Indian Scout ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี1919 แต่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นโมเดลปี1920 ซึ่ง Scout คันที่ 627 ก็ได้ถูกส่งไปถือมือผู้ซื้ออย่าง Burt Munro นักบิดชาว New Zealand ผู้สร้างตำนานจ้าวความเร็วที่ด้วย Indian Scout ที่ Bonneville Salt Flats โมเดลดั้งเดิมของ Indian Scout ปี1920 นั้นใช้เครื่องยนต์ V-twin 610cc ซึ่งยังคงช้าเกินไปสำหรับ Burt Munro จึงต้องมีการดัดแปลงให้ Indian Scout ปี 1920 ปีของเขาสามารถทำสถิติโลก Land speed ในปี1962 ปี1966 และ ปี1967 และสามารถทำความเร็วได้เกิน 200 mph
Indian Scout ที่ออกแบบโดย Charles Franklin วิศวกรและผู้หลงใหลมอเตอร์ไซค์ชาว Irish ได้กลายเป็นอีกหนึ่งโมเดลยอดนิยมที่ผลิตขึ้นจากโรงงานใหญ่ใน Springfield และ Scout ยังเป็นมอเตอร์ไซค์พิกัด Middleweight ขี่ง่ายที่ใช้เครื่องยนต์ Flat-twin สี่จังหวะโดยสืบเชื้อสายมาจาก Indian Model O ซึ่งเลิกผลิตไปในปี 1919 ด้วยดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ v-twin ใหม่และช่วงหน้าแบบ leaf spring trailing arm ระบบเกียร์สามสปีดแบบแฮนด์ซิฟท์ที่ข้างถังน้ำมันเชื้อเพลิง โดย Scout ใช้เครื่องยนต์เดียวกับโมเดลปี 1920 เรื่อยมาจนมีการอัพเกรดครั้งแรกกับ Scout 45 โมเดลปี 1927 ที่ใช้เครื่องยนต์ 45ci (745cc) ซึ่งเป็นการอัพเกรดเพื่อใช้สู้กับ Excelsior Super X ที่เปิดตัวในปี 1925 และใช้เครื่องยนต์ v-twin 45ci เหมือนกันต่าน่าเสียดายที่ Excelsior ต้องปิดตัวไปในปี 1931ซึ่งเป็นผลมาจากพิษเศรษฐกิจในช่วง Great Depression
ในปี 1928 Charles B. Franklin ได้ออกแบบ Scout ใหม่อีกครั้งโดยเปลี่ยนแปลงทั้งเฟรมใหม่ ที่มีระยะฐานล้อ 57⅛ นิ้ว และความสูงของเบาะที่ต่ำกว่าเดิมและยังปรับให้ให้ขี่ง่ายยิ่งขึ้นเพื่อใช้สู้กับคู่แข่งสำคัญอย่าง Harley Davidson และ Excelsior จนในที่สุด Scout 101 กลายเป็นที่นิยมสำหรับใช้ในการแข่งขัน ปีนเขา รวมไปถึงการขี่สตันท์โชว์เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีการบังคับได้ดีและสมดุลของน้ำหนังและสมรรถนะอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ Scout 101 ยังใช้ในการแสดง wall of death จึงได้นิยามว่าเป็น “มอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุดเท่าที่ Indian ผลิตมา” จนในปี1931 พิษเศรษฐกิจในช่วง Great Depression ส่งผลกระทบต่อกิจการของหลายๆแบรนด์จนทำให้ต้องค่อยๆปิดตัวลงไป แต่ Indian ก็ได้แก้วิกฤตด้วยการใช้ประโยชน์จากเฟรมที่ออกแบบมาเป็น “one size fits all” ที่สามารถใช้ได้กับทุกโมเดลใหม่ของ Indian ทั้ง Scout หรือ Chief และโมเดลที่ใช้เครื่องยนต์สี่สูบอย่าง Indian Four แต่ก็ส่งผลให้ Indian Chief และ Indian Four มีมิติของรถที่กว้างขึ้น หนักขึ้น ช้าลง และบังคับยากขึ้นยอดขายของทั้งสองโมเดลนี้จึงตกลง
นับจากปี 1932 Indian ยังคงผลิต Scout อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 1937 และก็ได้ออก Scout ปี1933 ที่หนาขึ้นแต่สมรรถนะลดลงออกมาจนทำให้สูญเสียพื้นที่ในตลาดให้กับคู่แข่งไป ดังนั้นการแก้ไขปัญหาอีกครั้งหนึ่งจึงทำให้เกิดเป็นโมเดล Sport Scout ที่มี Scout 101เป็นต้นแบบ โดยใช้เฟรมน้ำหนักเบาสองชิ้นที่แข็งแรงกว่าแต่น้ำหนักเบากว่า 101 รุ่นเก่า ฝาครอบเสื้อสูบอัลลอย ช่วงหน้าใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคาร์บูเรเตอร์ซึ่งน้ำหนักโดยรวมแล้วหนักกว่า Scout 101 เพียงสิบห้าปอนด์ แต่เต็มไปด้วยสิ่งที่เหล่าสาวกต้องการ และในการแข่งขันที่ Daytona200 ในปี1937 Sport Scout ก็สามารถคัวชัยในการแข่งขันได้สำเร็จในที่สุด Indian ได้เพิ่มบังโคลนแบบครอบล้อให้กับโมเดลต่างๆในปี1940 จนกลายเป็นเอกลักษณ์มาจนถึงทุกวันนี้และได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Scout โดยเปลี่ยนมาใช้กันสะเทือนท้ายแบบกระบอก
