การประกาศเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดจากบรรดาผู้ผลิตที่ขับเคี่ยวชิงพื้นที่ในตลาดโซนต่างๆกันอย่างดุเดือดเมื่อปลายปี 2019 ดูเหมือนจะมีกูรูหลายสำนักให้ความสนใจกับตลาดมอเตอร์ไซค์ Bagger เป็นพิเศษ อาจเพราะการมาของมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2020 อย่าง Road Glide Special และ Challenger Limited ของสองยักษ์ใหญ่อเมริกันครูเซอร์อย่าง Harley-Davidson และ Indian Motorcycle ซึ่งถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวหากจะลองตรวจดูสเปคของมอเตอร์ไซค์ที่โดดเด่นสุดๆในตลาด Bagger ปี 2020 ดูบ้าง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาหากใครที่กำลังมองหา Bagger ที่ถูกใจสักคัน
เริ่มกันที่หัวใจสำคัญของรถอย่างเครื่องยนต์ โดย Moto Guzzi MGX-21 นั้นจะเป็นโมเดลที่มีความจุเครื่องยนต์น้อยที่สุด 1,380 ซีซี ทว่าเครื่องยนต์ลูกนี้เป็นเครื่องแปดวาล์วและยังมาพร้อมกับกระบอกสูบขนาด 104 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเครื่องยนต์ของ Indian Challenger ที่มีขนาดกระบอกสูบ 108 มิลลิเมตร จึงทำให้ MGX-21 มีกำลังมหาศาล 78.9 แรงม้าที่ 8,000 rpm
ส่วน Kawasaki Vaquero มาพร้อมเครื่องยนต์ V-Twins ความจุ 1,700 ซีซี 68.7 แรงม้า และ Yamaha Eluder ติดตั้งเครื่องยนต์ V-Twins ความจุ 1,854 ซีซี กำลังเครื่องยนต์ 75.2 แรงม้า Indian Challenger ก็มีเครื่องยนต์ PowerPlus V-Twins 1,769 ซีซี 122 แรงม้าที่ 5,500 rpm แรงบิดสูงสุด 128 ฟุต-ปอนด์เป็นขุมพลัง ขณะที่ Road Glide Special ของ Harley-Davidson นั้นมาพร้อมเครื่องยนต์พิกัดใหญ่ที่สุด 1,868 ซีซีในบรรดารถเครื่องสูบวีที่อยู่ในรายชื่อนี้
ด้านมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์หกสูบอย่าง BMW กับ Honda แม้ความจะเครื่องยนต์จะอยู่ในพิกัดที่ค่อนจะห่างกัน คือ K1600B มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1,649 ซีซี ส่วน Gold Wing นั้นใช้เครื่องยนต์ 1,833 ซีซี แต่แรงบิดสูงสุดที่ทำได้ก็ไม่ได้หนีกันเท่าไรนัก โดยแรงบิดสูงสุดของ K1600B อยู่ที่ 106 ฟุต-ปอนด์ ส่วน Gold Wing อยู่ที่ 106.4 ฟุต-ปอนด์
ในส่วนของระบบกันสะเทือนและการขี่นั้น สองยักษ์ใหญ่อเมริกันครูเซอร์จะมีการใช้ช่วงหน้าขนาดใกล้เคียงกันคือ Harley-Davidson ติดตั้งช่วงหน้า 49 มิลลิเมตร และกันสะเทือนหลังแบบ twin shocks ส่วน Indian Motorcycle ใช้ช่วงหน้าแบบกลับหัวขนาด 43 มิลลิเมตร และกันสะเทือนหลังแบบ single shock ส่วนโมเดลอื่นๆก็ล้วนแต่ใช้ระบบกันสะเทือน telescopic ยกเว้น BMW ที่ติดตั้งช่วงหน้า Duolever และ Honda Goldwing ที่ใช้งานช่วงหน้า double wishbones ที่แม้ช่วงหน้าและระบบกันสะเทือนของทั้งสองแบรนด์จะให้อารมณ์การขี่ที่นุ่มนวลกว่า รวมทั้งเหมาะสำหรับการขี่ทางไกลอย่างมาก แต่สำหรับเหล่าโมเดลเครื่องยนต์สูบวีก็จะให้อารมณ์การขี่อีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
แน่นอนว่า Bagger เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานสำหรับการขี่ระยะไกลเป็นหลัก ซึ่งในบรรดารายชื่อที่กล่าวมาข้างต้น BMW K1600B ติดตั้งถังเชื้อเพลิงที่มีความจุเยอะที่สุดถึง 7 แกลลอน (26.4 ลิตร) รองลงมาก็เป็น Yamaha Eluder ที่ใช้ถังเชื้อเพลิงความจุ 6.6 แกลลอน (25 ลิตร) ตามมาด้วย Harley-Davidson Road Glide และ Indian Challenger ที่ใช้ถังความจุ 6 แกลลอน (22.7 ลิตร) Honda Goldwing 5.5 แกลลอน (20.8 ลิตร) Moto Guzzi MGX-21 5.4 แกลลอน (20.4 ลิตร) และ Kawasaki Vaquero 5.3 แกลลอน (20 ลิตร) ตามลำดับ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ของแต่ละโมเดลคือ
Harley-Davidson Road Glide Special อยู่ที่ 42 ไมล์ต่อแกลลอน (17.8 กิโลเมตรต่อลิตร)
Honda Gold Wing อยู่ที่ 41 ไมล์ต่อแกลลอน (17.4 กิโลเมตรต่อลิตร)
