หลังจากได้รับบทเรียนในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า อย่าไปล้อเล่นกับหน่วยไมล์ มันไกลเหลือเกิน ขากลับเลยเอาใหม่ ตื่นมันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง อาบน้ำเรียบร้อย ก็มากินอาหารเช้าที่โรงแรม กะว่าวันนี้เอารถไปคืนทัน 5 โมงเย็นชัวร์! อาหารเช้าแบบง่าย ๆ ที่โรงแรม ไม่อร่อยไม่เป็นไร เพราะเป็นของฟรี กินเข้าไปเหอะ
อากาศข้างนอกยังขมุกขมัวอยู่เหมือนเดิม...
ออกจาก Oakland วิ่งเข้าเส้น 580 ไปทางตะวันออก ถนนกว้าง วิ่งสบาย รถไม่เยอะ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากเขตใกล้ทะเลที่มีแต่เมฆคลุมท้องฟ้า ขี่มาจนถึงแถบ Tracy เส้นที่จะแยกเข้าสาย 99 ท้องฟ้าจะค่อย ๆ เปิด ภูเขาช่วงนี้เหมือนเป็นตัวแบ่งเขตอากาศครับ เมฆจะไม่ลอยออกไปนอกเขตนี้ บนภูเขาจะมีกังหันลมเอาไว้ปั่นไฟเต็มไปหมด เหมือนเป็นฟาร์มผลิตกระแสไฟฟ้าเลยครับ เมฆแตกตัวกลายมาเป็นฟ้าโล่ง... กลายมาเป็นแดดจ้า ตามแบบ California ทางใต้ ภูเขาละแวกนี้เป็นเขาหัวโล้น สลับเป็นลูกเล็ก ๆ เต็มไปหมด แดดแรงแบบเปลี่ยนภูมิอากาศกระทันหัน พ้นจากเขตอากาศขมุกขมัว เข้าสู่แสงแดดแรง ๆ ตามแบบแคลิฟอเนียใต้... แวะเติมน้ำมันกะเข้าห้องน้ำกันก่อนแถบนี้ยังอากาศเย็นอยู่ครับ แล้วก็ออกเดินทางต่อ ยังอีกร่วม ๆ 100 ไมล์กว่าจะถึง Fresno ตลอดทางมีแต่รถพ่วง ไม่พ่วงเรือ ก็พ่วงรถ ขยันขนกันจริง ๆ ถนนเส้นนี้คือ Highway 99 เป็นเส้นรองจาก Inter-state 5 ที่ใช้วิ่งลง LA ตามปกติ ผมว่าขี่สบายกว่า เพราะเส้น Inter-State รถเยอะเหลือเกิน แต่ขนาดถนนจะเล็กกว่า บางช่วงเหลือแค่ 2 เลนบางช่วงก็เป็น 3 เลน บางช่วงก็ทำทางซะยาวเลย ขี่เอง ถ่ายเอง กล้องแบบสไลด์ฝา เหมาะกับการถ่ายมือเดียวระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ ระหว่างทางก็จะมี Dealer Harley ให้เห็นบ้างครับ อยากแวะเข้าไปดูแต่กลัวกลับไปคืนรถไม่ทัน 5 โมงเย็น
เสียดายที่แบตฯ ใช้ได้น้อยไปหน่อย ผมเปิดถ่ายทุก 10 วินาที ใช้งานได้ประมาณ 3 ชม.กว่า ไว้ครั้งหน้าคงต้องใช้ถ่ายทุก ๆ 30 วิฯ คงได้ทั้งวัน แต่ห้ามเปิด LCD Back Pac ค้างไว้นะครับ กินแบตฯ สุด ๆ อาจจะอยู่ได้ไม่เกินชั่วโมง
จากตารางเวลาที่รวบรัด กับระยะทางที่ยังเหลืออยู่อีกเกือบ 300 ไมล์ เลยอดไปกินอาหารไทยใน Fresno ที่พี่กุ้งแนะนำเอาไว้ใน FB เลยแวะร้าน In and Out Burger ก่อนออกจากตัวเมือง Fresno Fast Food หรือ Junk Food กินกันตาย แต่ผมว่ารสชาติดีกว่า Jack in the Box แฮะ
