เป็นที่ทราบกันดีว่าคุณสมบัติของคาร์บอนไฟเบอร์คือความทนทานและน้ำหนักเบา ทำให้ในปัจจุบันนิยมนำวัสดุที่เรียกว่าคาร์บอนไฟเบอร์นี้มาใช้ในอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์จนกลายเป็นเรื่องปกติก็ตาม แต่ก็ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเจ้าวัสดุที่ว่านี้อยู่ ซึ่งที่มาของคาร์บอนไฟเบอร์หรือที่รู้จักในชื่อของ Carbon Fiber Reinforced Plastic หรือ CFRP ซึ่งก็คือการถักทอเส้นใยความทนทานสูงผสมเข้ากับพลาสติก ส่วนวัสดุที่เสริมด้วยเส้นใยทั้งหลายนี้เกิดจากแนวคิดในค้นหาวัสดุต่างๆที่สามาถทนทานต่อปัจจัยความบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัววัสดุนั้นต้องย้อนกลับไปในปี 1920 เมื่อ A.A. Griffith พนักงานของโรงงาน Royal Aircraft factory ประเทศอังกฤษได้ชี้ให้เห็นถึงผลเสียของใช้วัสดุที่มีความทนทานต่ำโดยเกิดจากข้อบกพร่องภายในและที่พื้นผิวของวัสดุ ซึ่งหากไม่มีข้อบกพร่องเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดเป็นวัสดุที่มีความทนทานและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหากพิจารณาจากพันธะอะตอม
ตัวอย่างเช่นแก้วซึ่งเป็นวัสดุที่จะสะสมรอยขีดข่วนที่มองไม่เห็นเอาไว้บนพื้นผิว ซึ่งหากมีการสะสมรอยขีดข่วงเอาไว้มากถึงระดับหนึ่งหรือเกิดแรงกระทำที่รุนแรงมากพอก็จะทำให้เกิดเป็นรอยขีดข่วนหรือรอยร้าวที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน จนในที่สุดแนวคิดในการสร้างวัสดุที่มีความทนทานสูงจากการใช้เส้นใยเล็กๆในการรับมือกับข้อบกพร่องต่างๆก็เกิดขึ้น โดยยุคแรกๆที่มีการนำวัสดุประเภทเส้นใย (fiber) มาใช้งานก็คือช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเป็นการใช้ใยแก้วเสริมพลาสติก (Fiberglass-Reinforced Plastic) หรือ FRP มาใช้สร้างโดมเรดาร์ รวมถึงการนำมาใช้สร้างบอดี้รถอย่าง Kaiser Darrin และ Chevrolet Corvette และในที่สุดก็เข้ามาแทนที่แฟริ่งของรถแข่ง Guzzi และ NSU จากยุค 1950
ซึ่งคาร์บอนไฟเบอร์นั้นก็เกิดขึ้นจากการประยุกต์ทฤษฎีดังกล่าวมาสร้างจนมีหลากลายรูปแบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในวงการมอเตอร์ไซค์ในยุคแรกๆก็คือแชสซีรถของ John Britten ในช่วงต้นยุค 90s นอกจากนี้ความหลากหลายของคาร์บอนไฟเบอร์นั้นยังมีรูปแบบของผืนผ้าคาร์บอนสีดำ ซึ่งถูกนำมาใช้ผลิตพาร์ทต่างๆของรถหรือเสริมเอาไว้ที่ชุดของนักขี่อยู่เป็นประจำ เพื่อให้มีความแข็งแรงทนทานถึงขีดสุด CFRP จะถูกจัดเรียงซ้อนกันเอาไว้หลายชั้น (ลักษณ์เดียวกับยางล้อ) และจะมีการเสริมแผ่นเรซินหรือ prepeg เพื่อประสานให้เส้นใยในแต่ละชั้นรวมตัวเข้ากันจากนั้นก็จะถูกเคลือบด้วย Trackifier เพื่อให้แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ประสานเข้ากันได้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม ความทนทานของ CFRP นี้เข้ามามีบาบาทอย่างมากในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับวงการรถแข่งทั้งสองล้อและสี่ล้อในยุคสมัยที่อลูมิเนียมกลายเป็นวัสดุหลักของโครงสร้างยานยนต์สนาม
ในเมื่อคาร์บอนไฟเบอร์มีคุณสมบัติเหมาะสมกับวงการความเร็วแต่ทำไมรถแข่ง MotoGP ไม่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุสำหรับโครงแฃสซีรถล่ะ ซึ่งคำตอบของคำถามนี้มีด้วยกันอยู่สองข้อหลักๆ คือมอเตอร์ไซค์ที่เสริมหรือสร้างจาก CFRP นั้นมีความซับซ้อนและแม่นยำในการประกอบรถ ซึ่งทีมงานจะไม่สามารถดัดแปลงแชสซี่ได้อย่างทันถ่วงทีในช่วงระหว่างฤดูการแข่งขัน และต้องการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือทั้งหมดหากเกิดกรณีที่จำเป็นจะต้องทำการดัดแปลงแชสซี ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือรถแข่งที่ใช้แชสซีคาร์บอนไฟเบอร์นั้นตัวรถจะทื่อจนทำให้นักขี่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสัญญาณเตือนของการเสียการควบคุมรถ โดยคุณสมบัติจำเป็นของแชสซีที่ต้องมีด้วยกันสามประการคือ ความโค้งมนที่สามารถรองรับแรงจากการเบรกได้สูง ความยืดหยุ่นที่สามารถทนต่อแรงต้านทานสูงเพื่อรักษาระนาบของทั้งสองล้อ และความยืดหยุ่นด้านข้างที่สามารถทำหน้าที่เสมือนระบบกันสะเทือนพื้นฐานรองรับการเข้าโค้ง อย่างที่อดีตนักแข่ง MotoGP แถวหน้าอย่าง Casey Stoner เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในปี 2009 จากการที่ใช้งานรถแข่งที่ใช้ pyramidal airbox และ steering-head beam chassis ว่า “ตอนนั้นผมก็แค่เข้าโค้งไป เหมือนๆกับที่ผมขี่ในรอบที่แล้ว แต่ผมก็ต้องไถลไปกับพื้น แถมยังไม่รู้ด้วยว่าผมลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแบบนั้นได้ยังไง” ดังนั้น CFRP หรือคาร์บอนไฟเบอร์ จึงนิยมใช้ในการสร้างพาร์ทอื่นๆเช่นแฟริ่ง ดิกส์เบรก ถังเชื้อเพลิง บังโคลน สวิงอาร์ม รวมไปถังหมวกกันน็อกและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆมากกว่าถูกนำมาสร้างเป็นโครงแชสซี
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... cycleworld.com