RECENT POST
HDP ROUND HALF HELMET- IR...
DATE 420.04.25
N-C-01<br>Expired::
N-C-02<br>Expired::
N-C-03<br>Expired::
สาวกเตรียมเฮ! "ฮาร์เล่ย์" ผลิตในไทยราคาเริ่ม 2.5 แสน
By HDP PR
DATE: 2014.01.17
VIEW: 2160
POST: 0
แบ่งปัน   Like


 

 

ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน เล็งตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยหวังลดต้นทุน ดันยอดขายอาเซียนโตเท่าตัวใน 5 ปี ทุ่ม 100 ล้านเปิด แฟล็กชิฟสโตร์ แห่งใหม่

นายเค็น เสวนสัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พาวเว่อร์สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย "ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน"เปิดเผยว่า บริษัทแม่ได้ให้ความสนใจในการตั้งโรงงานผลิตในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้ให้ความสนใจในประเทศไทยเพื่อผลักดันยอดขายในอาเชียนให้เติบโตขึ้นเท่าตัวภายใน 5 ปี โดยคาดว่าหากสามารถทำการผลิตได้ในประเทศไทยจะทำให้ราคาจำหน่ายในประเทศต่ำลงซึ่งน่าจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.5-3 แสนบาทจากปัจจุบันเริ่มต้นที่ 6.3 แสนบาทจากการเสียภาษีนำเข้าในระดับ 90-100%

 

ขณะที่ในปี 2556 บริษัทมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 390 คันและตั้งเป้ายอดจำหน่ายเติบโตในปี 2557 ที่ระดับ 15-20% หรืออยู่ที่ 450 คัน พร้อมกันนี้ บริษัทได้ลงทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ในการสร้างโชว์รูม (แฟล็กชิฟสโตร์) และศูนย์บริการแห่งใหม่ พื้นที่กว่า 4,000 ตรม. บนถนนพระราม 9 ภายใต้ชื่อ Harley – Davidson of Bangkok Rama IX Showroom เพื่อให้เป็นศูนย์บริการฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน อย่างเป็นทางการที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย เน้นความทันสมัย ครบวงจร ซึ่งจะประกอบไปด้วย โชว์รูมแสดงรถจักรยานยนต์ สินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น และของตกแต่ง รองรับการให้บริการได้จำนวน 300 คันต่อเดือน โดยช่างผู้ชำนาญจาก ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน สหรัฐอเมริกา

 

 

Street Glide


 

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเดินหน้าขยายสาขาสู่ภูมิภาคเพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่ ต่างจังหวัดจำนวน 5 สาขา ภายในปี 2561 ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคโดยเริ่มขยายตั้งแต่ปี 2557 จำนวน 1 สาขา เพื่อรองรับความต้องการของตลาดรถบิ๊กไบค์ที่เพิ่มมากขึ้น


สำหรับไฮไลท์ที่สำคัญในปี 2557 ฮาร์เลย์จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่บุกตลาดปีม้า ภายใต้ชื่อโปรเจ็ค “Rushmore” ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ 110 ปีของฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน โดยโปรเจ็คนี้จะเป็นผลของการพัฒนาปรับปรุงรถให้มี Styling design ที่ใหม่ขึ้นและปรับปรุงให้ผู้ขับ ได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น โดยเน้นในเรื่องของ Control, Infotainment ,Feel และStyle โดยจะพบกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ใน 8 โมเดล ซึ่งได้แก่ Road King, Street Glide, Street Glide Special, Electra Glide Ultra Classic, Ultra Limited, Tri Glide Ultra, CVO Ultra Limited และ CVO Road King


อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินธุรกิจต่อไปบริษัทเน้นไปที่การตลาดหลัก 2 ช่องทาง คือการจัด Event marketing เพื่อเพิ่มยอดขาย และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโชว์รูมแห่งใหม่ที่พระรามเก้า ซึ่งในปี 2557 นี้ บริษัทตั้งงบประมาณการตลาดไว้ที่ 35 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายในการเน้นขยายเน็ตเวิร์คของการขายและการเซอร์วิสหรือบริการ หลังการขาย ให้มีความแข็งแกร่งไปสู่ระดับภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในต่างจังหวัดต่อไป และเน้นการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งในโชว์รูม รวมถึงการร่วมมือกับสมาคม HOG (Harley Owners Group) ในประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ระดับอินเตอร์ให้กับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย

 


 

Ultra Classic Electra Glide

 

 


---
ขอขอบคุณ
ข่าวจาก...
posttoday.com


Comments