หากนับจากช่วงอายุแล้วกลุ่มชาว Millennials หรือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปีค.ศ. 1981 - 2000 ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าคือกลุ่มคนที่เป็นรอยต่อระหว่าง Gen X และ Gen Y และยังถือเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทต่ออุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ในระดับหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้อยู่ในช่วงวัยที่มีกำลังซื้อพอสมควรแถมจำนวนประชากรก็ถือว่ามีอยู่มากมาย ดังนั้นด้านรสนิยมและพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มักจะมีความหลากหลาย มีความแปลกใหม่ให้ได้ประหลาดใจอยู่อย่างสม่ำเสมอ กับรสนิยมเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน นักขี่กลุ่มนี้มักจะนิยมมอเตอร์ไซค์ที่มีทั้งความคลาสสิกที่ผสมผสานกับความทันสมัยเสริมด้วยลูกเล่นทางเทคโนโลยีอยู่ในตัว และต่อไปนี้คือมอเตอร์ไซค์ทั้ง 10 คันที่เหมาะกับนักขี่กลุ่ม Millennials ได้ลงตัวที่สุด แถมยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ทรมานกระเป๋าสตางค์อีกต่างหาก
Royal Enfield Continental GT
แม้ว่าคาเฟ่เรเซอร์รูปลักษณ์ปราดเปรียวคันนี้จะดูเหมือนเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กแต่ด้วยที่เครื่องยนต์หนึ่งสูบทรงย้อนยุคของมันก็มีกำลังและรอบเครื่องสูงพอที่จะส่งแรงสะเทือนไปยังนักขี่เป็นการแจ้งให้รู้ว่าขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังได้ยินข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่าอาจจะได้เห็น Continental GT ในเวอร์ชั่นของเครื่องยนต์สองสูบเรียง Parallel twin ในเร็วๆนี้
Harley-Davidson Roadster
อย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้ว่ามอเตอร์ไซค์ที่มีส่วนผสมของคลาสสิกมักได้รับความนิยม ซึ่ง Sportster คันนี้ก็เช่นกันแถมยังมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับมอเตอร์ไซค์สุดเท่จากปี 1983 ที่ติดตั้งช่วงหน้ากลับหัวและกันสะเทือนท้ายยาวขึ้นและแถมด้วยล้อแม็กงามๆ บังโคลนสั้นๆกับไฟหน้าดวงกลมขนาดพอเหมาะแบบนี้คือรูปแบบของมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ที่นำไปเสริมความหล่อให้กับมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตยุคเก่าได้อย่างลงตัว ส่วนราคาก็พอน่าคบ 11,199 ดอลลาร์
Ducati Scrambler Café Racer
สำหรับมอเตอร์ไซค์ซึ่งไม่ต่างอะไรกับโมเดลคัสตอมจากโรงงานที่มาพร้อมกับท่อไอเสีย Termignoni กระจกปลายแฮนด์ สีดำดุดันทั้งคันรุ่นนี้ มีฟังก์ชั่นทันสมัยมากมายให้เลือกใช้งานนอกจากนี้เครื่องยนต์ Desmo-twin 803cc ระบายความร้อนด้วยอากาศที่ติดตั้งเข้ากับเฟรมรถก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครืองยนต์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์ไซค์เลยทีเดียว ด้านค่าตัวทาง Ducati ก็ตั้งเอาเบาๆพอหอมปากหอมคอ 11,359 ดอลลาร์
Triumph Bonneville Bobber
อีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เน้นความเร็วอย่าง Bobber แต่ด้วยเครื่องยนต์ 1200cc High Torque Twin ก็เติมเต็มความต้องการของนักขี่ที่ต้องการความสบายตัวเวลาขี่แถมด้วยความแรงของรถแบบเร่งสั่งได้ดั่งใจเป็นอย่างดี แต่หากคุณเป็นนักขี่ขี้เหงาต้องการคนซ้อนคงต้องเลี่ยง Bobber สุดโมเดิร์นคันนี้เพราะไม่ได้ออกแบบมาเผื่อในส่วนของคนซ้อนเสียอย่างนั้น ราคาของ Bonneville Bobber อยู่ที่ 11,900 ดอลลาร์ ตัวเลือกเสริมของ Bobber รุ่นนี้ยังรวมไปถึง Heat Grips ระบบ Cruise control และอื่นๆ
Yamaha XSR900
มอเตอร์ไซค์ที่ Yamaha ออกแบบมาเพื่อเป็นร่างจำแลงของ FZ-09 ที่ไม่ได้รับความนิยามเท่าที่ควรนักและนี่คือรุ่นพิเศษ Abath เวอร์ชั่น 695 ที่มาพร้อมกับโม่งหน้าคาร์บอนไฟเบอร์และแฮนเดิลบาร์แบบต่ำ ชุดพักเท้าหลัง และท่อไอเสีย Akrapovic ส่วนราคาของ Sport Heritage อยู่ที่ 9,490 ดอลลาร์
Honda CB1100RS
มอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกที่ได้รับการปรับปรุงระบบกันสะเทือนมาใหม่ทั้งคัน วงล้อขนาด 17 นิ้วติดตั้งเครื่องยนต์สี่สูบ 1,140cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ และขี่ง่ายยิ่งขึ้นด้วยสลิปเปอร์คลัทช์ ข้อแตกต่างระหว่าง CB1100RS และฝาแฝด CB1100EX นั้นหน้าตามองเผินๆเหมือนกันแทบทุกอย่างหากแต่รุ่น EX จะมีพาร์ทที่เป็น Chrome และใช้วงล้อขนาด 18 นิ้ว
Moto Guzzi Griso 1200 S.E.
มอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาเลียนคันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ V-Twin 90 องศา 8 วาล์ว ของ Guzzi ส่งกำลังไปที่ล้อหลังถึง 95 แรงม้า แถมมาพร้อมกับแรงบิด 73 ฟุต-ปอนด์ แรงกว่าโมเดลเรือธงของ Guzzi อย่าง V7 ถึงสองเท่า
BMW R nine T Racer
โมเดลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมของ BMW ในยุค 60 ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่แรงเกินคาดสามารถเทียบกับ Guzzi 101 แรงม้าแรงบิด 76 ฟุตปอนด์ได้อย่างสูสี สำหรับ BMW R nine T Racer รุ่นนี้สนนราคาอยู่ที่ 13,395 ดอลลาร์
Triumph Thruxton R
อีกหนึ่งโมเดลยอดนิยมจากแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1200 Twin กำลังเครื่อง 96 แรงม้า ประกอบด้วยช่วงหน้า Showa กันสะเทือนท้าย Ohlins และปรับปรุงระบบเบรกให้ดีกว่ารุ่นมาตรฐาน ด้านค่าตัวเบาะๆอยู่ที่ 14,500 ดอลลาร์
Norton Commando 961 Cafe Racer Mark II
สำหรับโมเดลที่เหมาะกับนักขี่ชาว Millennials คันสุดท้ายก็คือพรีเมียมไบค์ทรงคลาสสิกจากอังกฤษ Commando 961 Cafe Racer Mark II ที่ติดตั้งแฮนเดิลบาร์แบบคลิป-ออนเข้ากับช่วงหน้า บวกกับทรงของถังเชื้อเพลิงที่รองรับสัดส่วนของนักขี่ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบังโคลนคาร์บอนไฟเบอร์เป็นจุดเด่นหลักที่เห็นชัดสำหรับโมเดลนี้ แน่นอนว่าเฉพาะค่าตัวของ Mark II คันนี้จะเกิน 20,000 ดอลลาร์ไปแล้ว แต่ก็ยังมีตัวเลือกเสริมที่ยั่วให้ยอมเสียเงินเพิ่มอีก 2,995 ดอลลาร์สำหรับเปลี่ยนถังเชื้อเพลิงเป็นแบบอลูมิเนียมหรือจะเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนวงล้อให้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ไปเลยก็ยังได้
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcycle.com