นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสุดตาแล้ว อีกหนึ่งในหลากหลายเหตุผลที่เหล่านักขี่ใช้พิจารณาในการเลือกมอเตอร์ไซค์คู่ใจก็คือสมรรถนะ และเมื่อมองไปยังตลาดครุยเซอร์ก็จะพบกับ Harley-Davidson Fat Bob 114 และ Ducati XDiavel สองมอเตอร์ไซค์ที่ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าครบเครื่อง ทั้งรูปโฉมที่มีสไตล์สะดุดตา และสมรรถนะที่โดดเด่นโดนใจ
แม้จะถูกยกให้เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขับเคี่ยวกันในแย่งพื้นที่ตลาดได้อย่างเร่าร้อน แต่มัสเซิล-ครุยเซอร์ทั้งสองคันนี้มีเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร ทาง XDiavel นั้นนำเสนอความเป็น Ducati โดยการโฟกัสไปยังการส่งกำลังของเครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่ในช่วงรอบปานกลาง และช่วงรอบสูง จากเครื่องยนต์ Testastretta DVT 1262cc ด้วยเทคโนโลยี DVT หรือ Desmodromic Variable Timing เป็นเทคโนโลยีที่ควบคุมจังหวะการเปิด - ปิด ของวาล์วไอดี กับวาล์วไอเสียให้มีความเหมาะสมที่สุดกับทุกช่วงของรอบเครื่อง และภาระที่เกิดกับเครื่องยนต์อย่างแม่นยำ ซึ่ง ECU ของเครื่องยนต์จะควบคุมการ overlap ของวาล์วให้มีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วน Fat Bob 114 ที่จะเน้นการขี่ขณะรอบเครื่องยนต์ต่ำ ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin รุ่นใหม่ล่าสุด Milwaukee-Eight 114 ปริมาตรกระบอกสูบ 114 ci (1,868cc) ที่มีสี่วาล์วต่อหนึ่งสูบจึงสร้างแรงบิดมหาศาลให้ในรอบที่ต่ำ พร้อมกับติดตั้ง Counter balancerถึงสองตัวจึงช่วยให้ความรู้สึกนุ่มนวลขณะขับขี่ แม้เครื่องยนต์จะทำงานแตะ 1,500 rpm ก็ยังไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือน ซึ่งนี่เป็นเหตุผลแรกๆที่ทำให้ทั้งมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันนี้เหมาะที่จะใช้งานทั้งในเมืองและขี่เพลินๆตามเขตชานเมือง
แม้ว่ามัสเซิล-ครุยเซอร์ทั้งสองโมเดลจะไม่ใช่สปอร์ตไบค์ก็ตาม แต่การเข้า-ออกโค้งที่รวดเร็ว และเนียนตาก็จะพูดได้ว่าให้อารมณ์ของสปอร์ตไบค์ได้มากกว่าครุยเซอร์รุ่นอื่นๆเลยไม่ผิดนัก แม้ตามสเปคชีตจะระบุเอาไว้ว่า XDiavel สามารถทำมุมได้ 40° ในการเข้าโค้ง ส่วน Fat Bob 114 เข้าโค้งได้ด้วยมุม 31° โค้งขวา และ 32° ในโค้งซ้าย แต่เมื่อถึงเวลาได้ขี่จริงก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันไม่มากนัก ซึ่งมีนักขี่หลายคนไม่สังเกตถึงความแตกต่างของจุดเลย ส่วนจุดที่ทำให้รู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจนขณะเข้าโค้งของทั้งสองโมเดลนี้คือ Steering ด้วยล้อหลังหน้ายางกว้าง 240 มิลลิเมตรของ XDiavel นั้นจะทำให้เกาะโค้งได้เนียนกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามยางล้อหน้า 150 มิลลิเมตรกับแฮนเดิลบาร์ที่แคบกว่าของ Fat Bob 114 ดูเหมือนจะทำให้คล่องตัวกว่า XDiavel ทั้งการเข้าและออกโค้ง ในส่วนของ riding position นั้น XDiavel ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับนักขี่ร่างเล็กสักเท่าไร ด้วยแฮนเดิลบาร์ที่ค่อนข้างกว้าง และตำแหน่งพักเท้าแบบฟอร์เวิร์ดคอนโทรลที่ค่อนข้างสูงจากพื้น แต่ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรมากมายนักสำหรับนักขี่ร่างเล็ก ขณะที่ Fat Bob 114 นั้นมีแฮนเดิลบาร์ที่แคบกว่า กับตำแหน่งพักเท้าที่ก้ำกึ่งระหว่างมิดคอนโทรล กับฟอร์เวิร์ดคอนโทรลซึ่งหากเทียบกันแล้วดูจะเป็นมิตรกับนักขี่ตัวเล็กมากกว่า
ด้านระบบกันสะเทือนแบบเดิมๆจากโรงงานของ Fat Bob 114 จะมีรองรับการเบรกหนักๆและการขี่กินลมชมวิวรอบเมืองมากกว่า ส่วนของ XDiavel จะมีระบบกันสะเทือนที่ค่อนข้างเฟิร์มกว่า ซึ่งไม่ค่อยถูกกับพื้นถนนที่ขรุขระสักเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับนักขี่ว่าจะเลือกปรับระบบกันสะเทือนของรถให้เหมาะกับการขี่แบบไหน โดยเฉพาะกับของ Ducati XDiavel ที่ระบบกันสะเทือนนั้นเป็นแบบ Fully – adjustable
ด้านระบบเบรกดูเหมือน Fat Bob 114 จะต้องออกแรงบีบเบรกมากกว่านิดหน่อย แต่มอเตอร์ไซค์ทั้งสองโมเดลนี้ต่างก็ติดตั้งระบบ ABS ด้วยกันทั้งคู่ อย่าไรก็ตาม Harley-Davidson Fat Bob 114 ให้อารมณ์ของความคลาสสิกมากกว่า ขณะที่ XDiavel นั้นจะเน้นไปที่ความเป็นสปอร์ตครุยเซอร์ด้วยการติดตั้ง Cornering ABS ที่ควบคุมการทำงานโดย Inertial Measurement Unit (IMU) ของ Bosch ที่จะตอบสนองให้เหมาะสมกับองศาการโน้มเอียงของแชสซีขณะเข้าโค้ง
และนี่คือสองความแตกต่างของสองมัสเซิล-ครุยเซอร์ที่ขับเคลื่อนและขับเคี่ยววงการสองล้อให้มีสีสัน ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight ซึ่งเน้นความเป็นคลาสสิกครุยเซอร์ที่แฝงด้วยความทันยุคทันสมัยใน Harley-Davidson Fat Bob 114 กับเครื่องยนต์ Testastretta DVT ของ Ducati XDiavel ที่นำเสนอความเป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตในรูปโฉมของโมเดิร์นครุยเซอร์ รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาทำให้ทั้งคู่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์โมเดลยอดนิยมอันดับต้นๆของโลกแห่งครุยเซอร์ ณ ปัจจุบันนี้
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcycle.com