หลังจากสัมภาษณ์ เสี่ยโต แห่งร้าน T-Cycle พระราม 3 พร้อมทั้งเยี่ยมชมโฉมใหม่ของโชว์รูมแห่งนี้กันไปแล้ว HDP ยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์สองช่างใหญ่มากประสบการณ์ประจำร้าน T-Cycle อย่างพี่พงษ์ และพี่โอ่ง ที่จะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของพวกเขา รวมถึงการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson และบริการที่ทุกท่านจะได้รับจากการนำรถมาซ่อมที่ร้าน T-Cycle แห่งนี้
HDP : พี่พงษ์เริ่มต้นทำงานช่างมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ พี่พงษ์ : ถ้าเริ่มทำสายช่าง สายมอเตอร์ไซค์เลย ก็ตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ป.6 เริ่มจากซ่อมรถตลาดทั่วไปของบ้านเรา จากรถเล็ก แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาที่รถใหญ่ ที่ซ่อมตอนเด็ก ๆ เลย ก็จะเป็นรถรุ่นโบราณเมื่อ 20 - 30 ปีที่แล้ว พวก C70 พวก Super Cup แล้วก็ขยับขึ้นมาเป็นพวก Super Bike ผมเล่นอยู่ไม่นาน ปีสองปีก็เลิกละ เริ่มเบื่อ คือรถญี่ปุ่นมันไม่มีอะไรให้เราเล่นแบบสนุก พอเล่น ๆ ไปจนถึงจุดตันมันก็จะตันละ ไม่มีอะไรเล่นต่อ แล้วก็เป็นจังหวะที่ลูกพี่เก่าคนรู้จักกัน เขาอยู่ ร้านเก่าที่ผมอยู่มา ที่พระประแดง เขาเล่น Harley ตอนยุคนั้น
HDP : จากรถเล็ก มาเป็น Super Bike แล้วก็มาเป็น Harley เลยเหรอครับ พี่พงษ์ : ใช่ มาเป็น Harley เลย พี่โต : เขาเคยไปฝึกงานที่ Jammer พี่พงษ์ : ก็ไม่เชิงไปฝึกนะ คือช่วงนั้นเบื่อทำรถ เลยคิดจะเปลี่ยนอาชีพ ชอบ Harley แต่ก็เคยเห็นแค่ในรูป พอได้เห็นของจริงก็ต้องไปยืนดูห่าง ๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พอดีได้จังหวะลูกพี่เก่าอยู่ ก็เลยไปเล่นกับแก แล้วก็ได้ไปเจอกับพี่ตุ้ย แกเลยพาไปเข้าที่นั่น ให้เป็นเด็กฝึกงานไปเป็นคนจัดของช่วยช่าง แต่ยังไม่ทันถึงเดือน ช่างก็ทิ้งผมไว้คนเดียว ก็เลยอยู่กับพี่ตุ้ย ลุยกันมา 10 - 13 ปีได้ละมั้ง ก็เท่ากับทำ Harley ได้ 13 ปีเลย HDP : แล้วพี่พงษ์เริ่มต้นเรียนรู้เรื่องซ่อม Harley ยังไงครับ พื้นฐานคล้ายกันหรือเปล่า พี่พงษ์ : พื้นฐานก็คล้าย ๆ กัน แต่อาศัยว่าต้องใจเย็นนิดนึง ต้องเชื่อตำรา อยู่ที่นั่นมันจะดีอย่างคือมีตำรา แล้วเขาก็แปลเป็นภาษาช่างให้เราเข้าใจ เราก็ค่อย ๆ จำ จากตรงนั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ยึดจากตรงนั้น และก็ทำตามหนังสือ จนบางทีหนังสือมันมาไม่ถึง เราก็พลิกแพลงในเชิงช่างเอาเอง มันมีเทคนิคในการพลิกแพลงอยู่ ก็ดูว่าอาการแบบนี้มันเกิดจากอะไร
