A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
Pan Shovel (Part 2)
By HDP PR
DATE: 2011.03.21
VIEW: 2150
POST: 0


แล้วพี่หนิงมีออกทริปบ่อยไหม?
ทุกปีต้องไปเชียงใหม่กับภูเก็ต อันนี้คือเรื่อง National Run ของทางคลับเรา เพราะว่าเพื่อนต่างชาติมาเยอะ แต่อย่างบางทีไปบางแสนไบค์วีค พัทยา อะไรพวกนี้ ก็ไปบ้าง คือจริง ๆ แล้วคนที่มาสัมผัสกับพวกผมเนี่ย เหมือนกับพี่ต้อยพูดไว้ตอนแรก ว่า พวกHarley บ้านเราเนี่ย ไม่เหมือนกัน อย่างพวกผมขี่ไปซ่อมไป เมาไป เหมือนกับว่า มันส์ พอได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ปุ๊บเนี่ย มันทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่งโทรศัพท์ ก็จะไม่รับ งานการก็ไม่ยุ่ง จะไปนอนกันตามทางรถ เสียก็อยู่กันตรงนั้น บางคนเค้าคิดว่า มันไม่น่าจะสนุก เค้าจะคิดว่ามันควรจะถึงแล้ว มันควรจะถึงโรงแรมแล้ว น่าจะได้พักผ่อนกันแล้ว อะไรประมาณนั้น ซึ่งผมยังอยู่กันบนถนน มันคือเป็นเรื่องสนุก มันก็เลยต่างกัน
คือจริงๆ แล้วเนี่ย ประเด็น มันไม่ใช่อยู่ที่จุดปลายทางที่เราจะไป อย่างไปภูเก็ตความสนุกมันไม่ได้อยู่ที่ภูเก็ต หรือ ความสนุกมันไม่ได้อยู่ที่เชียงใหม่ มันอยู่บนถนนเส้นที่เราขี่ไปต่างหาก ตรงนั้นมันคือความสนุก ไม่ใช่ว่า เราต้องไปถึงที่หมาย ตรงโน้นตรงนี้แล้วก็ ได้ party กัน ไอ้ตรงนั้น มันก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ตรงนั้น ที่เราไป ความมันส์มันอยู่บนถนน โดยเฉพาะตอนที่กำลังขี่อยู่ แม้ว่าเส้นทางอาจจะเป็นทางสายเดิม ถนนสายเดิม แต่ผมการันตีได้ ว่าเหตุการณ์และ ความผจญภัย มันจะไม่เหมือนกันซักครั้ง และ อันนี้ละมันคือชีวิตและการผจญภัย แต่พอเข้าไปในงานแล้วเจอเพื่อน ๆพี่ ๆ น้องๆ ทักทายกัน ผมว่า มันอีกfeel นึง นี่น่าจะเป็นชีวิตจริงที่คนขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพวกเราๆได้ผ่านกันมา ผมก็คอยสอนพวกน้องๆ ว่าอย่าไปแพลนอะไรมาก ถ้าแพลนแล้วมันไม่เป็นไปตามแพลนมันจะเซ็ง ให้การผจญภัยและความท้าทายมันเกิดขึ้นบนเส้นทาง มันมันส์กว่า
 

บางทีเราทำรถขึ้นมาเสร็จแล้ว เราไปลองขี่กัน แล้วเราก็เอาอันนั้นมาเป็นประสบการณ์ของเรา ทำรถตรงนี้นะ ขี่อย่างนั้นนะ ไปกำแพงเพชร 400โล ออก 9 โมง ถึง 3 ทุ่ม ใครไปด้วยเค้าก็เบื่อ แต่พวกผมจะไม่รู้สึกเบื่อนะ คือ มันไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง คือมันได้อยู่กับรถ และได้รู้ใจรถจริง ๆ ว่ามันมีโอกาส ที่จะ เป็นอย่างนี้ อย่างนี้ได้
มันทำให้เราได้มีช่วงโอกาศใช้ชีวิตร่วมกัน และก็เรียนรู้ซึ่งกันและกัน บนถนนเส้นนั้น
สถานการณ์มันจะสอนให้เรา รอบคอบ และต้องเก็บอารมณ์ ไม่งั้นก็มีหลุดกัน มันจะสอนให้เป็นคนใจเย็น ต้อง เข้าใจกัน ช่วยกันแก้ไขปัญหา ช่วยกันแก้ไขสถานะการณ์ ก็เลยทำให้พวกเราแน่นขึ้นๆ

  

ก็เลยมาในกลุ่มของ Bandidos
ใช่ครับ พี่ต้อย และ พี่หนิง และน้องๆเป็น Member ของ BANDIDOS MOTORCYCLE CLUB , Bangkok East End Thailand Chapter และตอนนี้เราก็มี Krungthep Chapter, Bangkok Central Chapterและ แล้วก็มี Pattaya Chapter, Samui Chapter และ เราก็ได้มีน้องใหม่ Hangaround Bandidos Mc Chiangmai , Kumpangpeth Chapter
 

แล้วความเป็นมาของ Bandidos เมืองไทย เกิดขึ้นได้ยังไง
เออ มันเกิดขึ้นมาจากฝรั่ง กลุ่มพัทยา กับ อีกกลุ่มใน กรุงเทพ ตั้งแต่ Hang Around Club หลังจากนั้นก็เป็น Bandidos แล้วก็เริ่มจากตรงนั้น แล้วก็หลังจากนั้น เพื่อนทางกรุงเทพฯอีกกลุ่ม ก็เริ่มอีก Chapter นึง ตอนนั้นพวกฝรั่งเยอะมาก แล้วก็ดันมาเกิดเรื่องที่สมุย มันก็เลยทำให้ฝรั่งจางลง ก็คง เพราะว่าเค้าเป็นต่างชาติ เค้าคงจะกลัว โดนเพ่งเล็ง ซึ่งมันก็คง เหมือนตอนที่ผมอยู่ที่อเมริกา ผมก็เสียวสันหลังของผมอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเราก็ไม่ใช่ชนชาติเค้า เราก็ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับเรา พอมีเรื่องอะไรขึ้นมาหน่อย เราก็เสียววูบ อย่างพี่ต้อยก็ไปเจอคดีอยู่สองสามครั้งเหมือนกัน เมาแล้วขับ ก็เคยโดนติดคุกติดตาราง กับเขา ก็เสียว ๆ อยู่เหมือนกัน กลัวจะโดนเขาส่งกลับบ้าน



ตรงนี้พี่ต้อยก็เลยเข้าใจดีว่า ฝรั่งมันคิดยังไงและรู้สึกยังไงตอนที่เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา ตอนนี้ทางพวกต่างชาติเค้าก็เลย อยู่กันเงียบๆ ไม่อยากจะแสดงตัวอะไรกันมากมายก็คง จนกว่าทางบ้านเราหรือว่าทางประเทศไทยเนี่ย จะเลิกคิดไม่ดีกับทางพวกเรา ผมใช้คำว่าพวกเรา เพราะผมก็เป็น Bandidos ทางเราก็เห็นใจพวกเค้า พวกเค้าจะทำอะไร ได้ ใครจะกล้า เลยตรงนี้อยากจะให้พวกเราเข้าใจหน่อยนึง ถ้า สมมุติว่าทางต่างประเทศ ยุโรป อเมริกา หรือทางออสเตรเลียก็ดี ถ้าเค้ามีเรื่องอื้อฉาวเกิด ขึ้น มันก็ไม่ใช่แปลว่ามันต้องเกิดเรื่องแบบเดียวกันที่นี่ เหมือนพี่ต้อยเองก็เป็นศิษย์เก่าช่างกลปทุมวัน เราก็ไปตีหัวเค้า เค้าก็ตีมาหัวเรา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนปทุมวันทุกคน ต้องไม่ดี เราก็เป็นแค่นักเรียน ในสถาบันเดียวกัน ตอนนี้ ผมใส่เสื้อของเรา Red & Gold ผมเป็น Bandidos ถ้าเพื่อนผม Bandidos ทาง ยุโรบ หรือว่า อเมริกา มันฆ่ากันตาย แล้วพวกเราที่เหลือทางนี้ก็จะต้องเป็นเหมือนเขา มันไม่ใช่ อยาก ให้พวกเรามองมันให้ลึก เหมือน นักเรียนที่ใส่เครื่องแบบ พอเขามีตีกัน มันก็ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนในโรงเรียนจะต้องไม่ดีไปหมด
 

