กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปเสียแล้วสำหรับการเปิดศึกทางการค้าของสหรัฐอเมริกาด้วยนโยบายเพิ่มกำแพงภาษีต่อการค้านำเข้าจากจีนซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสินค้านำเข้าจากแหล่งอื่นก็จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน ทางนายโดนัลด์ ทรัมป์เองระบุว่าเป็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ตามกฎหมายการค้ามาตรา 301 ที่บ่งชี้ว่าจีนยังคงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยการเปิดศึกทางการค้าครั้งนี้กระทบกับสองผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่าง Harley-Davidson และ Indian Motorcycle ที่จะต้องเผชิญภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากย้ายฐานการผลิตออกไปยังต่างประเทศ ยิ่งไปกว่าทั้งสองแบรนด์โดยเฉพาะ Harley-Davidson นั้นจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกาในฐานะ American Icon ไปเสียแล้ว
ทั้งนี้สินค้านำเข้าอย่างเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกรวมถึงสหภาพยุโรป (EU) ที่ประสบกับกำแพงภาษีซึ่งล่าสุดถูกปรับเพิ่มเป็น 31% ไม่เพียงกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯแล้วยังส่งผลให้สหรัฐฯต้องเผชิญกับศึกการค้ารอบด้านอีกด้วย ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกับการนำเข้าทั้งเหล็กและอลูมิเนียม ที่แต่เดิมนั้นมีราคาต่ำกว่าเหล็กและอลูมิเนียมที่ผลิตในสหรัฐฯก็ส่งผลให้ผู้ผลิตยานยนต์หลายรายตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากนโยบายกำแพงภาษีดังกล่าวนี้แล้ว
ด้าน Harley-Davidson ก็เป็นผู้ผลิตอีกหนึ่งในแบรนด์ที่ประกาศแผนย้ายฐานการผลิตมอเตอร์ไซค์บางโมเดลออกไปผลิตยังต่างประเทศ ทั้งยังเผยอีกว่า“Harley-Davidson เชื่อว่าหากมีการส่งต่อสินค้าที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลนี้ไปยังตัวแทนจำหน่าย ก็จะส่งผลให้มีการปรับราคาขายให้สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในระยะสั้น Harley จะยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาขาย รวมถึงแบกรับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีมูลค่าราว 30 – 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเลยทีเดียว
และหากปัญหายังคงต้องแบกรับผลกระทบจากภาษีนี้ต่อไปก็อาจจะต้องเผชิญกับภาษีราว 90 - 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯก็เป็นได้ และนั่นหมายความว่าจะต้องใช้เงินไปกับการลงทุนถึง หนึ่งในสามส่วนของผลกำไรอย่างเหลีกเลียงไม่ได้ และกลายเป็นว่าเหลือทางเลือกไม่มากนักสำหรับผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน นอกเสียจากโยกฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามแม้สหรัฐอเมริกาจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของมอเตอร์ไซค์อเมริกัน แต่ก็ยังมีตลาดยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่อันดับสองของทั้ง Harley และ Indian ที่มียอดขายกว่า 4 หมื่นคันในปีที่ผ่านมาซึ่งอาจเป็นเป้าหมายใหม่ที่สองยักษ์ใหญ่อเมริกันจะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ โดยเฉพาะกับช่วงที่ต้องเผชิญกับวิกฤตกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้
------
เรียบเรียงโดย HD-Playground
ที่มา... motorcyclenews.com