A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Trip Reviews]
 
HDP ตะลุยยุโรป 2011 ตอนที่ 6
By Lee
DATE: 2011.10.14
VIEW: 2313
POST: 1
 



เข้าสู่วันที่ 6 ของการเดินทางในยุโรป


วันนี้เป็นวันพักผ่อนที่เมือง Kaprun ใครอยากนอนเล่น ว่ายน้ำ ชอปปิง ก็สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าใครบ้าพลัง ซึ่งก็เกือบครบทุกคนในทริป ทาง Edelweiss ก็มีจัดทริปสั้น ๆ ประมาณ 200 กิโลเมตร ให้ขี่เล่นกันครับ เริ่มต้นที่ Kaprun แล้วขี่ไปทางทิศตะวันตก วกลงมาทางใต้มุดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดเจาะเข้าเทือกเขา แวะมายังเมือง Lienz เมืองหน้าด่านก่อนเข้าสู่ประเทศอิตาลี ช่วงบ่ายวนขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าถนน GrossGlockner Hochalpen Strass แล้วค่อยวกกลับมาที่ Kaprun ช่วงเย็น

 

 


 

วันนี้แดดเปรี้ยงแต่เช้า แต่อากาศยังเย็นอยู่เหมือนเดิม

 


 

บริเวณรอบ ๆ บังกะโลที่พักใน Kaprun ครับ มีแต่โรงแรมและบังกะโล เต็มไปหมด หน้าหนาวที่นี่ก็เป็นแหล่งเล่นสกีด้วยเหมือนกัน

 


 

รถเบนซ์ที่เคยใช้ในกองทัพ ถูกเอามาบูรณะใหม่ ให้มาลากตู้รถพ่วงไว้สำหรับท่องเที่ยว เท่จริง ๆ

 


 

บ้านนี้พวกเราเหมากันทั้งหลัง ผมนอนอยู่ห้องใต้หลังคาชั้นบนสุด มีหน้าต่างแบบ Moon Roof ให้ด้วย แต่เสียดายหลังคาเตี้ยไปหน่อย ลุกขึ้นมาหัวโขกอยู่หลายรอบ

 


 

ลานจอดรถมีแทรกเตอร์ยี่ห้อ Porsche สีแดงจอดอยู่ด้วย เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น...

 


 

บรรดาผู้สูงวัยชาวออสเตรีย ขับรถเปิดประทุนมาพักผ่อนตากอากาศกันที่นี่ค่อนข้างเยอะครับ Alfa, Benz, MG แบบโบราณ มากันแบบเป็นกลุ่มเหมือนกัน เห็นแล้วอยากได้บ้างแฮะ

 


 

เมื่อวานเพิ่งได้จับ HD หลังจากขี่ Ducati ซะตลอดสัปดาห์ที่แล้วครับ ถ้าได้เอาเจ้าแก่ Black Springer ไปขี่ในยุโรปด้วยกันคงเยี่ยมกว่านี้อีก

 


 

ออกเดินทางกันต่อครับ แดดดี อากาศเย็นประมาณ 16 องศา มุ่งหน้าออกจาก Kaprun

 


 

เขตนี้เป็นเมืองตากอากาศ วิวทิวทัศน์สวย ๆ ตลอดเส้นทาง

 


 

บนยอดเขาจะมีหิมะคลุมอยู่ตลอด ถ้ามาตอนหน้าหนาวคงจะสวยไปอีกแบบครับ


 


 

ตอนแรกว่าจะนอนพักซักหน่อย ถ้าไม่ได้ออกมาทริปวันนี้คงเสียดายแย่ครับ เพราะจัดว่าเป็น Highlight ของการเดินทางเลย


 


 

เริ่มวิ่งเข้าถนนมุ่งหน้าลงใต้ เป็นเส้นทางวิ่งผ่าเข้าไปในหุบเขาครับ


ภูเขาหิมะจะค่อย ๆ ชิดเข้ามาเรื่อย ๆ


ใส่หมวก Jet กับ Ducati มันไม่ค่อยจะเข้ากัน แถมลมหนาวจะมุดผ่านช่องด้านล่างขึ้นมา เลยต้องใช้ผ้าพันคอเยอะหน่อยครับ


ถนนช่วงนี้เป็นอีกเส้นที่น่ามาขี่รถครับ รถน้อย วิวสวยทั้งสองข้างทาง แถมยังมีภูเขาหิมะเป็นเป้าหมายอยู่ด้านหน้า


ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งเย็นลงเรื่อย ๆ



มีอุโมงค์อยู่เป็นช่วง ๆ ครับ อุโมงค์แบบเปิดข้าง เจาะเข้าบริเวณตีนเขาในช่วงที่ไม่มีพื้นที่ราบเพียงพอ


ไต่ระดับความสูงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงระดับที่มีหิมะคลุมตีนเขา ตอนนี้เริ่มรู้สึกหนาวเวลาขี่ในร่มครับต้องเปิด Heater ที่มือช่วย


แล้วก็มาถึงจุดผ่านเทือกเขา


อุโมงค์ Felbertauer Tunnel ระยะทางยาว 5.282 กิโลเมตร ตัดทะลุผ่านเทือกเขาขนาดใหญ่ ก่อนเข้าเลยต้องหยุดถอดแว่นกันแดดออกก่อน เพราะต้องวิ่งในอุโมงค์กว่า 5 นาทีครับ


พี่เปรียวเตรียมตัวพร้อม ถอดแว่นออกเรียบร้อยแล้ว


ภายในอุโมงค์อากาศจะเย็นมาก บางช่วงจะมีน้ำจากภูเขาด้านบนไหลนองพื้น รู้สึกเหมือนกับขี่เข้าไปในบ้านผีสิงตอนเด็ก ๆ เลย


วิ่งผ่าแสงจากดวงไฟในอุโมงค์มาหลายนาที จนมาโผล่อีกด้านของเทือกเขา


ทางฝั่งนี้จะมีด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอยู่ครับ แดดจ้าเหมือนเดิม เลยถือโอกาสใส่แว่นกันแดดตอนนี้


ยังอยู่บนเทือกเขาสูง สังเกตดูได้จากหิมะที่คลุมอยู่ครับ


ก่อนเข้าเมือง Lienz เราแวะไปเที่ยวยอดเขา Hinterbichl กันก่อนครับ


เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ที่มีหมู่บ้านเล็ก ๆ เรียงรายอยู่ระหว่างทาง


ลุง Arno ผู้คอยปิดท้ายขบวน อายุ 75 ปี แต่ยังแข็งแรง และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา


ขี่ขึ้นมาบนยอดเขาของ Hinterbichl มองย้อนกลับไปจะเห็นถนนเส้นเล็ก ๆ ลัดเลาะมาตามหุบเขา


พี่จุ๊บ กับ GS ขี่ HD จะเห็นหน้ารู้ว่าใครเป็นใคร แต่พอมาขี่แบบนี้เลยต้องใส่ Full Face


ลงจากยอดเขามาแวะกันที่ร้านขนมกันก่อน


มื้อที่สองของวัน จากทั้งหมด 5 มื้อ ไม่อ้วนคราวนี้ ก็ไม่รู้จะไปอ้วนคราวไหนแล้ว กับ Apple Strudel ราดด้วยครีมวานิลลา


ของลุง Charles สั่งขนมมากินเหมือนกัน จัดมาอย่างกับจะฉลองวันเกิด มาถึงวันนี้ แทบทุกคนเริ่มโดนอารยธรรมของชาวตะวันออกเข้ามามีอิทธิพลในการกินอาหารแล้ว ครับ นั่นคือการถ่ายรูปก่อนกิน กล้องโผล่มาเต็มไปหมด


ผมว่ามันน่าจะเป็นท้องนานะ ปลูกข้าวเอาไว้ทำเบียร์ละมั้ง

 


 

กินขนมกับกาแฟเรียบร้อย ก็เดินทางกันต่อ



จุดหมายถัดไปคือเมือง Lienz



เมือง Lienz อยู่ตอนใต้สุดของ Austria ห่างจาก Italy แค่ 25 กิโลเมตร เมืองนี้อากาศจะอุ่นกว่าเมืองทางตอนเหนือครับ



วันที่ไปเดินเที่ยว แดดจัด อากาศอุ่น อุณหภูมิแค่ 22 องศา ต้องใส่แค่เสื้อยืดเดินเล่นครับ



ร้านอาหารบริเวณจัตุรัสกลางเมือง มีฝรั่งมานั่งตากแดด กินดื่ม กันเต็มไปหมด คงคล้าย ๆกั บบ้านเรา ที่เวลาอากาศเย็นก็ออกมานั่งดื่มเบียร์กันเต็มไปหมดครับ



