หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสภาพภูมิอากาศ หรือความเค็มของน้ำทะเล รวมถึงลมทะเลที่พัดโชยมาจากทะเล นั้นอาจจะมีปฏิกิริยาที่ส่งผลต่อรถยนต์ของคุณได้ในระยะยาว ถ้าหากมีการจอดทิ้งไว้นานๆ หรือขาดการหมั่นดูแลรักษา เพราะความเค็มของน้ำทะเลมักจะส่งผลทำให้โลหะมีการผุกร่อน หรือเกิดสนิมได้โดยง่าย ซึ่งถึงแม้คุณจะจอดรถเอาไว้เฉยๆ รถของคุณก็อาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าระยะเวลาจริงก็ได้ ถ้าหากคุณซื้อรถมือสองมาขับด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องหมั่นดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพราะรถมือสองคันที่คุณซื้อมาอาจจะผ่านการใช้งานมาในช่วงเวลาหนึ่งจนทำให้สภาพรถมือสองคันนั้นไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร อย่างเช่น พวกสารเคลือบ หรืออะไหล่บางอย่างอาจจะเสื่อมสภาพไปตามเวลา
หากคุณแค่ขับรถมือสองไปเที่ยว หรือจอดรถทิ้งไว้ในพื้นที่ติดทะเลเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็อาจจะไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวลมากนัก แต่ในกรณีที่คุณมีที่อยู่อาศัย หรือทำงานในพื้นที่ติดทะเล และต้องนำรถมือสองจอดไว้ในพื้นที่ที่ต้องปะทะกับลมทะเลตลอดเวลา ควรจะต้องมีการดูแลที่พิเศษมากกว่าการจอดไว้ในเมือง หรือพื้นที่ทั่วไป ดังนั้นในบทความนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสภาพรถยนต์จาก Trusteecar.com จะมาให้คำแนะนำในการดูแลรถมือสอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาพอากาศทางทะเล
1. คลุมผ้า
สำหรับคนที่จำเป็นต้องจอดรถมือสองเอาไว้แค่ชั่วคราวประมาณ 2-3 วันขึ้นไป แนะนำให้คลุมผ้าให้ครอบคลุมทั่วทั้งตัวรถตลอดเวลาที่ต้องจอดรถทิ้งเอาไว้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีป้องกันที่ง่าย และเบสิกมากที่สุด เพราะนอกจากกันลมทะเลได้แล้ว ยังสามารถกันฝน กันแดด หรือกันสิ่งสกปรกอื่นๆ ได้ด้วย
2. ล้างอัดฉีด
ถ้าหากคุณจอดรถเอาไว้นาน หรือว่าไม่ได้ใช้ผ้าคลุมรถ แนะนำให้คุณนำรถไปล้างแบบอัดฉีด เพื่อที่จะได้เป็นการทำความสะอาดรถมือสองได้อย่างทั่วถึง โดยวิธีนี้ก็เป็นวิธีการดูแลรักษารถแบบเบื้องต้นที่ทำได้ไม่ยาก
3. พ่นกันสนิม
ในกรณีที่คุณหลีกเลี่ยงการจอดรถไว้ใกล้พื้นที่ติดทะเลไม่ได้จริงๆ แนะนำให้นำรถไปพ่นเคลือบกันสนิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถมือสอง เพราะนอกจากมันจะช่วยป้องกันสนิมได้แล้ว มันยังสามารถช่วยบำรุงรักษารถมือสองของคุณให้ยังคงมีสภาพดีได้อีกด้วย แต่ถ้าหากรถมือสองของคุณมีรอยสนิมขึ้นอยู่แล้ว แนะนำให้ขูดสนิมออกก่อนที่จะพ่นสารเคลือบกันสนิททับลงไปอีกที