“Untouchable” Knucklehead ปี 47 คู่ใจของ Arlen Ness
เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านวงการสองล้อได้สูญเสียตำนานและหนึ่งในผู้ขับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะวงการตัสตอมไบค์อย่าง Arlen Ness ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการคัสตอมไบค์ยุคใหม่ โดยอาณาจักรของ Arlen Ness เริ่มต้นขึ้นด้วยมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson Knucklehead ปี 1947 ที่ได้จากการใช้รางวัลชนะเลิศการแข่งขันโบว์ลิ่งระดับมือสมัครเล่นเพียงคันเดียวเท่านั้น เมื่อปีช่วงปลายยุค 1960 เหล่าช็อปเปอร์ได้ยึดครองท้องถนนในแคลิฟอร์เนีย ถึงแม้ว่า Ness ยังสาละวนอยู่กับรถยนต์ hot rods เสียเป็นส่วนใหญ่ได้ถูกกระแสนิยมกลืนเขาเข้าไปในที่สุด โดยมี Knucklehead ปี 47 เป็นผลงานชิ้นแรก และใช้เวลาไม่นานช็อปเปอร์ Knucklehead ปี 47 ของเขาก็ไปเตะตาช่างภาพนิตยาสารจนได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งความสดใหม่ของที่ Ness เติมเต็มให้กับอเมริกันช็อปเปอร์ ทั้งรูปแบบ ทั้งงานสี ที่ทำให้เขาสามารถเปิดช็อปรับงานทำสีแบบเต็มเวลาได้ในที่สุด
แต่ด้วยภาระที่ต้องดูแลครอบครัวรวมถึงการต่อยอดทางธุรกิจทำให้เขาไม่มีงบประมาณมากพอที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหม่เพื่อสร้างผลงานเข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละปี เขาทำได้เพียงรื้อและประกอบ Knucklehead ปี 47 คู่ใจของเขาเพื่อที่จะสามารถเข้าร่วมการแข่งได้ในทุกๆปี รวมถึงยังเป็นการแสดงผลงานของเขาต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้เขาได้ค้นพบว่าพาร์ทต่างๆ ณ เวลานั้น ยังไม่มีความหลากหลายมากพอจะรองรับไอเดียล้ำๆของเหล่านักคัสตอม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาเริ่มกิจการขายวงล้อโคเมียมและแฮนเดิลบาร์ที่เป็นดีไซน์ของเขาเองในเวลาต่อมา ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆจากความนิยมในท้องถิ่น จนในที่สุดก็ขยายไปจนถึงลูกค้าต่างถิ่น และเพื่อความสะดวกต่อลูกค้าต่างถิ่น ภรรยาของเขาได้ให้ความร่วมมือในการออกแค็ตตาล็อกเล่มแรกที่ระบุรายชื่อสินค้าและราคาอย่างง่ายๆเอาไว้ภายใน
เมื่อธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น Knucklehead ปี 47 คู่ใจของ Ness ที่ได้ชื่อว่า “Untouchable” ก็ถึงเวลาต้องรีไทร์ โดยมีมอเตอร์ไซค์คันใหม่เข้ามาให้ Ness ได้แต่งเติมจินตนาการอีกหลายคัน และได้ให้กำเนิดสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหน้ายาว ฐานล้อกว้างและทรงต่ำที่แตกต่างไปจากช็อปเปอร์จ้าวแห่งท้องถนนปลายแห่งยุค 60 อย่างสิ้นเชิง โดยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาผลงานของ Arlen Ness ก็ยังได้รับคำชื่นชมอย่างต่อเนื่อง และได้รับชัยชนะในการประกวดได้อย่างต่อเนื่องทั้งมอเตอร์ไซค์ dual-engine Sportster อย่าง “Two Bad” ที่ใช้ดุมล้อหน้าแบบรถยนต์ หรือจะเป็นโมเดลที่ได้แรงบนดาลใจมาจากรถยนต์ modern hyper-car อย่าง “Smooth-Ness” และมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับความนิยมที่สุดของ Ness อย่าง “Mach-Ness” ที่นำเครื่องเจ็ทของเฮลิคอปเตอร์มาใช้แทนเครื่อง V-twin
จนมาถึงยุคที่การคัสตอมรถเติบโตขึ้นเรื่อยๆ Arlen Ness ก็เป็นนักคัสตอมรายแรกๆในวงการอุตสาหกรรมนี้ที่นำเครื่อง CNC Machining มาใช้สร้างชิ้นส่วนคุณภาพสูงอีกด้วย ที่กล่าวมานี้คือผลงานที่ตำนานผู้ล่วงลับเหลือทิ้งเอาไว้เป็น “มรดก” ทางฝีมือให้กับวงการมอเตอร์ไซค์ รวมถึงมรดกทางความคิดที่สืบทอดไปยังทายาทของเขาทั้งลูกชายอย่าง Cory Ness ที่สืบทอดกิจการของคุณพ่อมาแล้วกว่า 30 ปี และหลานชาย Zach ที่เริ่มงานคัสตอมรถตั้งแต่อยู่มัธยม จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักคัสตอมแถวหน้าตามรอยคุณปู่และคุณพ่อได้ด้วยพลังของตัวเอง รวมถึงกำลังแสดงฝีมือได้อย่างร้อนแรงสุดๆ ณ ช่วงเวลานี้ นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าชื่อของ Ness จะยังคงอยู่คู่กับวงการสองล้อไปอีกแสนนาน
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcyclistonline.com