ย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เหล่าไบเกอร์ชาวอังกฤษได้ทำความรู้จักกับมอเตอร์ไซค์ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวงการสองล้อไปอย่างรวดเร็ว โดยมอเตอร์ไซค์ Pre-Production โมเดล CB750 ทั้งสองคันถูกเปิดผ้าคุลมเป็นครั้งแรกในงาน Brighton Motorcycle show ปี 1969 ซึ่งในเวลาต่อมา CB750 ไม่ได้เป็นเพียงมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สี่สูบรุ่นผลิตจำนวนมากโมเดลแรกเท่านั้นแต่ยังเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับดิสก์เบรก และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอิเล็กทรอนิกส์จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์อีกด้วย
นอกจากนี้ CB750 ยังเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่เครื่องยนต์หลายสูบโมเดลแรกจากดินแดนตะวันออกที่นำไปสู่ยุคของ UJM (Universal Japanese Motorcycle) ในยุค 70s และต้นยุค 80s ที่ทำให้บรรดามอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษเสื่อมความนิยมลงจนสามารถมีอิทธิพลเหนือ BSA, Norton และ Royal Enfield หรือแม้กระทั้งยักษ์ใหญ่อย่าง Triumph เองก็ยังต้องประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากภายใต้ยุคของ UJM
ซีรีส์ CB เริ่มต้นเริ่มต้นสร้างชื่อด้วย CB450 Black Bomber twin ที่เปิดตัวพร้อมเครื่องยนต์ 450 ซีซีในปี 1965 และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ Honda ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1966 กระทั่งรถแข่ง RC166 250-6 สร้างชื่อการครองตำแหน่งแชมป์ในการแข่งขัน GP ห้าสมัยติดต่อกันในช่วงต้นปี 1967 Honda ได้ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจาก FIM ได้ประกาศกติกาใหม่โดยกำหนดให้มอเตอร์ไซค์คลาส 500 ซีซีต้องใช้เครื่องยนต์สี่สูบ และคลาส 250 กับ 350 ซีซีต้องติดตั้งเครื่องยนต์สองสูบ จึงเป็นโอกาสให้ Honda นำเทคโนโลยีจากสนามแข่งนี้มาพัฒนามอเตอร์ไซค์ road bike ในที่สุด
จากเดิมที่มีเป้าหมายอยู่ที่ตลาดอเมริกา แต่ด้วยเจ้าถิ่นขาใหญ่อย่าง Harley-Davidson ที่ยังคงแข็งแกร่งบวกกับแฟนๆของ Honda เองก็ต้องการมอเตอร์ไซค์ที่พิกัดใหญ่ขึ้นทำให้ยอดขายของ Honda เริ่มตกลงในปี 1966 ทำให้ Yoshiro Harada หัวหน้าโครงการ ณ เวลานั้นลงทุนเดินทางไปศึกษามุมมองของนักขี่มีต่อ CB450 และความต้องการของเหล่านักขี่ในช่วงฤดูร้อนปี 1967 ด้วยสมรรถนะของ CB450 ที่ยอดเยี่ยมเทียบเท่าหรืออาจดีกว่ามอเตอร์ไซค์พิกัดใหญ่กว่าหลายๆรุ่น ทำให้ทีมงานรู้สึกว่ายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะพัฒนาโมเดลที่ใหญ่กว่า CB450 รวมถึงยังไม่มีคำตอบของคำว่าใหญ่ขึ้นที่ตามที่นักขี่ต้องการนั้นควรจะใหญ่ขึ้นสักแค่ไหน กระทั่ง Soichiro Honda ได้นำเสนอไอเดียที่ได้จากการได้เห็นตำรวจสวิตเซอร์แลนด์ขี่ Triumph 750 ซีซีในปี 1968 ซึ่งขนาดของรถไม่ได้ใหญ่เกินไป ทั้งขนาดกำลังดีสำหรับนักขี่ชาวตะวันตก ซึ่ง Soichiro Honda รับรู้ได้ทันทีเลยว่ามอเตอร์ไซค์ที่จะใช้เป็นหัวหอกการบุกตลาดในดินแดนตะวันตกจะออกมาเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ Bob Hansen ผู้จัดการฝ่ายเซอร์วิส ณ เวลานั้นได้บินตรงจาก Honda America มาร่วมหารือกับ Soichiro Honda ซึ่ง ณ เวลานั้น Honda ก็มีเครื่องรถยนต์ 600 twin อยู่แล้วส่วน Triumph ก็กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ 750 triple ซึ่ง Bob Hansen ก็ได้เสนอไอเดียว่า “อย่าให้เป็นเครื่องสองสูบ และหากเป็นเครื่องสี่สูบน่าจะยอดเยี่ยมกว่า” และใช้เวลาเพียงหกเดือนทีมงานของ Harada ก็สามารถประกอบมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สี่สูบรุ่นต้นแบบขึ้นได้สำเร็จ ทว่าในการทดสอบ แต่สิ่งที่สร้างความปวดหัวได้มากมายคือทีมงานออกแบบระบบเบรกมาสองแบบคือดรัมเบรก และดิสด์เบรกจนกระทั่ง Mr. Honda ตัดสินใจเลือกใช้ดิสก์เบรกกับมอเตอร์ไซค์ 750 ซีซี ที่กำลังซุ่มพัฒนา ซึ่งต่อมาไม่นานเจ้าดิสก์เบรกนี้ก็ทำให้ CB750 ได้เปรียบมอเตอร์ไซค์จากคู่แข่งพอสมควรสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก
Honda ตั้งเป้าพัฒนาสมรรถนะของเครื่องยนต์สี่สูบและสี่ท่อไอเสียรุ่นนี้เพื่อเป็นคู่แข่งกับ Triumph, BMW และ Harley-Davidson ซึ่งกระแสตอบรับอันยอดเยี่ยมหลั่งไหลมาตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 28 ตุลาคม 1968 ที่ Tokyo Show ยิ่งไปกว่านั้น การประกาศราคาโดย Kihachiro Kawashima ประธานของ American Honda ที่สร้างความฮือฮาด้วยราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งในตลาดกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ที่ 1295 ดอลลาร์ นำมาสู่ยอดการสั่งจองนับตั้งแต่เปิดตัวในอเมริกาเป็นครั้งแรกที่ Las Vegas จนต้องเพิ่มจำนวนการผลิตเป็น 1500 คันต่อปี โดยช่วงแรกเครื่องยนต์ของ CB750 ผลิตขึ้นด้วยเทคนิคการหล่อทรายเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำแม่พิมพ์ที่เกิดจากการหล่อแบบ die-cast เนื่องจากทาง Honda ยังไม่มั่นใจว่ามอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สี่สูบโมเดลนี้จะสามารถสร้างผลกระทบต่อวงการสองล้อได้มากมายในเวลาต่อมา โดยผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นได้เริ่มเปิดสายการผลิต CB750 รุ่นแรกสุดในวันที่ 15 มีนาคม 1969
อย่างไรก็ตามความนิยมอย่างล้นหลามทำให้เพิ่มกำลังการผลิตถึงปีละ 1500 คันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงภายในหนึ่งเดือนหลังจากเริ่มการผลิตได้ไม่นานซึ่งได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเท่าตัวกลายเป็น 3000 คันต่อปี ขณะเดียวกันในสหราชอาณาจักร CB ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในตลาดยุโรปอย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำยอดขายทิ้งห่าง Triumph Trident และ BSA Rocket 3 ที่เป็นโมเดลความหวังของอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์อังกฤษได้อย่างขาดลอย ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนทิศทางของกระแสนิยมของชาวสองล้อในสหราชอาณาจักรไปตลอดกาล
โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นต้นแบบคันสีทองนั้นเป็นคันแรกที่ถูกใช้ในการขี่ทดสอบ road test และได้ถูกขายให้กับท่าน Earl แห่ง Denbigh ซึ่งในเวลาต่อมามอเตอร์ไซค์รุ่นต้นแบบสีทองคันนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Brighton bike” ล่าสุดถูกประมูลไปในราคา 161,000 ปอนด์สเตอร์ลิงไปเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา และกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปแล้ว
The Brighton bike มอเตอร์ไซค์ CB750 คันแรกที่ Honda ใช้ทำ road test และมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcyclenews.com