจน์ที่อย่างให้ต่างชาติเห็นว่าผู้หญิง ไทยเก่งๆอะยังมีเยอะ
สุดท้ายแล้วมีอะไรจะฝากถึงคนที่ขี่อยู่หรือคนที่คิดจะเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์บ้าง
ก็มีเรื่องนึงที่เพิ่งเรียนรู้มา คือเมื่อก่อนเราไม่จำเป็นต้องเรียนวิธีขี่มอเตอร์ไซค์หรอก เพราะเราฝึกเองได้เราเอาตัวรอดได้โดยประสบการณ์หรืออะไรก็ตามเราก็คิดว่าอย่างงี้ แต่เมื่อปีก่อนเรามีโอกาสได้ไปเรียนที่ Enduro Park Thailand แล้วรู้สึกว่าการเรียนเนี่ยมันดีนะ มันดีตรงที่ว่าทฤษฎีที่เราไม่เคยรู้ว่าเราจะขี่รถแบบนี้ยังไง เราจะขึ้นเนินแล้วไปจอดบนเนินยังไง หรือว่าข้ามเนินสูงๆยังไงไม่เสียหลักหรือว่าถ้าเจอเรื่องกะทันหันจะแก้ยังไงเราจะได้รู้หมด คือเมื่อก่อนเราเอาตัวรอดจากการที่เราเรียนรู้เอง แค่นี่คือการที่คนที่เขารู้แล้วมีประสบการณ์มาแล้วสอนให้เรา มันทำให้เราแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ก็เลยอยากจะบอก