HDP : แล้วพี่โอ่งละครับ เริ่มต้นงานซ่อมได้ยังไง พี่โอ่ง: ช่วงนั้นผมทำ Super Bike ทำรถแข่ง แล้วก็มาทำ Harley ทำ Harley มาก่อนตั้งแต่สมัยอยู่ปากน้ำ ทำรุ่นโบราณครับ พวก WLA พวกรุ่นเก่า Side Valve HDP : แปลว่าพวกรถอย่าง Side Valve พวก Knuckle พวกนี้พี่โอ่งก็ทำได้ พี่โอ่ง : ครับ HDP : ทำมาตั้งแต่ตอนขุดมาเป็นซากเลยมั้ยครับ พี่โอ่ง : ขุดเป็นเข่งเลยครับ แล้วก็มาทำความสะอาดทีละชิ้น ส่วนพวกอะไหล่ หาค่อนข้างยาก ก็ต้องมีแปลงกันบ้าง HDP : งานแปลงนี่ ปัจจุบันยังทำได้มั้ยครับ พี่โอ่ง : โห แต่จะลืมไปแล้ว เพราะมาเจอรุ่นใหม่ ๆ ก็สั่งอย่างเดียว
HDP : แต่ก่อนสร้างชิ้นงานเองด้วย อย่างพวกบังโคลน ถังน้ำมัน พี่โอ่ง : ก็มีทำ อย่างงานเคาะนี่ ก็ทำด้วย HDP : แสดงว่าถ้าให้ทำ Custom Bike ก็ยังได้ พี่โอ่ง : ได้ครับ HDP : แล้วพวกเครื่องยนต์ถนัดตัวไหนครับ ถ้าไล่มาตั้งแต่ Knuckle, Shovel, Panhead, Evo... พี่โอ่ง : ก็ทำได้หมดครับ พี่โต : อยู่นี่ส่วนใหญ่ก็เจอแต่ Twin Cam พี่พงษ์ : ยุคหลังมาก็เป็น Twin Cam เริ่มมาตั้งแต่ปี 2000 ที่ผมฝึกมา ขุดมาเลยก็คือ พวก Evo พี่โต : ประทับใจแกตอนที่แกเข้ามาใหม่ ๆ ก็คือว่าลูกค้าเข้ามาเป็น Evo มาปุ๊บก็มีเสียงดัง แก๊ก ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ถ้าปกติก็ต้องรื้อออกมา แต่แกบอกได้เลยว่าเสียงแบบนี้อะไรเสีย เราก็เลย เออ... เว้ยเฮ้ย ก็โอเคที่ได้พี่เขามาช่วยงาน
HDP : แล้วพวกหน้า Springer พี่พงษ์ก็คุ้นเคยดี พี่พงษ์ : คุ้นเคยครับ พวก Springer มันก็จะมาเน้นละเอียดอย่างเดียว อย่างอื่นไม่มีอะไรยาก ถ้าศูนย์ตรง แล้ว set ฟอร์มให้แม่น ทุกอย่างก็จบ เพราะพวกนั้นเป็นเหล็กกับสปริง 2 อย่าง HDP : ถ้าเกิดแกะประกอบหน้าแก้สปริงเนี่ย ก็ทำตามคู่มือได้เหมือนกัน พี่พงษ์ : ไอ้นั่นไม่ต้องใช้คู่มือแล้วตอนนี้ จำได้หมดแล้ว พี่โต : จำกลอนได้หมดทุกตัวแล้ว