อันนี้ผมก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก แต่ว่าผมก็สงสารพวกฝรั่งมัน ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็คงจะโดนจ้องๆอยู่ ดูเรื่องที่สมุยซิ เค้าก็ไม่ได้ผิดอะไร ซึ่งมันก็พิสูจน์ออกมาแล้ว จับมันไปนั่งในคุกตั้งปีหกเดือน พูดง่าย ๆว่า ฝรั่งมันก็นั่งรอให้มึงไปค้นคดี หาหลักฐาน ขึ้นมามัดตัวมัน ตั้งปีครึ่ง แล้วพวกมันก็ค้นไม่ได้ แล้วก็จับเค้าไม่ได้ ต้องปล่อยตัวเขาในที่สุด มันไม่แฟร์ อายเค้าไหม สิทธิเสรีภาพของคน เอาของเขาไปตั้งปีครึ่ง ผมก็เลยขอฝาก พวกเราไว้นิดนึง Bandidos ไม่ใช่ผู้ร้าย พวกเราไม่ใช่ พวกเราชอบขี่ Harley และรักความเป็น Brotherhood ของพวกเรา ถ้าพวกเรารู้ซึ้งถึงคำว่า1% ก็คงจะเข้าใจทุกอย่างดีขึ้น ความเป็น Brotherhood ความเป็น Biker มันจะสอนให้คนมีระเบียบ อยู่ในระบบ มีวินัย และนี่เรื่องจริง คือพวกคุณบางคนก็เห็นว่าเรามี Hang Around, Prospect, Probationary, Full Member พวกนี้มันเป็นระบบ มันต้องไต่เต้าขึ้นมา
พวกเราทุกคนจะต้องปฏิบัติและอยู่ในระบบ (Bandidos By Law)อย่างนี้เป็นปีๆ นั้นคือเรื่องจริง แล้ว จากนั้น Title Status ก็จะเปลี่ยนไป ตามเวลา ความเหมาะสม และความสามารถ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ไม่น่ายาก แต่ก็รับประกันได้ว่า มันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน

 

เวลามีลูกค้าเข้ามาในร้าน เคยมีคนถามว่าซ่อมเฉพาะ Bandidos หรือเปล่า
ถ้าคนไทยไม่ถามหรอก แต่ถ้าฝรั่งเนี่ย บางคนก็ไม่กล้าเข้า เพราะ บางที ประเทศที่เค้าอยู่ Bandidos ไม่รู้เป็นไง ใช้ชีวิตยังไง มีชื่อเสียงยังไง ใครจะไปรู้ แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน ตอบไม่ได้เลยว่าคนที่เค้ามาที่ร้านนี้ เค้าจะมอง Bandidos ว่าเป็นไง มันอยู่ที่ว่าเขาเห็นกันมาแบบไหนมากกว่า ซึ่งจริง ๆตรง ที่ผมอยู่กันเนี้ยมันก็ไม่มีอะไร ผมเรียกว่าตรงนี้ ว่า Shop ซะมากกว่า เพียงแต่ว่า เราจะมาเจอกันที่นี่เป็นประจำ ก็เลยกลายเป็น Club House ไปด้วย ก็ต้องเข้าใจว่าพวก เราใช้ชีวิตอย่างนี้ ไลฟ์สไตล์ของพวกเราเป็นอย่างนี้ อาจจะมีคนไทยบางคน ที่เค้าอาจจะมองว่า ไอ้พวก 1% เนี่ย ว่ามันเป็นพวกไม่ดี แต่สำหรับ พี่ต้อย ถือว่ามันคือ การใช้ชีวิตแบบท้าทายร่วมกัน โดย มีระบบ sotus เข้ามา เหมือนการรับน้อง เพราะฉะนั้น เราจะอยู่ด้วยกัน เรียนรู้กัน ขี่รถด้วยกัน รักกันเป็นหนึ่ง แม้ ชีวิตจะแตกต่างกันแค่ไหนก็ตาม
 

