มอเตอร์ไซค์ ม้าเหล็กที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ และโฉมหน้าของของสงครามไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากมอเตอร์ไซค์จากอดีตที่เคยได้แนะนำไปแล้ว ครั้งนี้มาทำความรู้จักกับบทบาทในสงครามของเหล่าม้าเหล็กจากอดีตและปัจจุบัน
Royal Enfield WD/RE
แม้ทางกองทัพอังกฤษจะทำสัญญาระยะยาวกับ Royal Enfield ในการผลิตมอเตอร์ไซค์สำหรับใช้งานในกองทัพ แต่ก็ไม่มีมอเตอร์ไซค์ของ RE รุ่นไหน ที่จะสร้างความประทับใจให้กับเหล่ากำลังพลได้เท่ากับ WD/RE มอเตอร์ไซค์ที่กองพลร่มแห่งกองทัพอังกฤษได้นำไปใช้งานในสงครามโลกครั้งที่สอง
โดยมอเตอร์ไซค์รุ่น Lightweight เครื่องยนต์ 125cc โมเดลนี้จะถูกติดร่มชูชีพเอาไว้แล้วส่งเข้าสู่สนามรบทางอากาศ และบทบาทส่วนใหญ่ของ WD/RE ในกองพลร่มแห่งกองทัพอังกฤษส่วนมากจะเป็นภารกิจหลังแนวรบของข้าศึก ซึ่งมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักเบา และเครื่องยนต์ที่สามารถทำงานด้วยการใช้เชื้อเพลิงอย่างหลากหลายนี้ช่วยให้ภารกิจลุล่วงไปได้อย่างยอดเยี่ยม
BMW R71
เรียกง่ายๆว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้ในสงคราม ซึ่งมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ไซด์วาล์ว 750cc (46ci) แชฟต์ไดรฟ์ได้แสดงสมรรถนะในสนามรบได้อย่างยอดเยี่ยมในสมรภูมิที่ยุโรป และจะพูดว่ามีสมรรถนะที่เหนือกว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Chain-drive ของฝ่ายสัมพันธมิตรก็ไม่ผิดนัก ซึ่งเจ้าเพลาขับเคลื่อนนี้เองที่กลายเป็นตัวจุดประกายความคิดให้ฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มยึดเอา R71 ไปแยกส่วน วิเคราะห์ และพัฒนาต่อ จนกลายมาเป็น Harley-Davidson XA ของอเมริกา M72 โดยกองทัพโซเวียต และ Chang Jiang 750 ที่กองทัพจีนเคยใช้งาน
SdKfz 2 หรือ Kettenkrad
ยานยนต์ตีนตะขาบไซส์เดียวกับมอเตอร์ไซค์สองล้อของกองทัพเยอรมันคันนี้เป็นอีกหนึ่งในอาวุธสำคัญของฝ่ายอักษะ การบังคับ Kettenkrad นั้นไม่ต่างอะไรกับรถสองล้อเลย และมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ก็ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Opel 36 แรงม้า แต่จะถูกใช้ในการขนส่งกำลังพล เดินสาย เคเบิ้ลสื่อสาร แต่ถึงจะมีบางคันที่ติดตั้งปืนกลเอาไว้แต่ Kettenkrad ก็ไม่เคยถูกใช้งานในการเข้าปะทะเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยกองทัพเยอรมนีผลิตยานยนต์ตีนตะขาบรุ่นนี้มาใช้งานในสนามรบราว 8,500 คัน
Harley MT500/350
ด้วยเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้บทบาทของอาชาสองล้อลดลง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีการใช้งานมอเตอร์ไซค์ในการรบอยู่อย่างต่อเนื่อง และในปี 1987 Harley จ่ายค่าสิทธิบัตรเพื่อครอบครอง Armstrong MT500 มอเตอร์ไซค์ Dual Sport สัญชาติอังกฤษที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายและมีความคล่องตัวสูง ด้วยขุมกำลัง 32 แรงม้าจากเครื่องยนต์ Rotax หนึ่งสูบสี่จังหวะ 482cc ซึ่งทำให้ Harley MT500 และโมเดลน้องเล็กอย่าง MT350 เป็นที่สนใจของกองทัพสหรัฐกับกองทัพอังกฤษ รวมถึงกองกำลังของ NATO จนในที่สุดก็ถูกนำไปประจำการที่ Falklands และมีส่วนร่วมในยุทธการพายุทะเลทราย
Kawasaki KLR650
อีกหนึ่งมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานในยุทธการพายุทะเลทราย เป็นที่รู้จักในชื่อ M103M1 โดยจุดเด่นมอเตอร์ไซค์ที่สั่งซื้อจากผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นนี้คือ สามารถใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งดีเซลและเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 96 ไมล์ต่อหนึ่งแกลลอน ด้วยความคล่องตัวกับความหลากหลายทั้งในการใช้งาน และการรองรับเชื้อเพลิงทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างมากหมู่ U.S. Marines
Zero XXM
แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีเหตุให้เกิดการปะทะกันของกองกำลังแต่ละชาติ และบทบาทของมอเตอร์ไซค์ก็ลดลงมากไปนับตั้งแต่ยุทธการพายุทะเลทรายได้สิ้นสุดลง แต่กองทัพสหรัฐก็ยังคงมีมอเตอร์รุ่นใหม่ประจำการในกองทัพอยู่เสมอ โดยสองล้อรุ่นล่าสุดที่ถูกนำไปใช้งานก็คือมอเตอร์ไซค์วิบากพลังไฟฟ้า Zero XXM ที่มีทั้งความเงียบขณะใช้งาน ความเร็วจัดจ้านด้วยแรงบิด 68 ฟุต-ปอนด์ 54 แรงม้า ความคล่องตัวสูง รวมถึงการบำรุงรักษาที่ไม่จุกจิก โดยการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้งก็สามารถกักเก็บพลังงานได้ยาวนานเกิน 3,500 ชั่วโมง ทำให้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นนี้ถูกนำไปใช้งานในภารกิจกู้ชีพอยู่บ่อยครั้ง
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... thrillist.com