HDP : โอ้โห แล้วอย่างนี้พี่พงษ์คิดว่าในแวดวงช่างซ่อม Harley ของบ้านเรา เป็นยังไงบ้างครับ พี่พงษ์ : จำนวนช่างน่าจะเริ่ม ๆ ไม่พอแล้วนะ แล้วเด็กปัจจุบัน... พูดกันหลัก ๆ เลยก็คือฝึกยากมาก เขาจะเอาแต่ใจ ไม่เหมือนรุ่นเก่า ๆ รุ่นผม รุ่นพี่โอ่ง รุ่นเราคือด่าให้หนีก็ไม่หนีนะ นั่นล่ะถึงจะได้เป็นช่าง เด็กทุกวันนี้ไม่ได้ พี่โต : ได้ยินมาว่าของ HD-Playground ก็มีโครงการเกี่ยวกับช่างเหมือนกัน HDP : ครับ ตอนนี้ HDP ก็คุยอยู่กับทางดอนบอสโก โรงเรียนช่างที่อยู่ตรงแถวเพชรบุรี-อโศก คือโรงเรียนนี้เขาเอาเด็กที่บ้านยากจนมาเรียน เพราะฉะนั้นเด็กพวกนี้ เขาก็ต้องการที่จะเป็นช่างจริง ๆ ไม่ได้เข้าไปเรียนเหมือนกับช่างอื่นที่แบบเพื่อจะไปตีกัน ไปหาเรื่องกัน โรงเรียนนี้จะไม่รับเลย ถ้าเกิดสัมภาษณ์ว่ามาเรียนเพราะอะไร เพราะพ่อแม่อยากให้มาเรียนช่าง เพราะว่าเกเรเลยให้มาเรียนช่างเขาจะไม่รับ เพราะว่าเด็กที่นี่ต้องอยากมาเรียนช่างด้วยตัวเอง ผมก็เลยคุยกับเขาว่า แผนกช่างยนต์เนี่ย ผมอาจจะขอเหมือนกับเอาเด็กที่มีความประพฤติดี นิสัยดี ขยันอยากเรียน อยากเรียนรู้อะไร อย่างนี้ มาฝึกงาน พี่โต : มาฝึกกับเรา พี่ว่าดีมั้ย พี่พงษ์ : ดี ๆ แต่ต้องทำความเข้าใจนิดหนึ่งว่า Harley เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา ต้องใช้เวลาเรียนรู้ เพราะพวกนี้จะไม่ปุ๊บปั๊บ ๆ ปีสองปีนี่ บางทีไม่รู้เรื่อง เพราะกว่าจะเสียแต่ละชิ้นงาน โอ้โห เช็คยาก รถมันจะทน นานนานเลยจะเจอ อย่างช็อตที่ผมทำอยู่นี่ก็ตั้งแต่ปี 05 มันเพิ่งจะมีอาการให้เราเห็น
HDP : แล้วเรื่องข้อจำกัดของการซ่อมรถ จากสภาพปัจจุบัน คิดว่าในอนาคตต่อไปจะมีปัญหาอะไรมั้ยครับ อย่างในกรณีที่ว่าเราไม่ได้ไปผูกกับทางดีลเลอร์ พวกเครื่องมือ เครื่องไม้ มันจะเป็นอุปสรรคมั้ย พี่โอ่ง : นี่สำคัญนะ พอพวกอิเล็กทรอนิคเข้ามา พี่พงษ์ : ใช่ อิเล็คทรอนิคมันเริ่มเข้ามา เยอะ แต่ถ้าเรามีช่างรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาฝึกมันก็ดี เพราะอย่างพวกผม พวกพี่โอ่ง นี่ก็คือพื้นฐาน Manual อย่างเดียวเลย คือกลุ่มคาร์บูว่างั้นเถอะ เอากันง่าย ๆ ถ้าเป็นหัวฉีดมา พื้นเราก็จะขึ้นสูง สูงไม่ทันเขา แต่ถ้าเด็กรุ่นใหม่เขาจะเก่งคอมเก่งอะไร น่าจะดีกว่า HDP : คือปัจจุบันมันจะต้องจูนผ่านคอมพิวเตอร์ด้วย พี่โต : ใช่ เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง พี่โอ่ง , พี่พงษ์ : เราก็ต้องพัฒนาขึ้นไปอีก HDP : ในอนาคตถ้ามีน้อง ๆ เข้ามา แล้วเราเริ่มที่จะส่งเขาไปเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ อะไรพวกนี้มัน พวกเขาจะได้สามารถกลับมาช่วยเราได้ พี่พงษ์ : นั่นแหละ จะช่วยได้เยอะเลย ก็คือพื้นฐาน พวกเคลือบ พวกไฟนอล เราหน่ะแข็งพออยู่แล้ว แต่เราก็ไปอ่อนอยู่จุดเดียว คือจุดอิเล็คทรอนิค