จากเหตุการณ์ในวันที่ 7 ธันวาคม 1941 กองทัพญี่ปุ่นโจมตีอ่าว Pearl Harbour เป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นให้กองทัพ US เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองและเป็นเวลาเดียวกันกับที่กองทัพต้องการยานยนต์ที่คล่องตัวที่จะใช้ในสงครามครั้งนี้ Indian จึงได้ผลิต Junior Scout เครื่องยนต์ 500cc เป็น Military grade ออกมาเพื่อใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองนี้ และหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงตลาดมอเตอร์ไซค์ก็กลับมาคึกคักอีกครั้งพร้อมการบุกครองตลาดของมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษ
กลุ่มทุนที่นำโดย Ralph B. Rogers ที่เขามาซื้อกิจการของ Indian ในปี1945 ได้ตัดสินใจยกเลิกการผลิต Indian Scout โดยในปี 1948 Scout โมเดลพิเศษสุดท้ายชุดสุดท้ายก็ถูกผลิตขึ้นในจำนวนที่จำกัด โดยมี Indian 648 Sport Scout หรือ “Big Base” เพียงห้าสิบคันเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขัน และก็เป็น Floyd Emde ที่คว้าแชมป์ Daytona 200 ไปได้ด้วย 648 Sport Scout แต่ถึงแม้ว่าชื่อของ Scout จะถูกนำไปใช้กับโมเดล 249 Scout ที่ใช้เครื่องยนต์ Straight-twin ที่ผลิตขึ้นในปี 1949 ก็ตาม แต่ยังถือว่า 648 Sport Scout เป็นโมเดลสายเลือก Scout รุ่นสุดท้ายก่อนที่ที่จะปิดตำนานครุยเซอร์พิกัด middle weight ยอดนิยมของ Indian
นับตั้งแต่ปี 1953 Indian Motrocycle ก็ต้องเปลี่ยนผ่านไปอยู่ในมือนักลงทุนหลยาต่อหลายรายจนในที่สุด Polaris Industries ก็ได้สร้างตำนานบทใหม่ด้วยการประกาศปลุกชีพ Indian Scout ขึ้นมาอีกครั้งในปี 2011 และในปี 2015 ก็ได้มีการเปิดตัว Indian Scout ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ v-twin 69.1ci (1,133cc) DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำที่ติดตั้งเข้ากับเฟรมอัลลอยแบบ Multi-part และในปี 2016 Polaris Industries ก็ได้เปิดตัว Indian Scout Sixty ที่หน้าตาละม้ายกับ Scout โมเดลพี่ เพียงแต่ใช้เครื่องยนต์ที่เล็กกว่า โดยเป็นเครื่องยนต์ v-twin 61ci (999cc) DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำซึ่งทั้งสองโมเดลนี้ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมทางวิศวกรรมอันยอดเยี่ยมที่แสดงถึงการผสานน้ำหนักเบาเข้ากับความสบายโดยเพิ่มรูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตเข้าไปให้มากกว่าโมเดลพี่ใหญ่อย่าง Indian Chief
สาเหตุที่ Indian Scout ได้รับความนิยมนับจากที่เริ่มต้นจากปี 1920 จนถึงปัจจุบันนั่นเพราะเป็นมอเตอร์ไซค์น้ำหนักเบาที่ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะสูง และเหมาะสมกับที่เป็น Icon สำหรับมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกันอย่างแท้จริง โดย Indian Scout ใหม่เป็นรูปแบบของการใส่ความทันสมัยเข้าไปในรูปลักษณ์ดั้งเดิม
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... indianmotorcyclethailand.com