Aermacchi Harley-Davidson หนึ่งในรถแข่งที่มีส่วนในการต่อยอดไปยังพื้นที่ใหม่ๆของ Harley-Davidson เช่นเดียวกันกับ Buell และหนึ่งในโมเดลใหม่ล่าสุดอย่างมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า LiveWire โดยรถแข่งปี 1964 คันนี้ เป็นผลมาจากการที่มอเตอร์ไซค์ผู้ผลิตอเมริกันครูเซอร์มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นกว่า 50% ของ Aermacchi ซึ่ง ณ เวลานั้นผู้ผลิตสัญชาติอิตาเลียนต้องการเปิดตลาดมอเตอร์ไซค์รุ่นไลท์เวทในอเมริกา และทำการแข่งขันกับมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สองและสี่จังหวะจากญี่ปุ่นและยุโรปที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด
แต่เดิม Aermacchi นั้นเป็นประกอบกิจการผลิตอากาศยานในนาม “Aeronautica Macchi” ก่อตั้งโดย Giulio Macchi โดยเปลี่ยนมาผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เพื่อรักษาสถานะภาพของกิจการและตอบรับความต้องการในการใช้รถของอิตาลีไปในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คู่แข่งสำคัญของ Aermacchi ณ เวลานั้นก็คือสามผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Vespa, Ducati, และ Lambretta ที่สามารถครองใจชาวอิตาเลียนได้อย่างอยู่หมัด ทว่า Aermacchi ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของทั้งสามยักษ์ใหญ่ได้เท่าที่ควร แม้จะได้รับคำชื่นชมว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีดีไซน์และประกอบขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม
Aermacchi Harley-Davidson ได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นอเมริกันอย่างมาก จนในที่สุด Harley-Davidson ตัดสินใจซื้อกิจการของ Aermacchi แบบ 100% ในช่วงต้นยุค 70s และยังคงผลิตผมเตอร์ไซค์ของ Aermacchi อย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง Harley-Davidson ตัดสินใจขายหุ้นของ Aermacchi ทั้งหมดให้กับ Cagiva ผู้ผลิตสัญชาติอิตาลีไปในช่วงปลายยุค 70s และยังคงมีคลับของกลุ่มคนที่หลงใหลใน Aermacchi Harley-Davidson ซึ่งจัดตั้งขึ้นหลายแห่งทั่วโลก เพื่อรักษาให้มอเตอร์ไซค์ตระกูลนี้ยังคงโลดแล่นอยู่ทั้งบนถนนและหน้าประวัติศาสตร์ต่อไป
1964 Aermacchi Harley-Davidson racebike
Aermacchi Harley-Davidson คันนี้เป็นรถแข่งที่ผ่านการดัดแปลงสภาพสำหรับแข่งขันแบบ Sprint โดยมีเครื่องยนต์สี่จังหวะ OHV หนึ่งสูบ 250 ซีซีที่ออกแบบโดย Aermacchi และระบบเกียร์ 5 สปีดเป็นขุมพลัง ทั้งยังเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นยอดนิยม ก่อนที่ทางผู้ผลิตจะปรับความจุเครื่องยนต์เป็น 350 ซีซีในเวลาต่อมา
การดัดแปลงสภาพสำหรับแข่งขันแบบ Sprint นั้น เครื่องยนต์ได้ผ่านการปรับจูนให้มีกำลัง 18 แรงม้า ติดตั้งช่วงหน้า Ceriani road racing เปลี่ยนถังเชื้อเพลิงใหม่ให้มีความจุมากขึ้น ติดตั้งแฟริ่งหน้าและเปิดช่องระบายอากาศเอาไว้ที่ช่วงล่างตรงบริเวณเครื่องยนต์ แฮนเดิลบาร์ใช้เป็นแบบ clip-on เบาะนั่งเดี่ยวมาพร้อมช่วงท้ายทรงตูดมด และกันสะเทือนหลังคู่ ส่วนสภาพของรถนั้นยังคงอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม
------ เรียบเรียงโดย HD-Playground ที่มา... silodrome.com