A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
Dirt Shop (Part 1)
By HDP PR
DATE: 2011.03.21
VIEW: 2144
POST: 0


Dirt Shop หลายคนคงเคยได้ยินชื่อร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ร้านนี้กันมาบ้างแล้ว แม้บางคนจะไม่เคยได้ยิน หรือไม่เคยได้ไปที่ร้าน แต่ก็คงพอจะเดาได้จากชื่อร้านว่าน่าจะจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับรถในแวดวงสนามฝุ่นเป็นแน่

ร้านที่ตั้งอยู่ริมถนนอ่อนนุช ผ่านไปผ่านมาอยู่นานปี เคยแวะเข้าไปเลือกซื้อสินค้าอยู่หลายครั้ง จนช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจ้า Black Springer เกิดยางซึม จนต้องหาร้านเปลี่ยนยางในเส้นใหม่ เลยนึกถึง พี่เอกและพี่ไบ๋ แห่ง Dirt Shop ว่าอยู่ใกล้ๆบ้าน เลยลองโทรสอบถามพี่ๆว่า ช่างที่ร้านพอจะมีเวลาเปลี่ยนยางในให้ได้ไหมครับ พี่ทั้งสองท่านก็แสนใจดี บอกว่าขี่เข้ามาได้เลยครับ เดี๋ยวให้ช่างจัดการให้ ผมก็ขี่ไปตามตำแหน่งร้านเดิมที่เห็นจนชิน จากแยกอ่อนนุช มุ่งหน้าไปลาดกระบัง ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือ แต่ไหงคราวนี้ ขี่มาตั้งไกล ร้านหายไปไหนหว่า หรือว่าจะหลงทางเอาแถวๆบ้านตัวเอง ก็เลยโทรสอบถาม จึงได้รู้ว่า Dirt Shop ได้ย้ายร้านมาอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆกับร้านเดิม…

ร้านใหม่ของ Dirt Shop ตกแต่งในสไตล์ Loft ใช้ปูนเปลือย, Viva Board, กระจก และเหล็ก ทำให้ร้านออกมาในแบบทันสมัย ดิบ แต่ดูดี เป็นสไตล์การตกแต่งที่ผมชอบอยู่แล้ว นั่งคุยกับพี่ๆทั้งสองท่านซักพักในระหว่างรอเปลี่ยนยางใน ถึงได้รู้ว่า Dirt Shop เดี๋ยวนี้ ไม่ได้มีแค่เพียงอุปกรณ์ของรถวิบาก และรถสปอร์ตเหมือนในอดีต แต่เริ่มมีอุปกรณ์สำหรับรถสไตล์ Cruiser, Touring อย่าง HD เข้ามาจำหน่ายด้วย แถมท้ายด้วยการพาไปชมห้อง Dyno Test ที่มีอุปกรณ์ครบครัน ได้เห็นอย่างนี้แล้ว ก็อยากจะให้เพื่อนๆท่านอื่นที่ยังไม่ได้แวะมาเยี่ยมชมร้านใหม่แห่งนี้ ได้รู้จักกันให้มากขึ้น จึงขออนุญาตนัดพี่ๆทั้งสองท่านอีกครั้งในช่วงบ่ายแก่ๆของวันกลางสัปดาห์อย่างเป็นทางการเพื่อทำคอลัมน์แนะนำร้านแห่งนี้ให้เพื่อนๆได้รู้จักกันอีกครั้งครับ


HDP: พี่ไบ๋เริ่มขี่รถมาตั้งแต่เมื่อไรครับ
พี่ไบ๋: จริงๆ แล้วขี่รถ ผมเริ่มขี่มาตั้งแต่อายุประมาณ 16-17 ครับ ก็ชอบมอเตอร์ไซค์นั่นแหละ เด็กๆ เนี่ยคือ สมัยผมเด็กๆ เคยไปดูแข่งมอเตอร์ครอสไง เมื่อก่อนผมอยู่หัวหิน แล้วก็ไปดูแข่งมอเตอร์ครอสตามงานวัด เราก็เห็นเขาขี่ก็ชอบ ก็เลยฝังใจมาตั้งแต่นั้น จากนั้นมาก็เริ่มขี่ เป็นวัยรุ่น ก็ย้ายไปเรียนเชียงใหม่ ก็ไปเริ่มขี่ที่เชียงใหม่

HDP: ก็คือขี่มอเตอร์ครอสมาตลอด
พี่ไบ๋: เมื่อก่อนเป็น Enduro มั้ง เที่ยวมากกว่า ขี่เที่ยวมากกว่า ขี่เล่นอะไรอย่างนี้ ไม่ได้แบบ เป็นจริงจัง

HDP: ตอนขี่คันแรกๆ นี่รุ่นอะไรครับ
พี่ไบ๋: ตอนแรกๆ ที่ผมมีอยู่จะเป็น XL125, KE125, KE175 Kawasaki แรกๆ เริ่มจากขโมยเค้ามาขี่ ขโมยรุ่นพี่มาขี่ เค้าจอดไว้ยืมเค้ามั่งอะไรอย่างงี้ ตอนนั้นคุณพ่อเค้าก็มีเล่นรถพวกนี้อยู่ เล่นพวก Harley แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจไง เค้ามีก็ อ๋อเหรอ มี แค่นั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาขี่มาตั้งแต่หนุ่มๆ ละ เขาจบโรงเรียนศิลป์ไง เมื่อก่อนเขาทำเป็น Shipping ทำพวกเกียร์ ก็ยังมีอยู่ เราก็เห็น ตอนเด็กๆ นะ เห็นแต่ว่าไม่ได้สนใจ แล้วก็โตขึ้นมาเขาก็ ตอนนั้นก็ย้ายไปที่หัวหินกัน ก็เลยทำ ไปบุกเบิกไร่สับประรด เราก็เลิก เราไม่ชอบไง ก็เลยฝังเลือดมาตลอด


