A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Trip Reviews]
 
HDP ตะลุยยุโรป 2011 ตอนที่ 5
By Lee
DATE: 2011.10.12
VIEW: 2154
POST: 1
 



เข้าสู่วันที่ 5 ของการเดินทางในยุโรปครับ


วันนี้เราจะเดินทางจาก Gmunden ที่อยู่ติดกับทะเลสาบ แวะไปเที่ยวเมือง Hallstatt ตอนเที่ยง พร้อมกับปิกนิกกันริมทะเลสาบ แล้วค่อยขี่เข้า Kaprun ดินแดนแห่งนักบิดของ Austria ครับ

 


 

บรรยากาศยามเช้าเมื่อมองออกมาจากห้องนอน อยากอยู่ต่อซัก 3 วัน



 

แดดออกตั้งแต่ตีห้าครับ พระอาทิตย์ตกตอน 2 ทุ่มกว่า เริ่มต้นเข้าสู่หน้าร้อนของยุโรป



 

ถ้าห้องนอนที่บ้าน ตื่นเช้ามาแล้วมีวิวอย่างนี้อยู่นอกหน้าต่างหล่ะก็... คงขี้เกียจขึ้นอีกเยอะเลย



 

อาหารเช้าวันนี้ที่ Hotel Schwan เริ่มรู้สึกเอียนอาหารฝรั่งนิด ๆ แล้วครับ เลยเน้น Nutella แยมช็อกโกแลตแก้ขัดไปก่อน



 

พอถึงเวลา 8.30 น. ทุกคนก็มาเตรียมพร้อม Brief ตอนเช้ากัน วันนี้ประชุมกันหน้าโรงแรมเลยครับ อากาศกำลังดีประมาณ 16 องศา



 

Hans กำลังเก็บภาพบรรยากาศตอนเช้า วันนี้รับหน้าที่ขับรถเซอร์วิสครับ



 

เสื้อ HDP V.4 มาเที่ยวไกลถึง Austria เรียบร้อยแล้วครับ



 

ส่วนโต้โผใหญ่ของ Ride for Thai ก็ขนเสื้อมาใส่ด้วยเหมือนกัน ฝรั่งถามว่าหมายถึงอะไร พอบอกว่าเป็น Charity ของชาว HD เพื่อช่วยคนไทยที่ถูกน้ำท่วมในภาคใต้ เขาสนใจกันใหญ่เลย



 

คู่หูไกด์ทัวร์ คนหนึ่งอธิบายทาง อีกคนหนึ่งคอยถือแผนที่ประกอบ



 

ก่อนออกเดินทาง เก็บภาพหมู่ไว้เป็นที่ระลึกกันก่อนครับ



 

แต่งตัวกันให้พร้อม ลานจอดรถอยู่ด้านข้างโรงแรม ติดริมทะเลสาบครับ



 

รถสีดำนี่ดีแฮะ พอเจอแดดแล้วขึ้นกล้องดีจริง ๆ สภาพเหมือนล้างมาซะเอี่ยม



 

เช้านี้มีบรรดาฝรั่งมามุง รอส่งออกเดินทางด้วยครับ ลุง Arno ทำหน้าที่ปิดท้ายขบวนเหมือนเดิม



 

ออกเดินทางจาก Gmunden วันนี้แดดแรงเอาเรื่อง เลยใส่แค่เสื้อยืดกับเสื้อหนัง ก็พอครับ



 

ถนนช่วงนี้สวยดี เรียบเนียน ขี่สบาย ยิ่งตอนเช้า ๆ ยังสด ๆ อยู่ ยิ่งสดชื่นเข้าไปใหญ่




 

หามุมถ่ายไปเรื่อย มีกล้องดิจิตอลนี่มันดีจริง ๆ กดอย่างเดียว ไม่ต้องเสียตังค์ค่าฟิล์ม



 

ต้นไม้เค้าใหญ่ ๆ ทั้งน้าน...