ร้านขายของที่ระลึกเพียบ แต่แปลกตรงที่หา Sim สำหรับ Iphone 4 ไม่ได้เลย ตั้งแต่ Salzburg จนมาถึง Lienz ไม่มีแบบ Prepaid ขายเลยครับ ถ้าใครคิดว่าจะเปิดโทรศัพท์ Roaming แค่รับ Text หรือ BB ตัวอักษรในออสเตรีย คงต้องคิดหนักหน่อยครับ เพราะที่นี่ค่า Data Roaming กับผู้ให้บริการในบ้านเรา แพงมากกกกกก.. ผมเปิดแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ในช่วงที่อยู่ Austria โดนเข้าไปเกือบ 4 พัน



แก๊งค์เด็ก ๆ ปั่นจักรยานมาล้มอยู่ด้านหน้า ตอนแรกนิ่งไปเลย พอทุกคนตกใจลุกขึ้นไปดู ปรากฏว่าลุกขึ้นมาปั่นต่อซะเฉย อย่างนี้เขาเรียกว่าเรียกร้องความสนใจ




เดินเล่น นั่งพัก กันพอสมควร ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ รถของลุง Arno คือ K1200LT มีระบบยกขาตั้งคู่อัตโนมัติด้วยนะครับ เหมาะสำหรับผู้สูงวัยจริง ๆ



เห็นพื้นที่จอดรถของ Polizei แล้วนึกถึงพี่เปรียว ตม. ที่เยอรมัน เขาไม่ได้รามือง่าย ๆ นะครับ ไกด์ทัวร์ของเรา รายงานมาว่า ตั้งแต่ โรงแรม Henry ใน Erding จนมาถึงโรงแรมใน Kaprun คุณตำมะหนวดเยอรมัน โทรมาเช็คที่โรงแรมตลอดว่า มีกะเหรี่ยง 3 คน เข้าพักจริงหรือเปล่า คราวนี้พอเดินทางผ่านตำรวจที่ไร ก็จะโดนแหย่ว่า “They are watching you” รู้สึกเหมือนเป็นบุคคลสำคัญเลยแฮะ



ออกจาก Lienz วิ่งขึ้นเหนือสู่ Grossglockner ตอนแรกไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่าเขาจะพาไปดู Glacier กัน ไปก็ไป...



ค่อย ๆ วิ่งผ่าเข้าไปในเขตอุทยานอีกครั้ง




แล้วก็ไต่ขึ้นเทือกเขา




มาถึงด่านเก็บเงินค่าผ่านทางครับ



ราคาค่าเข้า รถมอเตอร์ไซค์คันละประมาณ 800 บาท มันมีอะไรดีหว่า...



ขึ้นมาจนถึงจุดปิกนิกอาหารเที่ยงของวันนี้



Marko มาเตรียมอาหารรอไว้เรียบร้อยแล้ว



อาหารแบบฝรั่งเหมือนเดิม แต่วันนี้มีชีสกินแกล้มกับองุ่นเขียวสุดอร่อยเพิ่มมาด้วย อ้วน ๆ ทั้งน้าน....



หลังจากกินอิ่มกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงช่วงขี่แบบอิสระขึ้นยอดเขา ระยะทางจากจุดปิกนิกขึ้นไปอีกประมาณ 5 กิโลครับ เลยแวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ



วันถัดไปจะมีการแข่งขันปั่นจักรยานขึ้นภูเขากัน วันนี้เลยมีนักปั่นน่องเหล็กปั่นขึ้นเขาซ้อมกำลังกันเพียบ



ใกล้ถึงยอดเขา เริ่มมีหิมะคลุมตามข้างทาง มองเหนือขึ้นไปด้านบน จะเห็นถนนตัดคดเคี้ยวไปมา อยู่ตรงจุดนั้นแล้วมองขึ้นไปมันยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ



อุโมงค์แบบนี้มีให้เห็นเป็นช่วง ๆ  เอาไว้กันหิมะถล่มด้วยมั้งครับ



และแล้วปลายทางก็มาสิ้นสุดที่ต้นกำเนิดธาร Glacier เทือกเขา Alps และทะเลสาบทั้งหมด เกิดขึ้นมาจากแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา ไหลลงไปกดทับพื้นดินด้านล่างในยุค Ice Age ทำให้เกิดหุบเขา และร่องลึกจนเป็นทะเลสาบ ในปัจจุบันครับ



ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้า Black Multi Strada ที่พาขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดของเทือกเขา Alps ในเขตนี้ ถ้าขี่ HD ขึ้นมา คงหืดขึ้นคอเหมือนกัน เพราะมีแต่โค้งหักศอกเพียบ



เสื้อหนังแค่ตัวเดียวเอาไม่ค่อยอยู่กับอากาศบนนี้ครับ เหมือนเดินอยู่ในห้องเย็น อุณหภูมิประมาณ 2 องศา ในระหว่างนั้น พี่เปรียวกับพี่จุ๊บก็ไปพบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เช่ารถตู้ขึ้นมาเที่ยวกัน พอพี่ ๆ เขารู้ว่า ขี่มอเตอร์ไซค์กันขึ้นมา ก็ถึงกับงงกันยกใหญ่ คงเห็นแต่พวกฝรั่งเจ้าถึ่นขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ไม่เคยเห็นคนไทยขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวบ้างมั้งครับ



เดินเล่น ถ่ายรูปกันพอให้มือสั่น ก่อนกลับโบกมือร่ำลากับกลุ่มพี่ ๆ ชาวไทยที่ขึ้นมาเที่ยว แล้วเราก็ขี่ข้ามมาอีกเทือกเขานึงใกล้ ๆ กันครับ



ทางฝั่งนี้ยิ่งหนาวมหากาฬขึ้นไปอีก หิมะคลุมหนาเป็นฟุต แถมบางช่วงเริ่มละลายกลายเห็นน้ำเต็มพื้นถนน, ต้อง ขี่กันแบบระมัดระวัง กลัวกลิ้งไปแปะอยู่ในหิมะครับ ตอนนี้เริ่มคิดถึงเสื้อหนาวอีกตัวที่ทิ้งไว้ในกระเป๋า รู้งี้ใส่เผื่อไว้ก่อนดีกว่า



ถ้ามีแดดก็ยังพอได้ไออุ่นจากแดดมาช่วยบ้าง แต่พอเมฆบังปุ๊ป แถมขี่ผ่าลมหนาว ยิ่งเย็นเข้าไปอีก



แล้วก็ลุยกันจนมาถึงยอดเขาอีกด้านของ Grossglockner อากาศเย็นจนขนาดเพิ่งฉี่มาจากยอดเขาเมื่อกี้ ก็ยังต้องเข้าห้องน้ำกันอีกรอบ คิดดูว่าแก๊งค์จักรยานที่เห็นเค้าอึดขนาดไหนครับ ทั้งหนาว ทั้งสูง แต่ใส่ชุดกันบางเฉียบ คงร้อนเวลาปั่น แต่หนาวเวลาหยุดมั้ง



แวะพักกันก่อนที่จะมุดอุโมงค์ข้ามไปอีกฝั่ง แปลกมากครับ ทางฝั่งนี้อากาศจะขมุกขมัว หนาวจัด แต่พอมุดไปอีกด้านนึง แดดออก ฝนตก อากาศอุ่นขึ้น ประหลาดดี



Hochtor ยอดเขาที่มีถนนตัดผ่านที่สูงที่สุดในเขตนี้ที่ระดับ 2504 เมตร มีสติ๊กเกอร์เจ้าถิ่นแปะเต็มไปหมด HDP เลยต้องขอแปะบ้าง เพื่อเป็นตัวแทนไบเกอร์ชาวไทยว่าเคยมาเยือนแล้วเหมือนกัน



ป้ายชี้ไป Grossglockner อีก 16 กิโล จากจุดนี้ เลยแปะ Bangkok Motorbike Festival ไปอีก 1 ใบ



ขาลงเรากลับอีกด้านของภูเขาครับ มุดอุโมงค์ Hochtor จะมาเจอกับอากาศที่แตกต่างกับอีกฝั่งโดยสิ้นเชิง




เส้นนี้จัดว่าเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดเท่าที่เคยขี่มอเตอร์ไซค์กันมาเลยครับ ถนนเรียบเนียน โค้งหักศอก โค้งวนกลับ โค้งกว้าง โค้งแคบ มีให้ลองทุกแบบ แต่หันไปด้านข้างทางจะเป็นหุบเขาลึกถ้าเล่นโค้งเพลิน พลัดตกลงไป คงจะได้อยู่เฝ้าที่นี่แน่นอนครับ



มองลงไปด้านล่างจะเห็นถนนตัดเลาะไปตามไหล่เขาครับ คิดว่าบนนี้หิมะคงมีอยู่ตลอดปีแน่ ๆ



พี่จุ๊บทนไม่ไหว ต้องจอดรถแวะถ่ายรูปกันยกใหญ่



ลุง Arno ผู้คุมอยู่ท้ายขบวน ก็ไม่ยอมปล่อยให้ 3 กระเหรี่ยงหลุดรอดสายตาไปได้ รอพวกเราถ่ายรูปกันจนพอใจครับ หรือว่าลุงแกเป็นสายสืบของ ตม.เยอรมัน ปลอมตัวมาเป็นไบเกอร์เพื่อมาคุมพวกเราเนี่ย!!