แล้วพี่ต้อยตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ
ตอนนี้ชีวิตกำลังเปลี่ยนไป อีกรูปแบบนึง คือมันก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่เล่นเอาใจผมเสียไปเหมือนกัน ตอนพี่ต้อยป่วยมาก ไม่มีใครมันกล้าไปเยี่ยมพี่ต้อยที่บ้าน มันคงไม่กล้าดู มันคงสงสารพี่มั้ง มันเกือบจะเป็นช่วงสุดท้าย ช่วงมกรา-กุมภา 07 ตอนนั้นแย่สุดๆ แล้ว ก่อนที่จะได้ตับบริจาก สุดยอดแล้วเชื่อมั้ย ตอนนั้นมันอีกนิดเดียวจริงๆ เกือบแล้ว
ผมเดินไปหาเค้าที่บ้านนะ จะขายอะไรบ้าง ตายแล้วมาบอกทีหลังไม่ได้นะ คือคุยกันเรื่องตายแล้ว
มานั่งคุยกันว่า ยังไงก็ต้องตายแล้ว จะทำอะไรให้คนที่อยู่ แล้ววันนึ่งเค้าก็โทรมาว่า ได้ตับ ซึ่งโอกาสเป็นไปได้มันน้อยมาก

 

ก่อนหน้านั้นที่คุณลี่เจอกับผมที่เพาเวอร์ช่วงนั้นพี่ต้อยก็แย่แล้ว พอหลังจากนั้นผมก็ป่วยไปเลย แต่ แล้วพอเดือนมีนานี่ ในที่สุด ก็ได้ตับบริจาคแล้ว ชีวิตใหม่กำลังจะเริ่ม ตอนนี้พี่ต้อยเลยกลายเป็นคนมีวันเกิดสองวัน เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา แฟนผมก็ปลุก ให้ใส่บาตร แล้วก็บอกว่า happy birthday เราก็งง อะไรวะ
เตะเมียเลย จำวันเกิดกูผิดใช่มั้ย ฮ่าๆ
ก็เลยถามว่าอะไร เค้าก็บอกว่า ก็วันนี้พี่ต้อยออกจากห้องผ่าตัดไง แล้วก็มารู้สึกตัววันนี้ ไอ้นี่ พอฟื้น (ชี้ไปที่พี่หนิง) ก็ไปมีเรื่องกับพยาบาล นางพยาบาลไม่ให้เค้าเยี่ยม ก็โวยวายเขา ผมก็นอนมี ท่อสายยางออกมาจากท้องรุงรัง ประมาณ 10 เส้นมั้ง
โหสายบานเลยคุณ ก็นอนอยู่อย่างนั้นน่ะ ใครจะไปรู่ว่าเป็นอะไร หายไม่หาย มันไม่ได้ติดป้ายบอกอะไรเลย ก็เลยถามพยาบาลว่า เป็นยังไงบ้างครับ เท่านั้นแหล่ะ พยาบาลก็สวนมาว่าคุณเป็นใคร ฮ่าๆ
 


แล้วตอนออกมาจากโรงพยาบาล พี่ต้อยก็ เข้าใจอะไรๆหลาย ๆ อย่างดีขึ้นอีกเยอะมาก คือ ไอ้คนที่มันใกล้ตายแล้วมันไม่ตาย คำว่าตายแล้วเกิดใหม่ หลาย ๆ คนก็คงเคยพูดกันบ่อย แต่ผมจะบอกอะไรให้ว่า ผมนะรู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง เพราะว่าตอนที่ผมหลุดออกมาจากโรงพยาบาล พี่ต้อยได้เห็นแสงอาทิตย์ ได้เห็นท้องฟ้า ได้เห็นรถวิ่งไปวิ่งมา พี่ต้อยดีใจมาก ไอ้เราก็ขอ หมอ ตั้งหลายครั้ง ให้ผมกลับบ้านเถอะ อย่าให้ผมอยู่ที่นี่เลย ผมจะฟื้นช้า ให้ผมกลับบ้านดีกว่า ผมจะได้ฟื้นเร็วๆ ไม่มีใครชอบอยู่โรงพยาบาล
มันก็สมน่ะ 1% จริง ๆ ตับเค้ารอคิวกันกี่คน แล้วอยู่ดี ๆ พี่ได้มา สองพันกว่าคนนะ คนที่ได้มาโดนหมาบ้ากัดตาย
 

ตอนแรกมันเก้าร้อยกว่าคน แล้วพอไป ๆ มา ๆ หลุดมาถึงเราได้ ดีใจมากๆ คงมีบุญจริง แล้วก็มาพักฟื้นตัวอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นก็ เดินไม่ได้ ขาเล็กจิดเดียว เสร็จแล้วก็ฟื้น ๆ ๆ ๆ จากเมษา ถึง มิถุนาก็กลับไปทำงาน แล้วก็พอธันวา ก็ฟิดร่างกายเต็มที่เตรียมขี่รถไปเชียงใหม่กับพรรคพวก
ยังลุ้นกันเลยว่า เค้าจะขี่รถไหวหรือเปล่า ไอ้ Panhead เค้าหน่ะ เค้าซ่อมอยู่ข้างๆเตียงเค้านะ
ผมเอาอี Panhead ลากเข้ามาไว้ในห้องรับแขก เอาเตียงลงมา ก็ยังต้องทำรถ ก็คือ ถึงนอนก็ต้องอยู่ข้าง ๆ รถ มันกลายเป็นอย่างนั้นไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะบอกว่ารัก Harley หรือไม่รัก คือจะทำมันตลอด กลัวลืม แล้วมันกลัวอีกหลายๆอย่าง บอกตามตรงว่า กลัวจะขี่รถไม่ได้อีก กลัวไปหมด โห ก็ขาก็เหลือเล็กนิดเดียว เดินขึ้นบันไดก็ยังไม่ค่อยจะไหวเลย เข็นรถมอเตอไซค์ก็ยังไม่ได้ อย่าว่าแต่ขี่เลย ช่วงนั้น ตอนที่ลี่เอารถมาให้พี่ต้อยทำ ก็ยังไปลองรถให้ไม่ได้เลย แต่ พอมาช่วงหลัง ๆ ก็ค่อยยังชั่วขึ้น แต่ ตอนนี้ก็ ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไงก็ยังไม่เท่าสมัยก่อน สมัยก่อนอย่างที่หนิงได้คุยไว้ตอนต้น ออกขี่ตอนเย็น กลับตอนเช้า บางวันก็เมามาด้วย อายพ่อ อายพระ พ่อกำลังใส่บาตรอยู่หน้าบ้าน อย่าง ที่พูดว่าชีวิตมันกำลังเปลี่ยนแปลงไป ก็เพราะ ตอนนี้พี่ต้อยก็ไม่ได้ดื่มแล้ว ไม่เมาแล้ว คือจะบอกว่าเลิกมันก็กระดากปาก พี่เคยเป็นคนชอบดื่มอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ไม่กล้า กลัว แล้วก็ คิดว่าเราก็คงจะดื่มมาพอแล้วแหละ ไม่งั้นคงไม่มาเจออย่างนี้
 