 

ระหว่างทางจะเห็นฝูงวัว ถูกปล่อยออกมาเล็มหญ้าเป็นช่วง ๆ ครับ



 

ขี่มาได้ซัก 50 โล ก็แวะทะเลสาบอีกซักแห่ง รู้สึกว่าจะชื่อ Attersee ครับ



 

ขี่คันไหนก็ต้องถ่ายคันนั้น ครั้งหนึ่งในชีวิตกับ Ducati Multi Strada ทริปหน้าขอเปลี่ยนเป็น Ultra นะครับ



 

พี่เปรียว ข้ามถนนไปถ่ายรูปให้ครับ ทะเลสาบกับเทือกเขา เป็นเครื่องหมายการค้าของ Alps and Lakes ชื่อทริปนี้เองครับ



 

ผลัดกันบ้าง พี่เปรียว กับ BMW R1200GS ขี่ซะพริ้วจริง ๆ



 

แวะถ่ายรูปกันนิดหน่อย ก็ออกเดินทางกันต่อครับ



 

เริ่มเบื่อเทือกเขาหรือยังครับ แต่พอไปขี่จริง ๆ เห็นแล้วมันดูอลังการทุกเทือก ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ออกมาได้เนอะ



 

และแล้วเราก็มาถึงจุดที่จะพักปิคนิคกันในช่วงบ่ายของวันนี้ ชื่อ Hallstatter See ครับ



 

แวะให้เข้าห้องน้ำกันก่อน แต่ยังไม่ถึงเวลาปิกนิกครับ ต้องขี่ไปที่หมู่บ้าน Hallstatt ที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ไปเที่ยวกันก่อน



 

เส้นทางไปหมู่บ้าน  จะเป็นทางวิ่งเลียบทะเลสาบติดกับภูเขา



 

แล้วก็มุดเข้าอุโมงค์



 

ช่วงกึ่งกลางของอุโมงค์ จะมีทางแยกออกมาเป็นลานจอดรถขนาดย่อมอยู่เหนือหมู่บ้านพอดี



 

มองจากลานจอดรถ จะเห็นหมู่บ้าน Hallstatt ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหุบเขาติดกับทะเลสาบ อยู่ด้านล่าง



 

ก่อนลงไปเดินเที่ยวชมหมู่บ้านด้านล่าง Marko ก็อธิบายให้ฟังก่อนว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจ และเราจะออกเดินทางจากที่นี่กันกี่โมง



 

โบสถ์ของที่นี่ตั้งอยู่ริมน้ำ คำถามที่ผมถาม Marko คือ ชาวบ้านเขาอยู่กันอย่างนี้ แล้วเขาทำมาหากินอะไร? คำตอบที่ได้คือ การท่องเที่ยวไงครับ ผู้คนแวะมาเที่ยวชมหมู่บ้านแห่งนี้กันมากมาย ชาวบ้านเขาก็ขายของที่ระลึก ขายอาหาร บริการนำเที่ยว บริการที่พัก สิ่งสำคัญคือ รักษามรดก ขนบธรรมเนียม ประเพณี ท้องถิ่นเอาไว้ให้ดี แล้วก็ช่วยกันบริหารหมู่บ้านให้น่าอยู่ เอาไว้รับรองแขกเหรื่อ เท่านี้เขาก็อยู่กับได้สบาย ๆ แล้วครับ



 

แล้วเขาแวะมาเที่ยวที่นี่ทำไม?
นอกจากวิวสวย ๆ หมู่บ้านน่ารักกลางหุบเขาแล้ว ยังมีประเพณีแปลก ๆ ของชาวบ้านที่นี่ครับ ดูได้จากสุสานแห่งนี้ หลุมศพเขาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม



 

แต่เนื่องจากพื้นที่อันจำกัดของหมู่บ้าน ที่อยู่กลางหุบเขาติดกับทะเลสาบ พื้นที่ของสุสานที่ใช้ฝังศพตามศาสนาคริสต์จึงมีไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการขุดโครงกระดูกขึ้นมาทำความสะอาด เขียนชื่อ วันเกิด ไว้บนหัวกระโหลก แล้วนำมาวางเรียงไว้ในห้องแห่งนี้ เพื่อให้คนที่เสียชีวิตรายใหม่ ได้มีที่สำหรับฝังศพครับ