HDP: นอกจากแนววิบากแล้ว พี่ไบ๋ขี่แนวอื่นบ้างมั้ยครับ
พี่ไบ๋: ก็มีขี่เที่ยว ช่วงหลังๆ นี่ไม่ได้ออกทริปเลย พี่บอกตรงๆ เลย ช่วง 4-5 ปีหลังมานี่ จะไปก็ไปกับเอก บางทีอาจจะไปหัวหิน ไปเขาใหญ่ ไปใกล้ๆ อะไรอย่างนี้ ไม่ได้ไปเดินทางไกลๆ หลายๆ วัน อาจจะไปเช้าเย็นกลับประมาณนี้ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องขี่ เหมือนเมื่อก่อน แต่เมื่อก่อน เมื่อก่อนตอนเป็นวัยรุ่นนี่ โอ้โห กรุงเทพ-เชียงใหม่ ถ้าขี่กันนะ

HDP: ตอนนั้นขี่อะไรไปกันครับ
พี่ไบ๋: ตอนนั้นขี่ กรุงเทพ-เชียงใหม่ทริปใหญ่ๆ ที่ไปกัน ตอนนั้นเริ่มกัน ตอนนั้นก็มี ป๋าเหวก มีเสี่ยตือ คุณทนง แล้วก็มีพี่ใหญ่ ปรีดา เจริญมงคล ขี่วิบากอยู่ ก็รถ ตอนนั้นก็เอารถไอ้พวกวิบากๆ ไปกัน เพราะเราตอนนั้นใช้ ที่พี่ประทับใจก็คือว่า จะใช้เส้นทางที่ไปเชียงใหม่โดยต้องพยายามขึ้นถนนใหญ่ ให้น้อยที่สุด ก็จะเลาะไปเรื่อยๆ ตาม แล้วก็ไปออกแม่ฮ่องสอน ตอนนั้นก็แบบ ได้หมด เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเมืองกาญจน์อะไรอย่างนี้ ไปเที่ยวกัน ไปอะไรอย่างนี้

HDP: แต่ว่าก็ยังใช้รถเป็นพวก Enduro รถวิบากอะไรพวกนี้
พี่ไบ๋: ใช่ๆ แต่ก็มีเป็นพวก Africa Twin บ้าง เป็นลักษณะแบบนั้นแหละ ลักษณะรถทัวร์ริ่งใหญ่ๆ

HDP: Dirt Shop นี่เริ่มก่อตั้งมาได้ยังไงครับ
พี่ไบ๋: ตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่ อยู่ที่สุขุมวิท ทำงานเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ครับ ขายพวกเฟอร์นิเจอร์หวายที่สุขุมวิท แล้วก็ เราก็ชอบมอเตอร์ไซค์ไง หน้าปากซอยที่บ้าน ซอยลาดพร้าว 23 จะมีร้าน ร้านขายมอเตอร์ไซค์อยู่ร้านนึง ผมก็ลาออกจากงานที่นี่เลย ไปทำร้านมอเตอร์ไซค์นี่แหละ เพราะชอบมอเตอร์ไซค์ เลยไปขอเขาทำงานด้วย ก็ไปประกอบรถ ประกอบอะไรอย่างนี้ ชอบ เราไม่สนใจ เราแบบวัยรุ่น


HDP: ไม่ได้เรียน Mechanic มาโดยเฉพาะ
พี่ไบ๋: ไม่ได้เรียน แต่เราชอบมอเตอร์ไซค์ พอดีคุยกับเขาถูกคอ ก็เลยบอก เอ้ยเดี๋ยวไปช่วย ก็ไปช่วย เขาก็บอกให้มาช่วย ก็มาช่วย ทุกวันนี้ก็คือร้าน PRT ที่ขายอะไหล่รถใหญ่มานานแล้ว ก็คือตอนนั้นก็คือ ร้านฟังศิลป์ ฟังศิลป์ยนต์ ก็ไปช่วยเขา ก็เลยอยู่นั่นมาตลอด แล้วพอดีจังหวะพี่เอกแกมาซื้อรถ บอกว่าคันนี้ เค้าไม่ได้ซื้อคันนี้หรอกเขาจะมาซื้อรถ ก็เดินคุยไปคุยมา ผมก็ขายของผม เฮ้ย! บอกคันนี้ซื้อผมเถอะ หมายถึงรถคันนี้นะ (ชี้ไปที่รถที่ถูกแขวนลอยติดผนังในร้าน) รับรองไม่ผิดหวัง คันนี้ไม่ผิดหวัง นี่คือรถปี 90 แต่คันนี้เอาเข้ามาเป็น รถใหม่เลยตอนนั้น ตอนนั้นไปปลายปี 89 แล้วเอาเข้ามา บอกให้ซื้อตัวนี้เถอะ ไม่ผิดหวัง รับรอง แล้วคุณจะประทับใจในรถคันนี้ว่าคุณจะใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดเลย เค้าก็ไม่เชื่อ เขาก็หายไป 3-4 วัน แล้วกลับมาดูอีก แล้วก็หายไปอีก 3-4 วัน มาอีกวันนึงมากับป๋า บอกคราวนี้มาซื้อ เลยเริ่มต้นจากเป็นเพื่อนกัน

HDP: ตอนนี้ก็คือรู้จักกันเป็นครั้งแรก
พี่ไบ๋: ก็เริ่มเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ขี่รถด้วยกัน พอปี 91 ผมก็ เลิก เอาของมาขาย ก็คือตอนนั้น เอกเขาจะมีน้องสาวอยู่อเมริกาไง ก็เลยบอก เฮ้ย! เราอยากทำพวกนี้วะ เอกเขาก็ไม่ได้สนใจนะ เราอยากทำร้านอะไรอย่างนี้บ้าง ปรึกษาเอก เขาบอกเดี๋ยวให้เอ๋ดูให้ คือน้องสาวเอก ซื้อของจากอเมริกาให้ เขาเป็นพี่ รุ่นพี่เขาอยู่อเมริกา เขาก็ส่งของมาให้ เราก็ขายกันในเล็กๆ ก่อน ในแวดวงก่อน พอปี 91 ปลายๆ ปี ก็เริ่มมาเปิดร้านที่สุขา 3 เปิดเล็กๆ ประมาณตู้คอนเทนเนอร์ ก็ลงทุนกันคนละไม่กี่หมื่นบาท ตอนนั้น ฮาร์เล่ย์ นี่เริ่มมาละ ตอนนั้นผมเริ่มทำรถอเมริกาล็อตแรก ผมว่าฮาเล่ย์ปี 91 พวก Fat Boy มาละ หัวเหลืองอะไรพวกนี้ ปี 90-91 มาละ เอาพวก Jet Ski, Se-Doo มาตอนนั้น

HDP: ตอนนั้นก็ไม่ได้เอาแต่ พวกวิบากมาอย่างเดียว แต่เอาอย่างอื่นมาด้วย
พี่ไบ๋: คือเราเหมือนคนเล่นน่ะ พอไปเห็นอะไรชอบก็ซื้อไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวว่ากัน คือมันเป็นเรื่องอย่างนั้นจริงๆ แล้วที่ผมทำธุรกิจ คือ เราชอบ เรารัก เห็นอะไรสวยก็ชอบซื้อ ซื้อแล้วก็เอามาขาย ขายได้ก็ขายไปอะไรอย่างนี้ อันไหนเก็บไว้ ชอบอันไหนก็เก็บไว้ประมาณนี้

HDP: เริ่มขี่วิบากกับพี่เอกตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอครับ
พี่ไบ๋: ใช่ แต่เอกเนี่ย เขาจะขี่หลากหลาย เขาจะมีรถสปอร์ต เขาจะมีอะไรของเขาอยู่หลากหลาย เอกเขาจะขี่หลายแบบ แต่ผมเนี่ย เนื่องจากผมต้องทำงาน แล้วก็ผมก็จะไม่มีเวลาขี่ นอกจากวันอาทิตย์วันเดียว แล้ววันอาทิตย์วันเดียวก็ไปไหนไม่ได้ ก็คือต้องขี่วิบาก ง่ายๆ เพราะมันอยู่ในกรุงเทพฯ พอออกไปแป๊บเดียวก็เหนื่อยละ กลับมาบ้าน ออกทริปไกลๆ ไม่ได้ละ ตอนนั้นยังกินเงินเดือนอยู่ แต่พอปี 91 ก็เริ่มมาทำเต็มตัวเลย ทำร้านเลย ออกมาเพื่อทำร้าน

HDP: ที่สุขาภิบาล 3 นี่อยู่มานานกี่ปีครับ
พี่ไบ๋: สุขา 3 อยู่ประมาณ 4 ปี 4 ปี หรือ 5 ปี นี่แหละ จำไม่ได้ แล้วก็มา จากสุขา 3 ก็ย้ายไปที่ร้าน ตรงซอยอ่อนนุช 57 ฝั่งตรงข้ามปั๊มเชลล์ ตรงนั้นประมาณสิบ 12 ปีหรือ 13 ปีนี่ละมั้ง จำไม่ได้ละ ก็ย้ายมาที่นี่ นี่คือเริ่มปีที่ 2 ละ แล้วก็ย้ายฝั่งโน้นมาฝั่งตรงข้าม (ใกล้อ่อนนุช 76)

HDP: สิบกว่าปีแล้วตั้งแต่เริ่มต้นมา ของส่วนใหญ่จะป็นของพวกวิบาก แล้วคนเค้านิยมของจากทางไหนมากกว่ากันครับ อย่างทางญี่ปุ่น ทางอเมริกา หรือว่าทางอื่นๆ
พี่ไบ๋: ส่วนใหญ่ เราทำจากอเมริกาเป็นหลัก ก็ตอนนั้นเนี่ย พอเราเริ่มทำร้าน เราก็มองหาผลิตภัณฑ์ที่เรา เราคิดว่าเราชอบ เราใช้แล้วมันดี ก็คือเริ่มจาก Fox แล้วเราก็ขอเป็นตัวแทน Fox เลย ซื้อน้อยมาก เพราะ Fox เพิ่งเริ่มโตเหมือนกัน เราก็ทำ Fox แล้วก็ขอ Alpines แล้วเราก็ทำ Alpines อะไร เราจะใช้ก่อน เราก็ซื้อมาใช้ก่อนว่า ไอ้สินค้ายี่ห้อนี่มันดีมั้ยอะไรอย่างนี้ แล้วก็ พอดีก็ โอเคนะ จะเป็นลักษณะนั้นหมดทุกอย่างนะของผมเนี่ย ถึงมีคำว่า สังเกตุว่าข้างล่างจะมีภาษาอังกฤษ คำว่า performance product ก็คือเราลองมาหมดแล้ว ลองใช้มาแล้ว ลองดูลองใช้ เลือกดูคุณภาพ แล้วถึงจะเอามาขาย

HDP: ตอนนั้นก็ไม่ได้เอาแต่ พวกวิบากมาอย่างเดียว แต่เอาอย่างอื่นมาด้วย
พี่ไบ๋: คือเราเหมือนคนเล่นน่ะ พอไปเห็นอะไรชอบก็ซื้อไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวว่ากัน คือมันเป็นเรื่องอย่างนั้นจริงๆ แล้วที่ผมทำธุรกิจ คือ เราชอบ เรารัก เห็นอะไรสวยก็ชอบซื้อ ซื้อแล้วก็เอามาขาย ขายได้ก็ขายไปอะไรอย่างนี้ อันไหนเก็บไว้ ชอบอันไหนก็เก็บไว้ประมาณนี้

HDP: เริ่มขี่วิบากกับพี่เอกตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอครับ
พี่ไบ๋: ใช่ แต่เอกเนี่ย เขาจะขี่หลากหลาย เขาจะมีรถสปอร์ต เขาจะมีอะไรของเขาอยู่หลากหลาย เอกเขาจะขี่หลายแบบ แต่ผมเนี่ย เนื่องจากผมต้องทำงาน แล้วก็ผมก็จะไม่มีเวลาขี่ นอกจากวันอาทิตย์วันเดียว แล้ววันอาทิตย์วันเดียวก็ไปไหนไม่ได้ ก็คือต้องขี่วิบาก ง่ายๆ เพราะมันอยู่ในกรุงเทพฯ พอออกไปแป๊บเดียวก็เหนื่อยละ กลับมาบ้าน ออกทริปไกลๆ ไม่ได้ละ ตอนนั้นยังกินเงินเดือนอยู่ แต่พอปี 91 ก็เริ่มมาทำเต็มตัวเลย ทำร้านเลย ออกมาเพื่อทำร้าน