HDP : อย่างตอนที่ผมไปเนี่ย ก็จะมีเด็กทั้งช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน คือเขาจะเริ่มต้นมาแบบมาตรฐาน พื้นฐานช่าง ตะไบก่อน ยุ่งคุยกับปากกาทั้งวัน หลังจากนั้นก็จะวัดชิ้นงาน ทำตัดเจาะ พับอะไรพวกนี้ งานเชื่อม พวกเชื่อมอาร์กอน เชื่อมอะไรรุ่นใหม่ แล้วก็ค่อย ๆ กลับมาเรียนทางพื้นฐานช่างยนต์ เรียนเครื่องยนตร์ 2 จังหวะ 4 จังหวะ เป็นยังไง พวก ไซเรนเดอร์ มันออกมายังไง วงจรการหมุนของเครื่องจักรเป็นยังไงประมาณนี้ พอได้อย่างนี้เสร็จปุ๊บ พอมาเจอพี่พงษ์ เขาก็จะเรียนรู้กับพี่พงษ์ได้เร็ว พี่พงษ์ : จะได้เร็วขึ้น ก็คือจากที่เป็นปี ก็อาจจะโหลดลงมาซักครึ่งหนึ่ง 3 เดือน 4 เดือน เขาก็จะเข้าใจแล้ว ถ้าขลุกอยู่ด้วยกันจริง ๆ ซักปีหนึ่ง เราก็สามารถที่จะปล่อยมือเขาได้แล้ว เราก็รอตรวจงาน นับเป็นแนวทางการพัฒนาช่างที่ดี HDP : อยากให้พี่พงษ์ พี่โอ่ง ฝากอะไรถึงพวกลูกค้า หรือว่าคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ Harley สักหน่อยครับ พี่พงษ์ : กลุ่มพี่ ๆ ทุกคนก็รู้ ๆ กันอยู่ รู้จักกันดี ก็คือมีอะไรก็เล่นกันเฮฮาปาร์ตี้ครับ รถเสีย รถ Service อะไรเนี่ย ทางพี่โตแกสะดวก ขอให้โทรมา บอกจุดแค่นั้นเองเดี๋ยวไปรับ ถ้าคุณไม่สะดวกมารับ เดี๋ยวผมไปส่ง บริการกันถึงที่ พี่โอ่ง : ก็อย่าลืมคิดถึง T- Cycle นะครับ เรื่องซ่อมเรื่องอะไร ลุยได้หมด พี่พงษ์ : มีปัญหาอะไรก็มาเลย ถ้ามีปัญหามาคือไม่มีกลัวว่างั้นเถอะ แล้วพี่โตไม่มีพาถอย แกจะพาเดินอย่างเดียว คำว่าถอยนี่จะสะกดกันไม่เป็น
รถใครใครก็รัก เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาซ่อมบำรุงเราก็ต้องการช่างที่มีความชำนาญและเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง พี่พงษ์ และพี่โอ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของช่างฝีมือดีซึ่งเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในแวดวง Harley เพราะมีทั้งทักษะที่เชี่ยวชาญ ใจรัก และเป็นกันเอง ซึ่ง HDP หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะได้รับการถ่ายทอดไปยังช่างรุ่นใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาวงการ Harley ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป