BUYING GUIDE – HARLEY-DAVIDSON SPORTSTER
TEXT/PHOTO: SILODROME.COM | TRANS: HD-PLAYGROUND
IRON
เครื่อง 883 ซีซี V-twin เซตเดียวกับ 1200 Nightster… "Iron" เป็นรุ่นที่ราคาเบาที่สุด เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไบค์เกอร์หน้าใหม่ควรจะมีไว้ในครอบครอง
FORTY-EIGHT
รถรุ่นนี้ เริ่มผลิตครั้งแรกในปี 2010 ออกแบบในลักษณะ "Nightster Style" ถังน้ำมันรูปทรงคล้ายถั่ว ล้อหน้าแบบซี่ลวด ล้อหลังเพิ่มขนาดยางใหญ่ขึ้น ทำให้ '48' เป็น “Sportster” อีกรุ่นที่ขายดีอย่างเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะในประเทศไทย
SEVENTY-TWO
ไม่น่าเชื่อเลยว่ารถสไตล์ชอปเปอร์ปี 1970 ที่เพิ่งผลิตขึ้นในปี 2012 จะไปโผล่ในตลาดรถมือสองอยู่บ่อยครั้ง ต่างความคิดหลากหลายความเห็น บ้างก็ชอบ บ้างก็ไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม แฟนชอปเปอร์ตัวจริงไม่ควรพลาดอย่างยิ่งสำหรับ เจ้า '72' คันนี้
XR-750
รถระดับตำนานที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ผู้ที่สนใจจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจที่จะซื้อมัน
XR1000
รถที่ค่อนข้างหายากในปัจจุบัน ถ้าบังเอิญไปเจอมันเข้า ก็อย่าลืมที่จะช่วงชิงเอามาไว้ในโรงรถของคุณเสีย! 'XR1000' มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี1980 ซึ่งเป็นปีที่รถถูกผลิตขึ้นครั้งแรก 'XR1000' เคยใช้เข้าร่วมรายการแข่งขันและยังได้รับชัยชนะอีกด้วย
XR1200
ตัวรถมีลักษณะคล้าย 'XR-750' แต่มีความทันสมัยมากกว่า ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากและเครื่องยนต์สุดแสนจะธรรมดายังไม่เป็นที่น่าพอใจต่อสิงห์นักบิดเท่าใดนัก แต่หากว่าคุณมีโอกาสได้อัพเกรดเครื่องยนต์ใหม่ รับรองว่า 'XR1200' จะเป็น “Sportster” อีกคันที่สนุกเร้าใจไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
รหัส 'X' ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ในสายการผลิตรุ่น “Sportster” ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย 'XL' ยกเว้นรุ่นพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งรหัสรถจะขึ้นต้นด้วย 'XR' ยกตัวอย่างเช่น 'XR-750', 'XR1000', 'XR1200' เป็นต้น
จากข้างต้น ก็พอทราบบ้างแล้วว่า 'XL' ใช้สำหรับเรียกรถในสายการผลิตทั่วไปของรุ่น “Sportster” และ 'XR' ใช้เรียกรถ “Sportster” ที่ใช้ในการแข่งขัน นอกเหนือจากนั้น รหัส 'XL' ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวรถอื่นๆ อีก ดังนี้
XL H – "H" หมายถึง รถที่มีการอัดของเครื่องยนต์สูง
XL C – "C" คือ รถ “Sportster” ในสไตล์ 'Off-Road'
XL CH – "CH" เป็นไปตามที่คุณกำลังคิด ในที่นี้ หมายถึงรถสไตล์ 'Off-Road' ที่มีแรงอัดของลูกสูบสูง ทั้งถึกทั้งแรงกันเลยทีเดียว
XL X – "X" เดาได้เลยว่ารถคันนี้มีราคาถูก เนื่องจากรหัสดังกล่าวจะใช้กับ “Sportster” เดิมๆ ที่ไม่มีการตกแต่งตัวรถแต่อย่างใด
XL T – "T" คือรหัสที่ใช้เรียก “Sportster” แนวทัวริ่ง