HDP: ที่สุขาภิบาล 3 นี่อยู่มานานกี่ปีครับ
พี่ไบ๋: สุขา 3 อยู่ประมาณ 4 ปี 4 ปี หรือ 5 ปี นี่แหละ จำไม่ได้ แล้วก็มา จากสุขา 3 ก็ย้ายไปที่ร้าน ตรงซอยอ่อนนุช 57 ฝั่งตรงข้ามปั๊มเชลล์ ตรงนั้นประมาณสิบ 12 ปีหรือ 13 ปีนี่ละมั้ง จำไม่ได้ละ ก็ย้ายมาที่นี่ นี่คือเริ่มปีที่ 2 ละ แล้วก็ย้ายฝั่งโน้นมาฝั่งตรงข้าม (ใกล้อ่อนนุช 76)

HDP: สิบกว่าปีแล้วตั้งแต่เริ่มต้นมา ของส่วนใหญ่จะป็นของพวกวิบาก แล้วคนเค้านิยมของจากทางไหนมากกว่ากันครับ อย่างทางญี่ปุ่น ทางอเมริกา หรือว่าทางอื่นๆ
พี่ไบ๋: ส่วนใหญ่ เราทำจากอเมริกาเป็นหลัก ก็ตอนนั้นเนี่ย พอเราเริ่มทำร้าน เราก็มองหาผลิตภัณฑ์ที่เรา เราคิดว่าเราชอบ เราใช้แล้วมันดี ก็คือเริ่มจาก Fox แล้วเราก็ขอเป็นตัวแทน Fox เลย ซื้อน้อยมาก เพราะ Fox เพิ่งเริ่มโตเหมือนกัน เราก็ทำ Fox แล้วก็ขอ Alpines แล้วเราก็ทำ Alpines อะไร เราจะใช้ก่อน เราก็ซื้อมาใช้ก่อนว่า ไอ้สินค้ายี่ห้อนี่มันดีมั้ยอะไรอย่างนี้ แล้วก็ พอดีก็ โอเคนะ จะเป็นลักษณะนั้นหมดทุกอย่างนะของผมเนี่ย ถึงมีคำว่า สังเกตุว่าข้างล่างจะมีภาษาอังกฤษ คำว่า performance product ก็คือเราลองมาหมดแล้ว ลองใช้มาแล้ว ลองดูลองใช้ เลือกดูคุณภาพ แล้วถึงจะเอามาขาย


HDP: แล้วพี่เอกกับพี่ไบ๋เนี่ย ออกแข่งรถเองด้วยใช่มั้ยครับ
พี่ไบ๋: แข่งด้วย เอกจะแข่งด้วย ผมก็แข่ง ก่อนหน้านี้ผมก็แข่งด้วย ตอนที่เปิดร้านผมก็แข่ง แข่ง Enduro ก็มาในชื่อของร้าน

HDP: ตอนแข่งในสนามแข่ง เคยเจออุบัติเหตุอะไรบ้างมั้ยครับ
พี่ไบ๋: เจอ อย่างเอกเค้าก็ขาหัก ล้มขาหัก ส่วนใหญ่จะเจอในสนาม ข้างนอกไม่ค่อยเจอ เพราะพวกเรา คือผมว่า พื้นฐานเราค่อนข้าง Safe ตัวเองมากกว่า ถ้าขี่ก็ควรมีสติหน่อย

HDP: เวลาขี่ในสนาม พวก Protection ของพวกรถวิบากนี่ มีประโยชน์มากมั้ยครับ
พี่ไบ๋: มากๆ ค่อนข้างเลยละ เพราะว่าวิบากมันจะมีโอกาสล้มมากกว่ารถทางเรียบ แต่ว่าเวลาที่เกิดอะไรอย่างนี้ ผลเสียหายมันจะน้อยกว่ารถทางเรียบ

HDP: แล้วพี่ไบ๋ ที่เกิดอุบัติเหตุหนักสุดนี่อะไรครับ
พี่ไบ๋: ก็มีคางแตกอะไรพวกนี้ ก็มีนิ้ว นี่ (ชี้ให้ดูที่เล็บ ลักษณะบี้ๆ) พวกนี้แหละ อย่างนี่ อันนี้ชนต้นยาง ก็บีบ เราจะดับอย่างนี้มั้ย แล้วก็บีบคลัชอย่างนี้มันก็ไม่ได้ ก็เลี้ยวมาสไลด์ก็แทง ต้นยางมันก็ คือคลัชมันก็หนีบแป๊ะ! ต้องดัดต้นยางเอามือออก เละเลย มันก็เละเลย แล้วข้างนี่ก็เท่าไหร่ 14 เข็ม เป็นสี่แยกเลย

HDP: แต่ก็ยังชอบรถวิบากอยู่
พี่ไบ๋: ชอบ ก็มันเหมือนอะไรนะ มันเหมือนกับว่า รถวิบากไม่ใช่ใครก็ขี่ได้นะ ต้องมีการฝึกฝน ต้องมีทักษะ แล้วก็มันใช้เวลานิดเดียวก็ ก็มีความมันส์แล้ว 5 นาทีนี่ก็รู้แล้วว่ามันส์เป็นยังไง แต่แข่งรถทางเรียบมันต้องใช้เวลานาน กว่าจะต้องบรรทุกรถไปสนาม ต้องแต่งตัว ต้องอะไรอย่างนี้ ต้องขี่จนแบบเข่าเช็ดพื้นได้ มันถึงจะเริ่มสนุก ถ้างั้น จะมันท้อ แต่รถวิบากมันแบบ พอขี่เข้าป่า เข้าอะไรอย่างนี้ ก็ขี่ได้หมด