 

เขาต้องรอให้ศพถูกฝังนานถึง 10 ปี แล้วถึงจะขุดขึ้นมาทำความสะอาด แล้วนำมาเก็บไว้ในนี้นะครับ



  จนถึงปัจจุบันนี้ คนที่อยากจะให้โครงกระดูกของตัวเองถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่ จะต้องลงทะเบียนเอาไว้ล่วงหน้า ส่วนด้านหน้าสุสาน ก็จะมีโต๊ะไว้สำหรับเก็บเงินค่าเข้าชม คนละ 1.50 EUR ห้องเล็ก ๆ แค่เนี้ย หันซ้าย-ขวา-บน-ล่าง ครบเรียบร้อย อ่านกระดาษที่เขาแจกแผ่นนึง แล้วกลับออกไปได้ นี่ไงครับ ประเพณีท้องถิ่น ที่นำมาเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจ่ายเงิน



 

ถัดออกจากสุสาน ก็เป็นทางเดินเข้าไปที่โบสถ์ใกล้ ๆ ครับ



 

ภายในโบสถ์ที่นี่เขานับถือนิกาย Roman Catholic กันครับ โบสถ์เลยมีอะไรสวย ๆ ให้ชม




 

เดินลงมาด้านล่าง บริเวณลานกลางของหมู่บ้าน แดดแรงดีจริง ๆ ต้องถอดเสื้อหนังเดินแล้วครับ



 

เดินไปเจอรถโบราณรุ่นหนึ่งเข้า ยี่ห้อ PUCK ครับ เคยได้ยิน แต่เพิ่งเคยได้เห็นตัวจริง



 

ตอนกลางคืนทะเลสาบที่นี่คงวังเวงน่าดู ประกอบกับสุสานด้านบนด้วยแล้ว โชคดีที่ไม่ได้พามาพักกันที่นี่




 

แก๊งค์ สว. กลุ่มนี้ยิ่งน่านับถือเข้าไปใหญ่ ปั่นจักรยานมาเที่ยวกันเป็นทีม ใส่เสื้อสีแดงเหมือนกันหมด ดูแล้วอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 60 กันทุกคนครับ



  เดินเที่ยวกันจนเหงื่อซึม แถมตอนกลับต้องเดินขึ้นบันได้มาบนลานจอดรถด้านบนซะอีก จากหนาว ๆ กลายมาเป็นร้อนไปได้ไงเนี้ย อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 22 องศาครับ ได้เวลากลับไปจุดปิกนิกต้นทะเลสาบกันแล้ว



 

กลับมาถึงจุดนัดพบ เจอกับเจ้าถิ่น นักบิดหญิงชาว Austrian กับมอเตอร์ไซค์ประจำชาติ KTM นั่นเอง



 

บริเวณริมทะเลสาบบรรยากาศดี เหมาะสำหรับการปิกนิก



 

ปิกนิกกันแบบฝรั่งครับ มีแฮม, ขนมปัง, ไส้กรอก, มันฝรั่งทอด, ชีส, เนย, ผักสลัด, ผลไม้ ถ้าเป็นบ้านเราคงได้ปูเสื่อ มีครกมาตำส้มตำ พร้อมด้วยไก่ย่าง-ข้าวเหนียว ซัดเบียร์กันต่อ แล้วก็นอนเล่นจนถึงเย็น แล้วค่อยขี่กลับ มากับทัวร์เขาห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขี่เด็ดขาด เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งครับ เลยได้แต่กินน้ำโซดากับโคล่า



 

มีห่านเจ้าถิ่นโผล่มาขออาหารครับ พี่เปรียวให้ขนมปังไป พรัอมกับมีป้ายข้าง ๆ เป็นภาษาเยอรมันว่า “ห้ามให้อาหาร” ลุง Arno แกบอกว่า อ่านไม่ออกถือว่าไม่ผิด



 

วิวสวย ๆ อย่างนี้ ลองถามลุง Martin ดูว่า ให้มาอยู่เอาไหม มีแต่คนส่ายหัวว่า มาเที่ยวได้ แต่ให้มาอยู่คงเซ็งน่าดู... นั่นสิ มันเงียบเกินจริง ๆ