XL H – "Hugger" เป็นรหัสที่ใช้เรียก “Sportster” ที่มีเบาะทรงเตี้ย กระบอกโช้คสั้น เหมาะสำหรับไบค์เกอร์รูปร่างเล็กเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากทราบรหัสตัวอักษรที่คอยบอกลักษณะของ “Sportster” แนวต่างๆ แล้ว คราวนี้ เรามาดูตัวเลขที่อยู่ด้านหลัง โดยปกติแล้วตัวเลขดังกล่าว คือขนาดความจุของเครื่องยนต์ในรถคันนั้น ยกตัวอย่างในรถ 3 รุ่นนี้
XL900 – คือ “Sportster” ที่ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานมีความจุขนาด 900 ซีซี
XR1200 – คือ “Sportster” ความจุเครื่องยนต์ขนาด 1200 ซีซี รถสไตล์ "Flat Tracker" ที่ใช้ในรายการแข่งขันชิงแชมป์
XL883 – คือ “Sportster” ที่ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานมีความจุขนาด 883 ซีซี
นอกจากตัวเลขแล้ว ด้านหลังตัวเลขยังมีตัวอักษรอังกฤษอีกหนึ่งตัว เรามาทำความเข้าใจกันว่าตัวอักษรเหล่านั้นหมายถึงอะไร
XL1200N – คือ "Nighster"
XL883L – คือ "SuperLow" Sportster
XL1200C – คือ "Custom" Sportster
XL883R – คือ "Roadster"
คราวนี้ก็ได้ทราบรายละเอียดรหัสรุ่นของ “Sportster” กันไปพอสมควรแล้ว จำไว้เสมอว่า รถแต่ละรุ่นมีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบแตกต่างกันไป แต่ละรุ่นก็มีเอกลักษณ์ในตัวของมัน ขึ้นอยู่กับว่า “Sportster” รุ่นไหนจะตอบโจทย์ความเป็นตัวคุณมากที่สุด อย่าเสียโอกาสที่จะหามันมาไว้ครอบครองสักคัน
มีหลายข้อถกเถียงถึงการเปลี่ยนแปลงระบบเกียร์ที่เกิดขึ้นในปี 1991 จากเดิม 4-สปีด เป็น 5-สปีด บางกลุ่มก็บอกว่า สำหรับเครื่อง V-twin ทอร์คจัดๆ ของรถ Harley-Davidson เกียร์ 4-สปีด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่บางกลุ่มก็เสนอว่า 5-สปีด น่าจะเหมาะสำหรับขี่ในเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณชอบแบบไหน ก็มั่นใจได้ว่าทุกช่วงเวลาที่คุณได้เข้าเกียร์ ได้บิดคันเร่ง ได้ฟังเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ พนันได้เลยว่าคุณจะหลงรักใน Harley-Davidson อย่างถึงที่สุด
การเปลี่ยนจากการใช้โซ่เป็นระบบสายพาน เริ่มต้นครั้งแรกในปี 1993 ด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อเป็นการลดค่าบำรุงรักษา เนื่องจากสายพานมีระยะการใช้งานสูงกว่าการใช้โซ่ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองระบบก็มีข้อได้เปรียบและเสียบเปรียบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการใช้รูปแบบใด
หลายๆ คนหลงรักเครื่องยนต์แบบ 'Ironhead' แต่ก็คงจะละเลยเครื่อง 'Evolution' ไม่ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดมาให้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม Harley-Davidson ไม่ได้เกิดมาคู่กับนิยามของคำว่า 'ง่ายๆ' เพราะฉะนั้น ถ้ามองถึงต้นตำรับตามแบบฉบับของ Harley แล้ว เครื่องคาบูเรเตอร์แบบ 'Ironhead' ดูจะตอบโจทย์สาวก Harley ตัวจริงมากกว่า