HDP: ตลาดของรถวิบาก ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มเล่น จนมาถึงในตอนนี้ มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างมั้ยครับ
พี่ไบ๋: เติบโตๆ แต่ว่าเนื่องจากกลุ่มตลาดของรถวิบากเนี่ย คนเล่นหรือคนอะไรเนี่ย มันอยู่ระดับล่าง คนดีๆ คงไม่มาขี่ คือมันค่อนข้างจะ เปื้อนฝุ่น เปื้อนโคลนอะไรอย่างนี้ ระดับล่างมากกว่า ถามว่ามีการเติบโตมั้ย มี มันเหมือนกับ มันเหมือนยาเสพติด ถ้าเกิดคนเล่นวิบากแล้วมันจะแบบ ขาดไม่ได้ ต้องเล่น ประมาณนั้นเลย จริงๆ ต้องลองขี่ พอขี่แล้วมันจะเข้าเลือด แล้วมันจะเป็นสังคมของครอบครัวมากกว่า คืออย่างสมัยก่อนเนี่ย ถ้าเราจะเห็น อย่างลูกค้าผมเนี่ย จะมีพ่อหลายคนที่ ที่ตอนนั้นไม่ได้ขี่ ตอนนี้พอมีตังแล้วเนี่ยให้ลูกขี่ พยายามให้ลูกขี่ อย่างงั้นเลย จะเป็นอย่างนั้นเลย แต่ขณะเดียวกัน ถ้ามอเตอร์ไซค์ทางเรียบเนี่ย ทุกคนจะบอกว่า เฮ้ย อย่าขี่ อันตราย แต่มอเตอร์ไซค์วิบากเนี่ย ทุกอย่างจะขี่มอเตอร์ไซค์ตามพ่อแม่ เขาจะให้ลูกเขาไปขี่ เขาจะพยายามปลูกฝัง เขาจะไปด้วย เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่มีการแอบไปขี่ คือเขาจะแบบครอบครัวพาไป ไม่ได้แบบ หนีไปขี่ตามถนน พวกเด็กแว๊นอะไรเนี่ย คือทุกอย่างจะถูกไปโดยครอบครัว พ่อแม่ชักนำ หรือว่าคนรอบข้าง เพื่อนฝูง จะคอยดูช่วยกันดู แล้วก็เรื่องของอุปกรณ์ความปลอดภัย ก็จะมีตลอด แล้วมันเติบโตรึเปล่า เติบโตมาก เติบโตไปเรื่อยๆ


HDP: อย่าง KSR ออกมานี่ ทำให้กระแสรถวิบากเพิ่มขึ้นมั้ยครับ
พี่ไบ๋: KSR โดยหลักแล้วเนี่ย มันไม่ใช่รถวิบากนะ มันจะเป็นรถ เค้าเรียกรถอะไรเนี่ย เป็นรถเด็กวัยรุ่นมากกว่า แบบว่าตลาดมัน กลุ่มตลาด KSR นี่จะอยู่ในอายุประมาณสิบ 15-16 ถึงประมาณไม่เกิน 20 เด็กที่ขี่รถ KSR นะ แต่มันก็ไปช่วยให้ กระแสวิบากมันรู้สึกคึกคักขึ้น

HDP: เขาเอามาใช้ในสนามด้วยเหมือนกันมั้ยครับ
พี่ไบ๋: KSR จะเป็นทางเรียบมากกว่า เพราะว่า Performance ของ KSR จะเป็นทางเรียบมากกว่า ไม่ใช่รถวิบาก เพราะสรีระมันเป็นรถยางใหญ่ วิ่งนานแล้วบี้

HDP: แล้วพวกเด็กอายุ 7-8 ขวบ นี่ขี่อะไรกันครับ
พี่ไบ๋: อันนั้นจะเป็นพวก PW50, QR50 ของพวก Honda แล้วเดี๋ยวนี้ ตอนนี้จะมีพวก KTM เข้ามา KTM50


HDP: ร้าน Dirt Shop มี Product ที่กี่ยวกับ Harley มีตัวไหนบ้างครับ
พี่ไบ๋: ก็ ช่วงสองปี่ที่ผ่านมาเราเริ่ม เมื่อก่อนเราทำแต่วิบากไง สองปีที่ผ่านมาเราเริ่มทำของแแนวของรถสปอร์ตด้วย ก็จะเป็น ถ้าเกิดเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับ Harley เลยก็จะมี Shock Ohlins มีท่อ Termi แล้วก็มี Rizoma

HDP: Termi นี่มี Harley ด้วยเหรอครับ

พี่ไบ๋: Termi มีครับ เป็นท่อใส่ XR 1200 ใส่ XR คราวนี้เนี่ยคือ Termi เนี่ยจะเป็นบริษัทในอิตาลี ตอนนี้เนี่ย XR1200 จะฮิตมากในฝั่งยุโรป ก็จะเป็นตัว Limited ที่มันมีโช้คหน้า Ohlins โช้คหลัง Ohlins ท่อ Termi เป็นกระแสทางยุโรป ตัว XR1200 ดีมากทางยุโรป เดี๋ยวนี้ ถ้าสังเกตุดู รถทางฝั่งยุโรป Harley แต่งสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ กระแสบ้านเรายัง คือเมื่อก่อนนี้เราจะอิง อย่างรถวิบากเนี่ย จะไปทางฝั่งอเมริกา รถสปอร์ตเราจะเป็นอังกฤษ ถ้าเป็นกระแสบ้านเราที่เรารับข่าวสารอยู่นะ แล้วก็อเมริการถสปอร์ต จะมีอยู่สองที่ แต่จริงๆ แล้วในอิตาลีเนี่ยตลาดมันใหญ่มากเลย รถสวยๆ ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นรถ Harley เป็นรถสปอร์ตในอิตาลีเยอะมาก

HDP: ของ Termi ของ Rizoma อะไรพวกนี้ก็เป็นอิตาลี
พี่ไบ๋: อิตาลีครับ

HDP: แล้วอย่างตัว Power commander
พี่ไบ๋: Power commander ก็คือของอเมริกาครับ บริษัท Dynojet ก็คือทำกล่องหัวฉีด สำหรับรถ Big Twinโดยเฉพาะเลย


HDP: คือเริ่มเอาตัวนี้เข้ามาทำตลาด แล้วก็อย่างเครื่องที่มันต้องใช้คู่กับ Power Commander อย่างตัว Dynotest เนี่ย ตัวนี้พี่ก็เริ่มเอามาทำรึเปล่า
พี่ไบ๋: ครับ เริ่มทำครับ ก็พอเรา เราย้ายร้านที่ใหม่ เราก็มองเห็น มองอนาคตว่า รถบ้านเราเนี่ยจะเป็นหัวฉีดหมดแล้ว ไม่ว่ารถอะไรก็แล้วแต่ ปัญหาของหัวฉีดคือ ถ้าอย่าง Harley ก็คือ ปัญหาในเรื่องที่ทุกคนแต่งหมด แต่แก้ปัญหาเรื่องอาการตดของรถไม่ได้ ก็คือรถยกคันเร่งแล้ว ปั้งๆๆ แก้ไม่ได้ ทำไงก็แก้ไม่หาย เราต้องมองว่า รถสปอร์ตบ้านเรามันหัวฉีด รถบ้านเราก็ใช้หัวฉีดหมดแล้ว เราก็เลยต้องเอาขึ้นมา Support ตลาดในอนาคต ซึ่งทุกอย่างก็ต้องเป็น base พื้นฐานหรือเท่าในโลก เพราะฉะนั้นเนี่ย เวลาที่รถมีปัญหา หรือว่าเราสามารถจะเอากล่องเนี่ย มาปรับจูนให้เข้ากับสภาวะบ้านเราได้