ตัดภาพมาถึงช่วงตอนลงมาได้ครึ่งทางครับ เนื่องจากมีระยะห่างพอสมควรกับกลุ่มหน้าตอนจอดรถแวะถ่ายรูป ทำให้มีโอกาสเล่นโค้งกันมันจนอดถ่ายรูประหว่างทางเลย มีตัว Wombat วิ่งผ่านหน้าตอนลงเขาด้วยครับ แต่ถ่ายมาไม่ทัน คล้าย ๆ กับถ้าเป็นบ้านเราวิ่งผ่าเขาใหญ่ คงจะได้เห็นลิง เต็มไปหมดครับ



นึกไม่ออกว่าเหมือนเส้นไหนในบ้านเรา น่าจะคล้าย ๆ กับช่วงแม่สลองหรือดอยอ่างขางมั้งครับ แต่ขนาดใหญ่กว่ากันมาก



ลงมาถึงด้านล่างอีกฝั่งนึง ก็จะเป็นด่านเก็บค่าผ่านทางเหมือนกัน



ถนนกว้างมาก ถ้าเป็นช่วงหน้าท่องเที่ยว รถคงเข้าคิวจ่ายเงินผ่านทางเต็มไปหมดแน่ ๆ



ระหว่างทางขี่กลับเข้า Kaprun จะมีโรงแรมที่เขียนข้อความต้อนรับ ไบเกอร์ เป็นระยะ ๆ ครับ ส่วนโรงแรมนี้ มีรถมอเตอร์ไซค์วางโชว์ด้านหน้าเรียกแขกซะด้วย



กลับมาถึงโรงแรมใน Kaprun รถแทรกเตอร์โบราณ ยังคงมีจอดกันเป็นกลุ่ม ๆ ครับ



วันนี้เรามาทานอาหารเย็นกันด้านนอกโรงแรม ระหว่างเดินไปที่ร้าน มีรถ Volk Herbie ให้ชมด้วยนะครับ เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศสำหรับคนที่ชอบกีฬาจริง ๆ ทั้งรถ ทั้งมอเตอร์ไซค์ ทั้งจักรยาน ทั้งสกี มีให้ดูเพียบ



ลุง Arno กับลุง Mike สองคนนี้รวมกันก็เกือบ ๆ 150 ปีครับ แต่ยังเดินเหินคล่องแคล่ว คนพวกนี้เขารักษาสุขภาพกันดีจริง ๆ 



Hotel Orgler อยู่ใน Kaprun เป็นอีกโรงแรมที่น่ามาพักครับ สวยดี



เวิ้งโรงแรมใกล้ ๆ กับร้านอาหาร



ร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำของพวกเรา ด้านซ้ายมือมีผับอยู่ใต้ดินซะด้วย แต่เสียใจครับ ไม่มีปลาซักตัว มีแต่หมีขั้วโลก ตัวเบ้อเริ่ม



เริ่มต้นรองท้องด้วย Weiss Bier ท้องถิ่น นุ่มลิ้นจริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบกินเบียร์อย่างผม



มื้อเย็นของวันนี้ เส้น Macaroni ผัดกับเนื้อหมู Pork Medallion ส่วน Pizza สั่งมาแชร์กันครับ



เสร็จจากมื้อค่ำ ขากลับเจอชาวอินเดียเดินถือคบเพลิง มองไกล ๆ ตอนแรกนึกว่าจะเจอพวก KKK ซะแล้ว แต่ไหง๋มาเจอแก๊งค์อินเดียใน Austria หว่า



ปิดท้ายของวันอันแสนประทับใจด้วย Weiss Bier อีกซักแก้ว

 


 

Share   Like 2
Comments  
Posted by LOTUSMAN
Date: 2011.10.18
เบียร์น่าซดจริงๆ