แล้วพี่ต้อยอยากทำอะไรเพิ่มเติมสำหรับร้านอีกไหมครับ
อยากจะให้มันครบวงจรมากกว่านี้อีก แต่ตอนนี้ทางเราก็ไม่อยากจะไปอัดไปบี้อะไรมันมากมาย รอให้มันเดินได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน เรื่องเพิ่มเติม ว่าแต่ว่าพี่ต้อยก็อยากจะขยายทางด้าน Parts Inventory,และ พวก Hi Performance parts เราก็อยากจะมีอะไรแปลกๆมาเล่น และวางในตู้โชว์ ไว้สำหรับบางคน
 



สำหรับร้าน Pan Shovel และ Bandidos
Pan Shovel คือ Shop ของผมและหนิง พวกเราข้างนอกอย่าคิดว่า เป็นของ Bandidos ตรงนั้นมันเป็นพียงชีวิตส่วนตัวของพี่ต้อย เป็น Brotherhood ของผม เป็น Life Style ที่พี่ต้อยได้เลือกที่จะเป็น ผมเคยได้ยินว่า พอมี คนข้างนอกผ่านมา เห็น Fat Mexican ตัวเบ้อเริ่มอยู่ข้างหน้าร้านแล้วก็เลยไม่อยากจะเข้ามา ผมอยากจะให้เค้า มองและเข้าใจตรงนั้นกันใหม่ว่า นั่นมันเป็น เพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งคือคลับเฮาส์ของเรา แต่ใหญ่ๆ แล้วมันเป็นร้าน Pan Shovel ครับ ซึ่งผม Bandidos ทำงานอยู่ แต่ไม่ได้ดำเนินการโดย Bandidos Mc เราแยก Business ออกจากชีวิตส่วนตัว Bandidos นี่เป็นชีวิตส่วนตัวของผมและน้องๆ แต่ Pan Shovel เนี้ยจะเป็นร้าน ซึ่ง เป็น Business ของพี่ต้อยและหนิง แวะ มาคุยกัน
 

Bandidos Forever Forever Brotherhood  

หลายๆท่านคงจะได้ทำความรู้จักกับ Pan Shovel และสัญลักษณ์ Fat Mexican รวมไปถึงส่วนหนึ่งของชีวิตของพี่ต้อย ที่เรียกได้ว่า ตายแล้วเกิดใหม่ กับโอกาสเพียงแค่ 1% ที่จะได้รับบริจาคอวัยวะในวินาทีสุดท้าย และมิตรภาพระหว่างบุคคล 2 วัย ที่ผ่านเส้นทางบนท้องถนนและเส้นทางชีวิตมาอย่างโชกโชน จนได้มาถึงการเดินทางบนเส้นทางใหม่ของร้าน Pan Shovel แห่งนี้

HDP ต้องขอขอบคุณพี่ต้อยและพี่หนิงเป็นอย่างสูงที่ได้ให้โอกาสเข้าไปถ่ายภาพและให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่น่าสนใจในแง่มุมต่างๆของชีวิต รวมไปถึงเรื่องราวของกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่ชื่อว่า Bandidos เพื่อที่จะได้ให้พี่น้องท่านอื่นๆได้มองเห็นด้านแห่งมิตรภาพและความสามัคคีของ Bandidos Club และความเกี่ยวเนื่องกับร้าน Pan Shovel ซึ่งเป็นร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน

ไว้พบกันใหม่ครับ

 

Bonus Track
พบกับภาพบรรยากาศทริปการเดินทางของ Bandidos Club ในช่วงท้ายของ Review ครับ

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

          

 

 

Share   Like
Comments