HDP: ขั้นตอนของการ Test Dyno นี่ก็ได้รับการเทรนมาจากต่างประเทศเลยใช่มั้ยครับ
พี่ไบ๋: ใช่ครับ

HDP: Dyno ตัวนี้มันเป็นของทางอเมริกา
พี่ไบ๋: ของอเมริกา ตอนนั้นคือ Dynojet เนี่ยคือ บริษัทที่ world wide คือทั่วโลกจะใช้หมด บริษัทดังๆ จะใช้เป็นมาตรฐานในการ Test รถ ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถ ค่ายรถแแข่ง หรือค่ายผู้ผลิต จะซื้อยี่ห้อนี้เป็นหลัก คือค่าของมันค่อนข้างจะมาตรฐาน พูดง่ายๆ แล้วก็โปรแกรมที่ Support รองรับพวกกล่อง Power Commander เนี่ยค่อนข้างจะเยอะกว่าเพื่อนเลย โดยเฉพาะข้างๆ จะเขียนคำว่า รองรับได้ดี โปรแกรมในการทำงานของมัน โอเคเลย ทุกคนยอมรับ

HDP: Product ถ้าเป็นพวก Power Commander ของ Harley หัวฉีดนี่ มีทุกตัวเลยมั้ยครับ
พี่ไบ๋: เกือบทุกตัวครับ เริ่มๆ เอาเข้ามาเกือบทุกตัวละ ก็หลากหลายนะ Harley นี่เยอะมาก เยอะรุ่น เพราะงั้นมันจะหลากหลาย Harley ค่อนข้างจะรายละเอียดเยอะ แล้วเราก็ยังใหม่ในตลาด Harley ก็พยายามค่อยๆ ศึกษา เพราะว่าในบ้านเรา เรายังไม่รู้เลยว่าอันไหนขายเยอะกว่า Dyna ขายเยอะกว่า หรือว่า V-Rod ขายเยอะกว่า บางคนก็จูนแล้ว บางคนก็ไม่จูนอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผู้ใช้ Harley ก็ส่วนมากจะอยู่กับค่าย อยู่กับอะไรนะ อยู่กับร้านนั้นๆไป ส่วนมากจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า

HDP: แต่นอกนั้นก็ไม่มี อย่างพวกกรองอากาศละครับ
พี่ไบ๋: กรองอากาศในอนาคตเราจะเอา BMC เข้ามา เป็นของอิตาลี อันนี้ดังมาก อันนี้ดัง ทางฝั่งยุโรปดัง แต่ถ้าท่านอยู่ฝั่งของ Harley เลย ท่านจะไม่รู้ ว่าฝั่งทางยุโรปก็มีของที่ดีๆ อะไรหลายอย่าง แต่ถ้าฝั่ง บางคนฝั่งอเมริกาก็จะ รู้ ส่วนมากจะรู้จักแบรนด์ เกือบหมดอ่ะ พวกข่าวสารบ้านเราส่วนมากจะเป็นจากทางฝั่งอเมริกา บางทีข่าวสาร บางตัวเรารับข่าวสารมาจากฝั่งนี้เยอะ อีกฝั่งหนึ่งเราจะไม่รู้เลย


HDP: แต่ว่าต้องค่อยๆ เปิดไปใช่มั้ยครับ เพราะคนฝั่ง Harley ผมว่าเค้าก็ชอบในแบบที่เค้ารู้จัก พออะไรที่มันพิสดารออกมาปุ๊บ ก็ไม่ค่อยอยากเอาไปแต่ง
พี่ไบ๋: ใช่ เพราะว่า แต่ว่ามันก็มาจากสองอย่างไง ไม่อยากแต่งเพราะว่าไม่มีการรองรับ หมายความว่าไม่ได้เป็นตัวแทนถูกต้อง ไม่ได้ รู้จริงรึเปล่า อันนี้ข้อสำคัญเพราะว่าทุกวันนี้การเป็นตัวแทน มันได้ Know how อย่าง Ohlins อย่างเนี้ย เราอบรมสี่หน ปีละหน พูดง่ายๆ ปีที่แล้ว 2 หน

HDP: Ohlins นี่คือทำมา 4 ปีแล้ว
พี่ไบ๋: 2 ปี แต่เรารีบไปอบรมที่สวีเดน ไปทีนึง 4 วัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น อบรมทีนึง 4 วัน

HDP: โห ข้อมูลเขาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ
พี่ไบ๋: เยอะครับเยอะ แล้วเราก็ อย่าง Shock Ohlins เนี่ย เราก็สามารถสรุปได้หมดทุกรุ่นเลย


HDP: Ohlins นี่ก็คือ ทั้ง front-end ที่เป็นสายพวก Ducati พวกอะไรพวกนี้
พี่ไบ๋: ครับ ได้หมดเลย ครับ เพราะว่า สเปคน้ำมัน หรือว่าค่าความแข็งอ่อนของสปริง อะไรพวกนี้เราจะรู้หมด ซึ่งเรารู้เหมือนกับที่เค้ารู้ ที่บริษัทรู้เลย ข้อสำคัญคือการเป็นตัวแทนจำหน่าย เรามีความรู้ที่ถูกต้องให้กับลูกค้า