Indian Challenger อยู่ที่ 40 ไมล์ต่อแกลลอน (17 กิโลเมตรต่อลิตร)
Yamaha Star Eluder อยู่ที่ 40 ไมล์ต่อแกลลอน (17 กิโลเมตรต่อลิตร)
BMW K1600B อยู่ที่ 38 ไมล์ต่อแกลลอน (16 กิโลเมตรต่อลิตร)
Kawasaki Vulcan 1700 Vaquero อยู่ที่ 38 ไมล์ต่อแกลลอน (16 กิโลเมตรต่อลิตร)
Moto Guzzi MGX-21 อยู่ที่ 33 ไมล์ต่อแกลลอน (14 กิโลเมตรต่อลิตร)
มาถึงส่วนของน้ำหนักของรถกันบ้าง โดยในรายชื่อนี้มีส่วนต่างของน้ำหนักตัวที่เบาที่สุดไล่เรียงมาจนถึงหนักที่สุดคือ 106 ปอนด์ (48 กิโลกรัม) โดยเป็น BMW K1600B ที่ 741 ปอนด์ (336 กิโลกรัม) ต่อมาเป็น MGX-21 หนัก 795 ปอนด์ (360 กิโลกรัม) ส่วนมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักตัวมากที่สุดคือ Harley-Davidson Road Glide Special 847 ปอนด์ (384 กิโลกรัม) ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ นั้นแต่ละโมเดลก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่แตกต่างกัน โดยหัวใจหลักคือการนำเสนอเทคโนโลยีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารอย่างสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ควบคุมและตั้งค่าต่างๆผ่านหน้าจอทั้งมือถือและหน้าจอแสดงผลติดรถ โดยแต่ละโมเดลก็จะมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่โดดเด่นให้เลือกพิจารณาดังต่อไปนี้
BMW K1600B มาพร้อมกับ ระบบเสียง Audio system ที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธและคลื่นวิทยุดาวเทียม ระบบ Hill Start Control Pro ระบบ Gear Shift Assist Pro ระบบ Central Locking ระบบกันขโมย Anti-Theft Alarm ระบบการปรับช่วงล่างด้วยไฟฟ้า Dynamic ESA Ride Modes ระบบ Cruise Control จอแสดงผลแบบมัลติฟังก์ชั่น On-Board Computer และระบบ Auto-leveling Headlamp
Harley-Davidson Road Glide Special จะติดตั้งระบบ Electronic cruise control จอแสงผล TFT Boom! Box Infotainment GTS การเชื่อมต่อบลูทูธ USB connect และ electric power accessory port แอพพลิเคชั่น H-D Connect service ระบบเบรก ABS ระบบ Cornering Enhanced Traction Control System (C-TCS) ระบบ Vehicle Hold Control (VHC)
Honda Gold Wing จะติดตั้งระบบ Homelink (สำหรับสั่งการเปิด-ปิดประตูโรงรถ) ระบบ Cruise Control ระบบ Navigation
Indian Challenger ระบบ Lean-sensitive traction control และระบบเบรก ABS ระบบ Cruise Control รวมถึง Navigation ระบบ Ride Planning and Tracking (เชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน) หน้าจอ touchscreen Glove-compatible ขนาด 7 นิ้ว และการเชื่อมต่อบลูทูธ
Kawasaki Vulcan 1700 Vaquero รองรับวิทยุคลื่น AM/FM/WB และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สาย และระบบ Cruise Control
Moto Guzzi MGX-21 Ride Modes ระบบเบรก ABS ระบบ Traction Control (3 ระดับ) ระบบ Cruise Control รองรับรองรับวิทยุระบบ Stereo AM/FM และแอพพลิเคชั่น MG-MP บนสมาร์ทโฟน
Yamaha Star Eluder หน้าจอ LCD Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว การเชื่อมต่อบลูทูธ โดยจะมี GPS Navigation วิทยุ CB Radio รวมถึงการรายงานสภาพอากาศและสภาพการจราจรผ่านสัญญาณดาวเทียมเป็นตัวเลือกให้ติดตั้งเสริมเข้าไปได้
โดยแต่ละโมเดลจะติดป้ายราคาเอาไว้ดังต่อไปนี้
BMW K1600B ราคา 20,095 ดอลลาร์สหรัฐ
Harley-Davidson Road Glide ราคา 21,699 ดอลลาร์สหรัฐ
Honda Gold Wing ราคา 23,800 ดอลลาร์สหรัฐ (ระบบเกียร์ 6-speed) และราคา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ระบบเกียร์แบบ DCT)
Indian Challenger ราคา 21,999 ดอลลาร์สหรัฐ
Kawasaki Vulcan 1700 Vaquero ราคา 16,799 ดอลลาร์สหรัฐ
Moto Guzzi MGX-21 ราคา 21,990 ดอลลาร์สหรัฐ
Yamaha Star Eluder ราคา 22,499 –23,999 ดอลลาร์สหรัฐ
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcycle.com