กับเจ้า Sportster น้องใหม่ล่าสุดแห่งปี 2012 เจ้า XL1200C Custom ที่จับเอาล้อหน้าขอบ 16 มาลงเพิ่มเติมนอกจาก 48 ที่ชิมลางไปก่อนหน้านี้ คันนี้ใส่แฮนด์แบบ Mini-Ape เข้าไปด้วย พร้อมสีดำด้านที่ชุดสี และเครื่องยนต์ดูแปลกตาไปอีกแบบ รถ HD Flathead โบราณก็มีมาวางโชว์นะครับ คันนี้ติดป้ายว่าขายไปเรียบร้อยแล้ว มีเครื่อง Twin Cam แบบผ่าให้เห็นการทำงานด้านใน วางไว้ให้ดูด้วย เดินมาดูทางฝั่งเครื่องแต่งกายกันบ้าง แผนกรองเท้ามีให้เลือกหลายแบบ แต่รองเท้าของ HD ไม่ค่อยจะถูกใจผมซักเท่าไหร่ เลยเดินแค่ผ่าน ๆ
แล้วก็ออกจาก Bakersfield พร้อมด้วย Chaps ตัวใหม่ประเดิมใส่ออกจากร้านซะเลย อากาศข้างนอกกำลังร้อนได้ที่ น้อง ๆ ทะเลทรายใน Nevada เลยครับ ทิวเขาด้านหน้าเป็นเขตกั้นก่อนเข้าสู่ตัว LA จากทางเหนือ วิ่งผ่าหุบเขาร่วม ๆ 20 ไมล์ ระหว่างทางมี Mini เปิดประทุนสุดซิ่ง ผู้หญิงขับซะด้วย ผ่านไปด้วยความเร็วประมาณ 90 MPH กำลังคิดอยู่ในใจว่า ไหนบอกให้ระวังโดนตำรวจจับ เจ้าถิ่นยังซัดขนาดนี้ไม่เห็นมีตำรวจรออยู่ซักคัน แต่พอไปต่ออีกซัก 5 ไมล์ ก็เห็น Mini โดนตำรวจเรียกให้จอดอยู่ด้านขวา มันโผล่มาจากทางไหนหว่า ไวจริง ๆ งวดนี้ยังไม่อยากลองของครับ ไว้ครั้งหน้าค่อยลองขี่ให้ตำรวจเรียกก็แล้วกัน มีทะเลสาบอยู่กลางหุบเขา เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นมา และในที่สุดก็ซัดกลับมาคืนรถทันเวลาตอน 17.20 น. สายไป 20 นาที เพราะมัวไปหลงหา Eagle Rider ไม่เจอ ท่านที่จะกด GPS ตามที่อยู่ในเว็บ อาจจะสับสนหน่อยครับ เพราะมันไม่ขึ้นโชว์ใน GPS มีแต่เลขที่ใกล้ ๆ กัน เช่าขี่ 3 วัน เริ่มต้น 21,673 ไมล์ ตอนเอากลับมาคืนกลายเป็น 22,691 ขี่ไปทั้งหมด 1018 ไมล์ หมดค่าน้ำมันไปประมาณ 4 พันกว่าบาท ถูกกว่าขี่ในไทย เพราะน้ำมันแค่ลิตรละ 20 กว่าบาท รถของที่นี่คุณภาพปานกลาง แต่ค่อนไปทางต่ำ เพราะลูกค้าเยอะ รถวิ่งไปเยอะ ยิ่งถ้าไปเจอรถปีเก่า ยิ่งเสี่ยงเจอสภาพไม่ดี ไว้ครั้งหน้า คงต้องลองเช่าจาก Dealer บ้างครับ ออกจาก Eagle Rider ด้วยสภาพเน่าสนิท ก็แวะมาเช่ารถต่อที่ Thrifty อยู่ใกล้ ๆ กันครับ ครั้งนี้ลองเช่า Dodge Charger เจ้า Muscle Car ขนาด Full Size ตอนเดินออกไปรับรถ เจ้า Charger ตามที่จองเอาไว้ แต่รถไม่เหลือ โดนเอาไปใช้หมดแล้ว เหลือแต่ Lincoln รถคุณลุง ถ้าเอาไปขับสงสัยกลายเป็น Dirty Harry ยุค 80 แหง๋ ๆ ที่นี่เวลาออกไปรับรถ เขาให้เดินไปเลือกรถเอาเองเลยครับ ชอบคันไหน อยากขับคันไหน ในขนาดเดียวกับที่เราจ่ายเงินไว้ ก็ขึ้นไปควบได้เลย เห็นมี Mustang Convertible จอดทิ้งไว้อยู่คันหนึ่ง ว่าจะเอาออกไปขับซะหน่อย แต่ค่าเช่าวันละ 400 เหรียญ เลยขอเป็นครั้งหน้าละกัน... เดินไปเดินมา ก็มาเจอ Charger หลงอยู่คันในช่อง Blue Chip เพิ่งล้างออกมาใหม่เอี่ยม เลยขึ้นรถขับออกมาซะเลย ป้ายทะเบียน Nevada ซะด้วย ครั้งแรกที่ขึ้นขับ พวงมาลัยซ้ายมันไม่ค่อยคุ้นครับ ขับ ๆ แล้วมันจะชอบกินขวาไปเรื่อย ๆ กับขนาดรถ Full Size ของอเมริกัน