HDP: คอนเซ็ปต์ของร้านใหม่ตอนนี้ก็จะมีสินค้าหลากหลายเพิ่มขึ้น
พี่ไบ๋: ใช่ครับ เมื่อก่อนคนจะเข้าใจว่า Dirt มีแต่วิบากอย่างเดียว เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วครับ เราจะมีทางเรียบ มีHarley บ้าง มี Ducati มี BMW ด้วย อย่างไอ้สินค้ายี่ห้อนี้ Custo เนี่ยโรงงานมันร้อยกว่าปีแล้วนะ ทำผลิตให้หลายๆ แบรนด์ในโลกเลยนะ แต่มันเพิ่งมาเปิดตัว คือพวกนี้มันอยู่ใต้ดินไง เป็นโรงงานไง ถึงวันนึงมันก็จะเปิดตัวมันเองออกมา ทำยี่ห้อตัวมันเอง เมื่อก่อนยังรับจ้าง อันนี้ก็ของอิตาลีเหมือนกัน

HDP: จะเน้นพวก Product ในอิตาลีมาก
พี่ไบ๋: ผมว่ามันจะมีไม่กี่ที่ในโลกนะ ที่เป็นแหล่งมอเตอร์ไซค์ ก็จะมีอเมริกา มีอังกฤษ มีอิตาลี มีแค่นี้แหละผมว่า ที่อื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว บ้านเราก็จะมีจีนอีกอันนึง ใช่มั้ย ก็จะมีอยู่แค่นี้แหล่ง ใต้หวันแค่นี้ มันมีอยู่ไม่กี่อย่าง เดี๋ยวนี้ Harley ของแต่ง Harley ก็ Made in China, Made in Taiwan หมดแล้ว แต่เราก็ยังติดยี่ห้อว่า เกือบ 90% มั้ง แต่เราก็ยอมรับแบรนด์มันไงว่าแบบ โอเคมันใช้ได้ แต่ก็ต้องซื้อจากอเมริกามาอยู่ดี




HDP: แล้วสำหรับทีมแข่งของ Dirt Shop ตอนนี้ละครับ
พี่ไบ๋: ตอนนี้เราทำทีมแข่งมอเตอร์ครอสอยู่นะครับ ก็มีกระทิงแดง Support แล้วก็ Castrol น้ำมันเครื่องคาสตรอล ก็มีนักแข่งคนนึง เราทำมา 9 ปีละ ทีมแข่งเนี่ย เราได้แชมป์ประเทศไทยมาเนี่ยนะ แชมป์ประเทศไทย เกรด A นะครับ รุ่น Top สุดของเมืองไทย เราได้มา 5 สมัย แล้วก็ยังมีแชมป์พวกเกรด B เกรด C อีก เยอะๆ เยอะมากเลยครับ พวกนี้เราได้มาตอด ได้มาเกือบทุกปี เราพยายาม คือเราผลัก เราเห็น อย่างเราไปเมืองนอก เราก็ไปดูเขาแข่งรถ แข่งอะไรอย่างนี้ เราก็ได้เห็นว่าวิธีการทำงานของเขาเป็นยังไง เขาเทรนนักแข่งยังไง เขามีอะไรไปใส่ให้กับรถนักแข่ง ซึ่งตรงนั้นเราเห็นมา เราอยากลองดูว่า วิธีการที่เราทำ เราเห็นมาเนี่ย เราทำกับนักแข่งเนี่ยถูกมั้ย แล้วมันจะถูกต้อง มันจะไปได้มั้ย เพราะว่านักแข่งคนไทยเนี่ย ฐานเนี่ย ฝีมือเนี่ย ผมว่าเป็นรองแค่ญี่ปุ่นนะในเอเชีย ทุกอย่างนะ ถ้าเป็นมอเตอร์สปอร์ตนะ ผมว่าเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่น แต่ทำไมเราไม่เท่าญี่ปุ่น หรือแซงหน้าญี่ปุ่นละ ฝีมือผมว่าคนไทยน่ะ หัวจิตหัวใจใช้ได้ละ แต่ยังขาดเรื่องของ ความคิด ความคิดที่จะไปข้างหน้า ซึ่งจะมีไม่กี่คน เมืองไทยก็จะมี ฟีม ใช่มั้ย ที่ไป World Motor D P ปีนี้ยังไม่รู้จะได้ไปหรือเปล่า ยังไม่จบเลยมั้ง ซึ่งนักแข่งคนไทย คนไทยน่ะ ทำได้ แต่ว่าต้องพยายามใส่ ใส่ลงไปหลายๆ อย่าง อย่างเช่น กอล์ฟ เราก็จะเห็นนักแข่งใช่มั้ย เทนนิส เราก็จะเห็น ภราด รซึ่งไปได้ถึงระดับไหนแล้ว นักแข่งมอเตอร์ครอสก็น่าจะมีนะ ในอนาคตอันใกล้นี้ผมว่า

HDP: เรื่องการส่งเสริมของภาครัฐ และการยอมรับในสังคมนักกีฬา ตัวนี้ละครับ
พี่ไบ๋: ภาครัฐ แทบไม่มีการส่งเสริมเลย พูดง่ายๆ เราควักกันเอง แต่เรื่องของสปอนเซอร์เค้าก็ ประมาณหนึ่งนะครับ ช่วยเหลือประมาณหนึ่ง แต่ว่าเนื่องจากรถมอเตอร์ครอสเนี่ย มันไม่มีการขาย คือบริษัทไม่ได้ขายรถตัวเนี้ย ทุกบริษัทก็จะบอกว่ารถไม่ได้ขาย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ผมว่า อย่าง Harley คันนึงเนี่ยนะ แค่ไปทาสีดำทั้งคัน แล้วเอายี่ห้อ Harley ออกหมดเนี่ย มันก็ดูยังไงก็เป็น Harley แต่มอเตอร์ไซค์วิบากเนี่ย ไม่ใช่นะ เค้าบอกว่า เหมือนกับว่า เอ๊ย บริษัท Hondaไม่ได้ขายรถยี่ห้อนี้ รถรุ่นนี้ จะทำทำไม Yamaha ก็ไม่ได้ทำ ไม่ได้ผลิต จะทำทำไม ก็ทำ Fino ทำ Click อะไรดีกว่า ในลักษณะแบบนั้น ผมว่าการตลาดเขาแบบ รุ่นเก่ามั้ง ผมว่า ต้องคิดบวก ผมว่านะ มันน่าจะเป็นแนวทางที่แบบ แนวทางที่ชัดเจนกว่านี้ เพราะว่าอย่างน้อยมันก็เป็นกีฬานะ เรามองมันว่า เป็นกีฬานะ เราไม่ได้มองเป็นเรื่องของอย่างอื่น เพราะว่าเรื่องของมอเตอร์ครอสเนี่ย ต้องมีเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย เรื่องของทักษะ เรื่องการฝึกซ้อม


