CO-C-01<br>Expired::
CO-C-02<br>Expired::
CO-C-03<br>Expired::
Charity
Charity 2013
By HDP PR
DATE: 2013.11.25
VIEW: 2187
POST: 0

 

HD-PLAYGROUND 8TH ANNIVERSARY CHARITY & PARTY



"งานฉลองครบรอบ 8 ปี เว็บไซต์ของคนรัก Harley-Davidson ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย"


 

 

 

ข้อมูลการจัดงาน
สถานที่จัดงาน : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
วันที่ - เวลา :

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2553
เวลา 18.00 - 23.00 น.
ผู้เข้าร่วมงาน : ประมาณ 2,000 คน
รูปแบบการจัด : คอนเสิร์ตและปาร์ตี้สังสรรค์


 

วัตถุประสงค์

- เป็นงานพบปะสังสรรค์สำหรับผู้รักและหลงใหลในรถจักรยานยนต์ Harley-Davidson
- มอบรายได้จากการจัดงานหลังหักค่าใช้จ่ายให้กับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม จ.ตาก


 

กิจกรรมภายในงาน

- การจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจาก HDP
- กิจกรรมประมูลสินค้าการกุศล
- คอนเสิร์ตการกุศลจากวงชนะเลิศการประกวดเวที Chang และศิลปินร็อครุ่นใหญ่ "บิลลี่ โอแกน"

 

 

 



ประมวลภาพบรรยากาศภายในงาน



 

Coming Soon


 



ยอดบริจาคจากการจัดงาน




Coming Soon

 

 

 

 

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย

 

 


ความเป็นมา
:: ปี ค.ศ.1950 ::
ดร.บ๊อบ เพี๊ยส ผู้นำคริสตชนและนักข่าวชาวอเมริกัน ได้เดินทางเข้าไปในประเทศเกาหลีและพบเห็นความทุกข์ยากของประชาชน หญิงม่าย และเด็กกำพร้าจำนวนมาก อันเป็นผลมากจากภัยสงครามภายในประเทศขณะนั้น ด้วยความปรารถนาที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้ ท่านจึงระดมทรัพย์สิ่งของจากสมาชิกคริสตจักรต่าง ๆ และผู้มีจิตศรัทธาไปบรรเทาทุกข์ให้แก่คนเหล่านั้น และได้ก่อตั้ง ‘ศุภนิมิตสากล’ (World Vision International Organization) ขยายเครือข่ายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ปัจจุบันมูลนิธิศุภนิมิต แห่งประเทศไทยเป็น 1 ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกที่เป็นองค์กรร่วมพันธกิจกับองค์กรศุภนิมิตสากล ในการนำความช่วยเหลือไปสู่เด็กและผู้ยากไร้ของโลก


:: ปี ค.ศ.1972 ::
ศุภนิมิต สากลได้เข้ามาดำเนินการในประเทศไทยด้วยการอุปการะเด็กกำพร้า ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นได้เปิดหน่วยอุปการะเด็กยากไร้ขึ้นเป็นหน่วยแรกที่โรงเรียนอรุณ ประดิษฐ์ จังหวัดเพชรบุรี และขยายงานไปตามจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือและอีสาน


:: ปี ค.ศ.1974 ::
ได้ รับอนุญาตให้จดทะเบียนมูลนิธิเพื่อสาธารณกุศลอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2517 ในนามของ ‘มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย’ (World Vision Foundation of Thailand) โดยมุ่งงานด้านการอุปการะเด็กและการบรรเทาทุกข์เป็นงานหลัก เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการศึกษา อนามัย จริยธรรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิต


:: ปี ค.ศ.1975 ::
ประเทศ ไทยต้องรับภาระหนักเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีนที่หลั่ง ไหลเข้ามาตามแนวชายแดนของประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาลและเพื่อมนุษยธรรม มูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงได้เน้นบทบาทงานบรรเทาทุกข์ ให้การช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่และอนามัยในศูนย์อพยพจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยบ้านวินัย เชียงคำ เชียงของ สีคิ้ว และสวนพลู ในขณะเดียวกันก็ยังดำเนินงานด้านการอุปการะเด็กในหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ ควบคู่กันไป และเริ่มขยายงานไปตามต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น


:: ปี ค.ศ.1978 ::
ได้ ขยายงานและปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินพันธกิจ จากการอุปการะเด็กรายบุคคลสู่การพัฒนาเด็กและครอบครัวผู้ยากไร้ โครงการอภิบาลเด็กและครอบครัว (Childcare and Family Development) และยังคงให้ความช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัยตามศูนย์อพยพต่าง ๆ ทั่วประเทศ