 

แล้วก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อครับ มาทริปนี้ ขี่แล้วก็กิน กินแล้วก็ขี่





 

จุดหมายถัดไปก่อนเข้า Kaprun คือการพาไปขึ้นเขาครับ



 

ระหว่างเส้นทางในป่า มีถนนกำลังซ่อมบำรุงอยู่ช่วงนึง



 

พี่เปรียว เลยยืนขี่ตามธรรมเนียมปฏิบัติของ GS ไม่ใช่อะไรหรอก เมื่อยตูดสิครับ ขี่มาตั้งนาน ขอยืดเส้นยืดสายหน่อย ผมก็ยืนขี่เหมือนกัน เพราะมันไม่มี Foot Board เหมือน HD นี่นา



 

แล้วเราก็มาถึงจุดหมายถัดไป ร้านขนมช่วงบ่าย แถบนี้จะมีป้ายต้อนรับ Biker แทบทุกร้านครับ



 

ระหว่างรอของกิน เลยงัดเอาคู่มือป้ายทะเบียนรถของ Multi Strada ขึ้นมาดูเล่น เลยเห็นว่ารถเพิ่งจดวันที่ 11 พฤษภาคม ผมไปถึงวันที่ 13 พฤษภาคม รถใหม่ป้ายแดงเลยนะเนี่ย คุ้มจริง ๆ ทริปนี้



 

ขนมมาถึงแล้วครับ จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่า อร่อย... คล้าย ๆ ซาลาเปาครับ แต่ด้านในเป็นไส้ผลไม้ ราดด้วยครีมวานิลา



 

ลุง Mike เริ่มทนไม่ไหว เมื่อเห็น 3 ชาวไทย ถ่ายรูปอาหารทุกจานที่อยู่ตรงหน้า เลยเริ่มเลียนแบบ งัดเอากล้องขึ้นมาถ่ายบ้างครับ


เดี๋ยวรอพี่เปรียว เอารูปน้องเด็กเสิร์ฟของร้านนี้มาโชว์ครับ เนื้อนมไข่ สไตล์ฝรั่งจริง ๆ แต่กล้องผมไม่มีครับ มีแต่รูปวิวทิวทัศน์อย่างเดียว


 

แล้วก็เดินทางสู่ Kaprun



ตัดภาพเข้ามาสู่มื้อเย็นที่โรงแรม บรรดาลุงทั้งหลายกำลังนั่งรออาหารกันครับ



ในห้องอาหารของที่นี่ จะเห็นบางคนใส่เสื้อ HD เหมือนกัน พอเค้าเห็นผมใส่เสื้อ HD เดินเข้าไป ก็พยักหน้าทักทายให้ครับ โรงแรมในเขตนี้จะมีเอกสารแนะนำเส้นทางสำหรับ Biker เต็มไปหมดครับ เป็นดินแดนแห่งการขี่มอเตอร์ไซค์จริง ๆ



มื้อนี้ลองเปลี่ยนมาเป็นปลาที่จับได้ในทะเลสาบละแวกนี้ดูบ้าง อร่อยเหมือนเดิม เขาเสิร์ฟมาพร้อมกับเมล็ดอะไรซักอย่าง กินแล้วเหมือนกับจมูกข้าวครับ



แกล้ม ด้วย Weissbier เบียร์ท้องถิ่นที่ผลิตจากข้าวสาลี ให้รถชาติกลมกล่อม ออกหวานหน่อยนึง กินกับอาหารฝรั่งแล้วเข้ากันดีจริง ๆ ครับ แล้วก็ดื่มกันต่อจนท่าน สว. ทั้งหลายขอตัวเข้านอน เพื่อพรุ่งนี้จะได้ขี่ไปเส้นทางที่สวยที่สุด เท่าที่เคยขี่มอเตอร์ไซค์กันมาครับ


 

Share   Like 2
Comments  
Posted by lamnarai
Date: 2011.10.12
สุดๆเลยครับ แอบอิจฉา