HDP: ถ้าเกิด เด็กรุ่นใหม่เขาเริ่มมาหันเล่นมอเตอร์ครอสเนี่ย ควรจะเริ่มยังไงครับ
พี่ไบ๋: ส่วนมากเด็กรุ่นใหม่ที่ ที่อยากมาเล่นเนี่ยก็คือ เห็น เห็นแล้วก็อยากลองขี่ ก็รบเร้าพ่อแม่ให้ลองขี่ แล้วก็ ส่วนมากพอ ในกลุ่มมอเตอร์ครอสเค้าจะเอื้อเฟื้อกัน เกิดอยากขี่เค้าจะมี เฮ้ย เดี๋ยวไปสอนให้อะไรอย่างเนี้ย ไปขี่ด้วยกันอะไรอย่างเนี้ย เค้าจะเป็นลักษณะอย่างเนี้ย ถ้าอยากขี่ก็เข้ามา เข้ามาในสนามนี่แหละ เข้ามา เดี๋ยวก็รู้จักกัน เดี๋ยวเค้าก็ช่วยกันเทรน ช่วยกันอะไรอย่างเนี้ย

HDP: ตลาดมอเตอร์ครอสละครับ
พี่ไบ๋: มันใหญ่มั้ย มันใหญ่นะ แต่ว่ามันใม่ใช่มีฐานกำลังซื้อ อย่างคนซื้อ Harley คันนึง ล้านนึง เรื่องเล็ก ซื้อกันขายกันเป็นว่าเล่น แต่มอเตอร์ไซค์วิบากคันนึง โอ้โห คันเท่าไหร่เนี่ย สามแสน โห แพง ต้องไปซื้อรถเก่าจากญี่ปุ่น

HDP: คนที่เริ่มเล่น อย่างเด็กรุ่นใหม่เนี่ย ส่วนใหญ่เขาจะเริ่มเล่นตัวไหนกันครับ
พี่ไบ๋: เขาจะเล่นรถเก่าจากญี่ปุ่น ก็คือซื้อรถ ซื้อโกดังมาประกอบอะไรอย่างนี้ ก็รถประมาณปี 2004-2005 อะไรอย่างเนี้ย เขาก็ซื้อมาประกอบ ก็แสนกว่าบาทเอง รุ่นเก่าๆ จะเป็น CR อันนั้นจะเป็น 2 จังหวะ พอปี 2004 มาเนี่ย Hondaไม่ทำ 2 จังหวะออกมาละ จะทำ 4 จังหวะออกมาแทน เพราะว่าในข้อตกลงของอะไรสักอย่างเนี่ย เขาจะเลิกผลิตรถ 2 จังหวะ ภายในปีอะไรไม่รู้ เขาก็เลิกผลิตละตอนนี้ ไม่มีขายแล้วนะ รถที่ production ที่เป็น 2 จังหวะ ไม่มีขายแล้ว ลดมลภาวะของโลกอะไรพวกนี้ แล้วทำ 4 จังหวะมา ก็จะเป็น CRF ตั้งแต่ 2004 ขึ้นมา


HDP: แล้วเครื่องรถวิบากแบบ 4 จังหวะ กับ 2 จังหวะ ให้กำลังแตกต่างกันยังไงครับ
พี่ไบ๋: คือถ้าเป็นเมื่อก่อนเนี่ย 4 จังหวะ จะสู้ 2 จังหวะไม่ได้ เพราะว่า 4 จังหวะมันไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อด้านนี้ แต่เวลา ณ วันนี้เนี่ย 4 จังหวะ แรงกว่า 2 จังหวะ ก็จะมีเทคโนโลยีต่างๆ มันมาละ เทคโนโลยี พวกระบบค่าวาล์ว แคม ลูกสูบ วาล์วไทเทเนี่ยมอะไรพวกเนี้ยมันจะมาละ เทคโนโลยีมันจะมาละ ความแรงมันได้ แรงกว่า 2 จังหวะครับ เพราะพวกนี้ พวกเครื่องยนต์พัฒนาแล้วนะ พวกวาล์วเป็นไทเทเนี่ยมหมดแล้วนะ

HDP: ปัจจุบันสนามแข่งนี่ ไปที่ไหนกันครับ
พี่ไบ๋: เวลาแข่งหรอ อย่างตอนนี้จะรู้กันเฉพาะวงใน คนนอกจะไม่รู้เลย มันเหมือนกับว่า ข่าวสารมันไม่ได้ถูก มันยังไม่ถูกยอมรับมั้งผมว่า ผมว่ามอเตอร์ครอสมันเป็นอะไรที่ ไอ้การขี่รถวิบาก มันเป็นอะไรที่ยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคมเท่าไหร่ะ เป็นเรื่องแบบกลุ่มด้วยมั้ง กลุ่มล่างนะ ผมว่ามันก็เลยไม่ค่อย คนเล่นวิบากยังเล่นอินเตอร์เน็ตไม่เป็นเลย พวกรุ่นใหม่ ก็เริ่ม เริ่มจะมีแล้วไง เริ่มจะมีแล้ว เริ่มจะมีคนเข้ามาเยอะ บางคนก็ศึกษาจากอินเตอร์เน็ตบ้างก็มี มีกลุ่มที่ขี่กันอยู่พวก Siam Enduro หรือกลุ่มนู้นกลุ่มนี้เค้าขี่ เขาก็ลงเว็บไซต์กันก็เริ่มมีคนเข้ามา

HDP: สนามในเขตกรุงเทพเนี่ย มีตรงไหนครับ
พี่ไบ๋: ตอนนี้มีที่ธัญบุรี แล้วก็มีที่สนามของกระทิงแดงที่ศรีนครินทร์ ทางไปปากน้ำ มีอยู่สองที่นี่แหละ


นั่งคุยกับพี่ไบ๋ มาได้ซักพักใหญ่ๆ พี่เอกซึ่งเพิ่งกลับมาจากการทำธุระจึงเข้ามาร่วมวงสนทนากันต่อ...


TO BE CONTINUE...
 

Share   Like
Comments