:: ปี ค.ศ.1980 ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้เปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นพัฒนาการดำเนินพันธกิจในรูปแบบการพัฒนาชุมชน ซึ่งยังเน้นในการพัฒนาเด็กและครอบครัวเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เป็นการพัฒนาชุมชนในเขตชนบทและเขตเมือง รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากการกระทำของ มนุษย์ ส่วนการช่วยเหลือผู้อพยพได้ลดบทบาทลงตามแผน แต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพอนามัย และอาชีพเสริมตามศูนย์อพยพต่าง ๆ


:: ปี ค.ศ.1983 ::
เมื่อ ความจำเป็นเร่งด่วนของผู้อพยพลดน้อยลง มูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงหันมามุ่งเน้นงานการอุปการะเด็กและการพัฒนาชุมชนอย่างจริงจังมากขึ้น และได้ขยายงานไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ในเวลานั้น มูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการใน 34 จังหวัด และให้การบริการช่วยเหลือโครงการพิเศษอื่น ๆ ด้วย เช่น โครงการสถานสงเคราะห์กำพร้าของรัฐบาล โครงการช่วยเหลือฟื้นฟูสถานภาพหญิงที่เคยเป็นโสเภณี โครงการป้องกันเด็กหญิงเข้าสู่งานบริการทางเพศ โครงการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน โครงการเด็กเร่ร่อน โครงการบริการบ้านพักฉุกเฉิน และโครงการการป้องกันและให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์และยาเสพติด เป็นต้น


:: ปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและแนวทางการพัฒนาชุมชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแบบเป็นลักษณะพื้นที่แบบพึ่งพาตนเองและยั่งยืน (Area Development Program - ADP) ซึ่งมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตครบทุกด้าน และยังคงดำเนินพันธกิจการพัฒนาเด็ก ครอบครัว และชุมชน อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสนองตอบในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของสังคม เช่น ปัญหาโรคเอดส์ ยาเสพติด อันจะมีผลกระทบต่อเด็ก ครอบครัว และชุมชน ตลอดทั้งการพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้วย โดยการประสานงานกับหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ และคริสตจักร โรงเรียน สถาบัน และองค์กรชุมชน อย่างใกล้ชิด


:: ปี ค.ศ.1993 ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้เริ่มพันธกิจการเชิญชวนให้มวลชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคม ในเชิงการพัฒนาชีวิต และนำความช่วยเหลือไปสู่เด็กไทยด้วยกัน ในลักษณะผู้อุปการะคนไทยช่วยเหลือคนไทยยากไร้ ด้อยโอกาส เรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘โครงการอุปการะเด็กในประเทศไทย’ (Local Sponsorship Project) ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเหลือพัฒนาไปที่เด็ก ครอบครัว และชุมชน ภายใต้คำขวัญว่า ‘เด็ก ครอบครัว อยู่ดีมีสุข’ (Child & Family Well-Being)


:: ปี ค.ศ.1999 ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ยังคงดำเนินพันธกิจเรื่อยมา และยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานต่อไปตามเจตจำนง และเป้าหมายสูงสุดขององค์กร เพื่อพัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิต และช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งหลายอย่างไม่หยุดยั้ง โดยได้ขยายเขตพื้นที่การดำเนินโครงการออกไปอีกหลายจังหวัด เพิ่มจำนวนเด็กในความอุปการะของโครงการมากขึ้น และได้ดำเนินโครงการพิเศษต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลหรือตามบริเวณเขตชายแดนระหว่างประเทศ


:: ปี ค.ศ.2003-ปัจจุบัน ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ยังคงมุ่งเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มีชุมชนเป็นฐานการพัฒนา และดำเนินพันธกิจโดยมีองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งการเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งแก่ชุมชนด้วยการสนับสนุนพันธ กิจการสร้างงาน และเสริมสร้างรายได้แก่ชุมชนในลักษณะธุรกิจชุมชนขนาดย่อมด้วย

ปัจจุบัน มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ดำเนินงาน 75 โครงการ ใน 43 จังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย และมีเด็กในความอุปการะ 111,047 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2556)

 

 

 

 

พันธกิจ
มูลนิธิ ศุภนิมิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรคริสเตียนเพื่อการพัฒนาและสาธารณกุศล ที่ดำเนินพันธกิจด้านต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสในสังคม และผู้ที่ดำเนินชีวิตในภาวะยากลำบาก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก ครอบครัว ชุมชน และผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ

มูลนิธิฯ จะปฏิบัติตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ในการสำแดงความรัก ความเมตตา และการช่วยเหลือสงเคราะห์ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต และตอบสนองความต้องการของพี่น้องคนไทย ไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกล ในเมืองหรือชนบท ด้วยการให้ความช่วยเหลือสนับสนุน และร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ เอกชน คริสตจักร สถาบันต่าง ๆ และผู้มีจิตกุศลทั้งหลาย เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดขององค์กร

มูลนิธิฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นองค์กรสาธารณกุศล เมื่อวันที่ 21 มกราคม 1974 เพื่อดำเนินพันธกิจในทุกภูมิภาคของประเทศไทย



:: พันธกิจการพัฒนาชุมชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิต ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ดำเนินงานพัฒนาและอุปการะเด็กยากไร้ ด้อยโอกาส ในรูปแบบ ‘การพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน’ โดยมี ‘เด็ก’ เป็นหัวใจสำคัญของพันธกิจ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือปัจจัยทางด้านการศึกษา การดูแลทางด้านอนามัย การพัฒนาจิตใจ จริยธรรม และการส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้แก่เด็กและครอบครัว


:: พันธิกจการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้ให้การช่วยเหลือบรรเทาทกุข์แก่ผู้ประสบภัย ทั้งภัยอันเกิดจากธรรมชาติ หรือภัยจากการกระทำของมนุษย์ โดยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยทั้งในเบื้องต้นและภายหลังจากเหตุการณ์ ตามความเหมาะสม เพื่อฟื้นฟูสู่ภาวะปกติ และพัฒนาให้เขาสามารถพึ่งพาตนเองต่อไปได้


:: พันธกิจการส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้สนับสนุน ส่งเสริม และให้ความรู้แก่บุคคล กลุ่มเป้าหมาย ผู้นำชุมชน คนในชุมชน และผู้นำคริสตจักร ในการร่วมมือกันตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในสังคม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเด็กและผู้ยากไร้ โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินงานโครงการพิเศษต่าง ๆ


:: พันธกิจการสนับสนุนและร่วมพันธกิจกับคริสตจักร ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ ได้สนับสนุนให้คริสตจักรในท้องถิ่นมีบทบาทในการแพร่ธรรมและปลูกฝังจริยธรรม ที่ดีให้แก่เด็กและคนในชุมชน โดยการเสริมสร้างทักษะแก่ผู้นำคริสตจักร เชิญชวนให้คริสตจักรมีส่วนร่วมในพันธกิจการช่วยเหลือผู้ากไร้ด้อยโอกาสใน สังคม อีกทั้งสนับสนุนให้คริสตจักรมีบทบาทในงานให้บริการแก่ชุมชนด้วย


:: พันธิกจการเสริมสร้างจิตสำนึกแก่มวลชน ::
มูลนิธิ ศุภนิมิตฯ เชิญชวนให้มวลชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ด้อยโอกาส ในสังคม โดยมูลนิธิฯ จะเป็นผู้สานต่อสายใยแห่งการแบ่งปันนั้นไปสู่เด็กและผู้ยากไร้ด้อยโอกาสใน โครงการต่าง ๆ

 

 


 

 

โครงการอุปการะเด็ก
‘โครงการ อุปการะเด็ก’ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ครอบครัว และชุมชนยากไร้ในพื้นที่การดำเนินงานของมูลนิธิฯ ผ่านการสนับสนุนของ ‘ผู้อุปการะ’ ด้วยการบริจาคเงินอย่างต่อเนื่องเพียงวันละ 20 บาท หรือเดือนละ 600 บาท ต่อการอุปการะเด็ก 1 คน ซึ่งผู้อุปการะสามารถอุปการะเด็กได้ไม่จำกัด แต่ ‘เด็กในความอุปการะ’ จะมีผู้อุปการะเพียง 1 ท่านเท่านั้น

มูลนิธิศุภนิมิตฯ ดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการบูรณาการความร่วมมือ และวางแผนการพัฒนาร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐ หน่วยงานท้องถิ่น ครอบครัว และชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่ภายใต้ชื่อ ‘โครงการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน’ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ครอบครัว และชุมชนที่เขาอาศัยอยู่ให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน นำมาซึ่งความอยู่ดีมีสุขและชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของเด็ก ๆ


1. มีเด็กในครอบครัวยากไร้จำนวนมากกำลังใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เสี่ยงกับการไม่ได้เรียนต่อ มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เด็กหลายคนต้องทำงานหนักก่อนวัยอันควรเพื่อช่วยหาเลี้ยงครอบครัว

2. มูลนิธิฯ จัดตั้งสำนักงานในพื้นที่ สำรวจปัญหาของชุมชนวางแผนร่วมกับคนในชุมชนจัดทำแผนโครงการพัฒนาชุมชนเป็น พื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน

3. มูลนิธิฯ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้านสุขภาพและทำประวัติเด็กเพื่อติดตามผลการเจริญเติบโต พร้อมคัดเลือกเด็กและครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและเป็น ครอบครัวที่ยากจนที่สุดในชุมชน