ที่กว้างซะจนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูด้านขวายังยาก จะหันไปมองกระจกขวาก็กะไม่ค่อยจะถูก... ตอน เช็คราคาหน้าเว็บ เขาจะโชว์ราคาแค่วันละ 30 เหรียญ แต่ตอนมารับรถ จะมีค่าบริการ, ค่าภาษี, ค่ามลพิษ แล้วก็มีค่าประกันอุบัติเหตุ มีให้เลือกหลายราคาว่าจะเอาแบบ Full Coverage เลยไหม สรุปแล้วจาก 30 เหรียญ ก็จะขึ้นไปเป็น 100 กว่าเหรียญโดยอัตโนมัติ เข้ามาเช็คอินที่ Best Western Carriage ใน Sherman Oaks โรงแรมดี จอดรถหน้าห้อง ที่เห็นนี่ไม่ใช่ยามนะครับ เป็นพนักงานเคาน์เตอร์เช็คอิน แต่งตัวซะนึกว่าทำควบ 2 ตำแหน่ง หลังจากอาบน้ำอาบท่าเป็นที่เรียบร้อย พี่เป๊ปซี่ ไบเกอร์ชาวไทยใน LA ก็นัดแนะให้มาสังสรรค์กันที่ร้าน Panviman ย่าน Long Beach ของพี่โจ ช่วงกลางคืนขับรถสบาย จาก Sherman Oaks มา Long Beach แค่ชั่วโมงเดียวเอง พี่โจ เจ้าของร้าน Panviman นักธุรกิจชาวไทยคลื่นลูกใหม่แห่ง LA เป็นทั้งเจ้าของร้านและ Chef ด้วยครับ หลังจากนั่งคุยกันได้ซักพัก พี่โจ เลยชวนให้ไปเอารถออกขี่ไปเที่ยวกันต่อ เลยได้แวะมาที่บ้านของพี่โจ อยากมีโรงรถแบบนี้บ้างแฮะ Chopper แนว Pro Street คันนี้ถูกสร้างโดย Dynamic Choppers ใน Las Vegas เครื่องขนาด 113 คิว, ล้อหลังขนาด 300 ใหญ่สะใจดีจริง ๆ
รถแนวล้อโต ต้องใช้ระบบ Right Side Drive ครับ ไม่งั้นเอียง เห็นท่อคันนี้แล้ว ถ้าสตาร์ทตอนกลางคืน ชาวบ้านคงได้ตื่นกันทั้งซอย
ชุดครอบเต็มตัว ตั้งแต่หน้ารถถึงท้ายรถ ตอนแรกพี่โจจะให้ขี่คันนี้ออกไปเที่ยวกันต่อ แต่หากุญแจไม่เจอ พอขึ้นคร่อมขยับนิดหน่อยเท่านั้น แม่คุณถึงกับร้องลั่น กว่าจะรอให้สัญญาณกันขโมยดับไปเอง ต้องแสบแก้วหูอยู่ตั้งนาน เลยกลับมานั่งกันต่อที่ร้านดีกว่า คืนนี้พี่ ๆ ไบเกอร์ชาวไทยในย่าน Long Beach ให้เกียรติมาสังสรรค์ด้วยกัน ซ้าย ไปขวามี พี่เสก, พี่โจ, พี่กบ, คุณตุ้ย และพี่เป๊ปซี่ ส่วนด้านหลังเป็นพนักงานฝรั่งของร้าน เลยปิดร้านร่วมปาร์ตี้กันซะด้วยเลย คืนนี้โดนไปหลายขนาน ตั้งแต่ Jack Daniel's ฉลากขาวที่ไม่มีในบ้านเรา, ไวน์แดงจาก California, เบียร์สิงห์และช้าง จนไปถึง Cocktail โอ้ย!! มึน!! หลังจากดื่มกันพอสมควร พี่โจและพี่เป๊ปซี่เลยชวนไปเที่ยวผับยอดนิยมของคนไทยใน แอลเอ อากาศเย็นกำลังดี แต่เย็นเกินไปสำหรับผม ถ้าให้ขี่มอเตอร์ไซค์ตอนนี้คงต้องขอบายหล่ะครับ ออกมาลานจอดรถหลังร้าน มีคุณต้น พี่ชายคุณตุ้ย ตามมาทีหลัง Softail ของพี่เป๊ปซี่ แต่ง Arlen Ness ทั้งคัน รู้สึกว่าเครื่องจะเป็น S&S ไปแล้ว ส่วน Heritage 100 ปี ทูโทน คันนี้เป็นของ พี่โจ ครอบทั้งคัน ปลายท่อ Samson เบาะ Badlander แถมเปลี่ยนล้อเป็นซี่ลวดใหญ่ เนี้ยบจริง ๆ เตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวร้าน เฮ ฮา เฮง เขาว่าดังที่สุด ณ ตอนนี้ ใน LA |