ปัจจุบันนี้เราไม่ค่อยจะได้เห็นการนำมอเตอร์ไซค์มาดัดแปลงเพื่อการค้าและสร้างสีสันในชีวิตประจำวันกันบ่อยนัก จึงเป็นเหตุผลที่ Espresso Bar ของ Jonathan Steven ได้รับความสนใจจากคนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ซึ่งหากจะนึกย้อนไปก็นานหลายปีเช่นกันที่แบรนด์มอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่อย่าง Harley-Davidson เคยมีแผนจะขยายพื้นที่ในตลาดด้วยการผลิตยานยนต์ออกมาหลากหลายรูปแบบ โดยเริ่มจาก Motorcycle Truck สามล้อเครื่องยนต์ F-head V-twin สองสปีด 10 แรงม้าที่ติดตั้งกล่องขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 550 ปอนด์ (250 กิโลกรัม) เอาไว้ที่ด้านหน้า เพื่อใช้เป็นพาหนะในการขนส่งจดหมายในปี 1912 และอีกสองปีต่อมาก็ได้เปิดตัว Package Truck ที่นำกล่องด้านหน้ามาติดตั้งเข้ากับเฟรมของไซด์คาร์และใช้งานมาจนถึงปี 1957 นั่นคือการดัดแปลงมอเตอร์ไซค์เพื่อการค้าครั้งแรกที่สร้างสีสันได้อย่างมาก
สำหรับ Jonathan Steven แล้ว เขาเพียงต้องการจะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่เขาก็เป็นเจ้าของร้านกาแฟ Oak Cliff Coffee Roasters อยู่แล้ว และกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม บวกกับชอบขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย เขาจึงได้นำเอาเครื่องชงกาแฟมาติดเข้าไปแทนที่ไซด์คาร์ของ Ural T ปี 2014 กลายเป็น Espresso Cart พลัง Ural อย่างที่เห็น ซึ่งเจ้า Espresso Cart คันนี้สามารถชงกาแฟได้ 250 แก้วต่อการบรรทุกน้ำหนักแบบเต็มพิกัดหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นเล็กผลิตจากพลาสติก ABS ช่องเก็บของจำเป็นต่าง ๆ รวมทั้งหัวจ่ายน้ำร้อนและน้ำเย็นติดตั้งเอาไว้ที่ Cart นี้อีกต่างหาก จุดเด่นของ Cart คันนี้คงจะหนีไม่พ้นหัวจ่ายน้ำร้อนของเครื่องชงกาแฟทั้งสองหัวที่ผลิตออกมาเป็นทรงโบราณนิด ๆ
ด้วยเครื่องยนต์ OHV Flat-twin 750cc 41 แรงม้าของ Ural T ปี 2014 จึงสามารถพา Jonathan และร้านกาแฟเคลื่อนที่ของเขาไปเสิร์ฟกาแฟหอม ๆ ได้ทุกที่ นอกจากนี้ Jonathan ยังได้ติดตั้งดิสก์เบรกเข้าไปที่ล้อของไซด์คาร์และล้อหลัง เพราะน้ำหนักมหาศาลที่เพิ่มเข้ามาจาก Espresso Cart ของเขา โดยร้านกาแฟเคลื่อนที่นี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 60 mph และถึงแม้จะบรรทุกน้ำหนักมหาศาลขนาดนี้แต่ก็ยังใช้เชื้อเพลิงเพียง 30 mpg
“ถ้าจะให้พูดถึง MotoKofe คันนี้ ก็คงจะพูดได้แค่ว่ามันคือความแปลกตา มันสร้างสีสันให้กับทุกที่ ๆ ที่มันไปถึง มอบความสดใสให้กับป่าคอนกรีตแห่งนี้ ผู้คนต่างพากันมามุงดูทั้งรถ ทั้ง Espresso Cart และก็ซื้อกาแฟ” Jonathan Steven กล่าว
------ เรียบเรียงโดย HD-Playground ที่มา... uralthailand.com