4. มูลนิธิฯ จัดหาผู้อุปการะให้เด็ก ๆ เพื่อนำเงินบริจาคที่ผู้อุปการะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเดือนละ 600 บาท ผ่าน ‘โครงการอุปการะเด็ก’ มาใช้ในการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ครอบครัว และชุมชนนั้น ๆ เด็ก ๆ ได้รับอุปกรณ์การเรียน การฝึกอบรมทักษะอาชีพ และได้เรียนอย่างต่อเนื่องในระดับที่สูงขึ้น

 

 

 

5. มูลนิธิฯ จัดอบรมอาชีพโดยผู้เชี่ยวชาญ สร้างแหล่งอาหารและส่งเสริมอาชีพให้ครอบครัวไปพร้อมกัน

6. เด็ก ๆ มีความหวังจะได้เรียนอย่างต่อเนื่อง ครอบครัวสามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ให้มีความสุข มีเงินเก็บเพื่ออนาคต กลุ่มอาชีพรวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรของชุมชน อาทิ สหกรณ์รวมใจ ดูแลซึ่งกันและกันร่วมมือกันแก้ปัญหาในชุมชนด้วยตนเอง

7. มูลนิธิฯ ติดตามผลอย่างต่อเนื่องเมื่อชุมชนผ่านการประเมินผลว่าสามารถพึ่งพาตนเองได้ อย่างยั่งยืน มูลนิธิฯ จัดทำรายงานส่งให้ผู้อุปการะ และถอนตัวออกจากโครงการเพื่อไปดำเนินงานพัฒนาในชุมชนยากไร้อื่นต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 


โรงพยาบาลรามาธิบดี (มูลนิธิรามาธิบดี)

 

 

 

ความเป็นมา
การจัดตั้งมูลนิธิรามาธิบดีฯ ขึ้น จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และนำไปจัดสรร เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทางด้านการแพทย์ และช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลน ทุนทรัพย์ให้ได้รับโอกาสในการรักษา โดยผ่านการดำเนินงานของ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

ศาสตราจารย์ นายแพทย์อารี วัลยะเสวี คณบดีท่านแรกของ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีความมุ่งหวังอยากให้การทำงานของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมีความคล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพสูง ทั้งยังสามารถให้บริการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง เพราะเงินรายได้และงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้นั้นไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชน และบริหารงานของคณะฯ อีกทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน จึงทำให้เกิด ความล่าช้า กอปรกับมีผู้ประสงค์จะขอบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือในโครงการต่างๆ ค่อนข้างมาก

ศาสตราจารย์นายแพทย์อารี จึงเห็นว่าหากจัดตั้งมูลนิธิรามาธิบดีฯ ขึ้น จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ และนำไปจัดสรรเพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนา ทางด้านการแพทย์ และช่วยเหลือ ประชาชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับโอกาสในการรักษา โดยผ่านการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะกรรมการบริหารคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้ลงความเห็นให้ก่อตั้งมูลนิธิรามาธิบดีฯ ขึ้น และได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ให้เป็นองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7) (ข) และมาตรา 79 ตรี (8 ) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร โดยมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้รับการประกาศอยู่ในลำดับที่ 100 และด้วยประโยชน์ที่ได้สร้างให้กับสังคมและประชาชน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับมูลนิธิรามาธิบดีฯ อยู่ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551

 

 

 

 

วิสัยทัศน์
มูลนิธิรามาธิบดีฯ มุ่งเป็นองค์กรการกุศล ในดวงใจ เพื่อเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือ ให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน



วัตถุประสงค์
1. สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ประชาชนทุกระดับได้รับการรักษาที่มีมาตรฐานและเป็นไปอย่างทั่วถึง
2. สนับสนุนทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย อันเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการรักษาพยาบาลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3. สนับสนุนทุนการปรับปรุงและก่อสร้างอาคารสถานที่ในการให้บริการรักษาพยาบาล แก่ผู้ป่วย และเพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาได้อย่างทั่วถึง
4. สนับสนุนทุนการศึกษาของนักศึกษาแพทย์และพยาบาล เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาและส่งเสริมการสร้างบุคลากรทาง การแพทย์ที่มีคุณภาพ
5. สนับสนุนด้านการค้นคว้าและวิจัยทางการแพทย์ในโครงการต่างๆ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อเป็นรากฐานที่ยั่งยืนในการรักษาและช่วยเหลือผู้ป่วยในอนาคต
6. สนับสนุนการพัฒนาสวัสดิการบุคลากร เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

Share   Like
Comments