ระบบกันสะเทือนและยางรองแท่นเครื่องที่เพิ่มเข้ามาในปี 2004 ถูกนำมาใช้กับ “Sportster” ทุกรุ่น คุณสมบัติพิเศษของมันคือ เป็นตัวช่วยลดการสั่นของเครื่องยนต์ แต่บางรุ่น เช่น "Ironhead" เมื่อทดลองขี่ไปในระยะทางไกลๆ ก็ไม่พบปัญหาการสั่นของตัวเครื่องเท่าใดนัก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความชอบส่วนบุคคลว่าต้องการรถสไตล์ไหน แบบนุ่มนวลหรือแบบดุดัน
ก่อนซื้อต้องตรวจสอบดูเลขเฟรมและเลขเครื่องก่อนทุกครั้ง ถ้าเลขดังกล่าวไม่ตรงกับตัวรถหรือผิดแปลกไปจากเอกสารที่กำหนดไว้ อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้
เครื่องยนต์ความจุ 883 ซีซี มีขนาดเล็กและรีดพละกำลังได้น้อย การเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี หมายความว่าทั้งลูกสูบและกระบอกสูบก็ต้องเปลี่ยนขนาดตามไปด้วย ทำให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากเน้นประหยัดสบายกระเป๋า 883 ซีซี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณเป็นคนประเภทบ้าพลัง จะถูกจะแพงขอแรงไว้ก่อน เก็บเงินอีกนิดขยับไป 1200 ซีซี จะตอบโจทย์มากกว่า
ตั้งแต่ปี 2007 “Sportster” ทุกคันเปลี่ยนจากการใช้คาบูเรเตอร์เป็นการจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด เนื่องจากในหน้าหนาวเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดจะให้สมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องยนต์คาบูเรเตอร์ อย่างไรก็ตาม ทาง Harley ก็ยังคำนึงถึงเสียงเครื่องยนต์ตามแบบฉบับเฉพาะของ Harley-Davidson ซึ่งดูจะขัดกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอยู่ไม่น้อย เพราะถึงแม้ระบบดังกล่าวจะช่วยให้เครื่องมีความนุ่มนวล แต่ก็ต้องแลกมากับเสียงเครื่องยนต์ที่เบาลงด้วย และสำหรับเครื่องที่ใช้คาบูเรเตอร์ หากหมั่นดูแลรักษาดีๆ แล้ว การซ่อมแซม การบำรุง หรืออะไหล่ ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้หนักกระเป๋าเจ้าของจนเกินไป
“Sportster” ทุกๆ คัน จะมีความเป็นคัสตอมในสไตล์ของตัวเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการออกแบบดีไซน์ของเจ้าของเดิมว่าจะเติมแต่ง สร้างสรรค์ผลงานสองล้อของตนอย่างไร ทั้งนี้ ผู้ซื้อควรสอบถามให้แน่ชัด หากมีบางชิ้นส่วนที่ตกหล่นหรือขาดหายไป
ไม่มีใครที่อยากให้ “Sportster” คู่ใจมีอาการ “ดื้อ” ไฟดับ สตาร์ทไม่ติด ฯลฯ ดังนั้นควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนการซื้อ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คุณได้พิจารณาก่อนตัดสินใจที่จะเลือกซื้อ “Sportster” มือสองงามๆ สักคัน พึงระลึกไว้เสมอว่า ยิ่งคุณศึกษาตัวรถมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะเสียใจในภายหลังก็มีน้อยเท่านั้น... และเมื่อได้มันมาแล้ว ก็จำไว้อีกว่า การที่คุณดูแลมันมากเท่าไร มันก็จะอยู่กับคุณไปนานเท่านั้นเช่นเดียวกัน... มันจะกลายเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว กลายเป็นสมบัติที่มีคุณค่ามากเกินกว่าจะเป็นแค่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง..
---
ที่มา... silodrome.com
แปลและเรียบเรียงโดย... HD-Playground