A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
2011 CVO Street Glide Review
By HDP PR
DATE: 2011.09.12
VIEW: 59802
POST: 11

 

 

  

 

“เมื่อค้างคาวยักษ์สยายปีก”

เมื่อต้องกล่าวถึงหนึ่งในโมเดลยอดนิยมของฮาร์เล่ย์ฯ อย่างเจ้า Street Glide ที่มีจุดเด่นตรงแฟริ่งปีกค้างคาวขนาดใหญ่โตกับตัวรถงามๆ แล้ว ก็คงจะไม่แปลกเลยที่สองล้อคันนี้จะเป็นรถที่ทำยอดขายได้สูงสุดในตลาดบิ๊กไบค์ทั่วโลก

เจ้า CVO Street Glide ที่เปรียบได้กับงานชิ้นโบว์แดงแห่งปีของฮาร์เล่ย์ฯ คันนี้ มาพร้อมกับสีโครเมี่ยมที่เงางามกว่าเดิมเท่าตัว ลายเพนท์คัสตอมสวยๆ เครื่องยนต์ Screamin’ Eagle ตัวแรง พ่วงด้วยอุปกรณ์เจ๋งๆ อีกนับไม่ถ้วน ที่จะทำให้เจ้านี่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมที่บรรดาไบค์เกอร์ทั้งหลายอยากจะได้มันมาครอบครองมากที่สุดเลยก็ว่าได้

“บิ๊กไบค์ที่เป็นเลิศในทุกๆ ด้าน คือ ฮาร์เล่ย์ฯ ตระกูลซีวีโอ” ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน กล่าว


 

  

 

โมเดลทั้งหมดในตระกูลซีวีโอรุ่นปี 2011 ที่กำลังวางจำหน่ายในขณะนี้ มีให้เลือกด้วยกันสี่แบบด้วยกัน โดยตัวท๊อปสุดจะเป็น Road Glide Ultra สนนราคาไว้สูงสุดที่ 36,999 เหรียญฯ ตามด้วย Ultra Classic Electra Glide สนนราคาลดหลั่นลงมาที่ 36,499 เหรียญฯ ต่อด้วย CVO Street Glide ที่คลานตามมาติดๆ ปิดท้ายด้วย CVO Softail Convertible ที่สนนราคาแพงน้อยสุด คือ 29,599 เหรียญฯ เท่านั้น และโมเดลสุดพิเศษกับ CVO คัสตอมที่สามารถปรับแต่งได้ทุกอย่างแบบตามใจ ที่ฮาร์เล่ย์ฯ ตั้งใจจัดจำหน่ายให้กับผู้ที่ “เงิน” ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะอีกด้วย

สำหรับเรื่องราคาที่กำหนดไว้นั้น ฮาร์เล่ย์ฯ ขอเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่น โดยการสนนราคาของโมเดล Street Glide ไว้ที่ 32,499 เหรียญฯ ซึ่งเปรียบได้กับตั๋วเครื่องบินคลาสธุรกิจของแอร์ไลน์ สำหรับสองล้อแบกเกอร์ที่ใช้เครื่องยนต์ของ V-Twin แต่ด้วยงานสร้างระดับพรีเมี่ยม ชุดสีคุณภาพ สีเงินโครเมียมเคลือบรอบตัวที่ให้ความสะดุดตา รวมทั้งความละเอียดของพื้นผิวตัวรถ ทำให้สองล้อคันนี้ ดูแล้วน่าจะยอดเยี่ยมสมกับที่ฮาร์เล่ย์ฯ เคลมไว้จริงๆ

ไฮไลท์เด็ดที่ทำให้เจ้า Street Glide ดูแตกต่างจากโมเดลอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด คือตัวรถที่เน้นสีเงินโครเมียม แฮนด์เดิลบาร์และพักเท้าจาก Harley’s Rumble Collection ต่อด้วยกระบอกโช๊คหน้า ก้านวัดน้ำมัน ตะเกียบ สวิตซ์เปิดถังน้ำมัน ที่เคลือบสีเงินแบบโลหะเงาๆ ทั้งหมด ล้อหน้า-หลัง พื้นผิวโครเมี่ยมแบบ Contrast Chrome งามๆ จาก Agitator สายเบรคโรเตอร์ของ Agitator ขนาด 300 มิลแบบลอยตัว (ไม่ยึดกับเฟรมหน้า) ล้อหลังขนาด 18 นิ้วสไตล์เดียวกัน บังโคลนหน้าหั่นสั้น และปิดท้ายด้วยล้อหน้าขนาด 19 นิ้วที่ถือว่าเป็นล้อของฮาร์เล่ย์ฯ ทัวร์ริ่งที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมา


 

  

 

หากคุณชอบบั้นท้ายงามๆ...? นี่อาจเป็นโอกาสอันดีแล้วที่คุณจะได้สัมผัสกับสิ่งที่คุณชอบได้ทุกวัน กับช่วงท้ายที่โดดเด่นไม่น้อยของเจ้า Street Glide ที่น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดีไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ด้วยไฟท้ายคู่เรียงตามแนวตั้ง ที่ทำหน้าที่เป็น ไฟหยุด/ไฟเลี้ยว ภายใต้เลนส์ไฟสีขุ่น โดยบริษัทผู้สร้างบรรจงใส่มันไว้อย่างดีตรงพื้นที่ระหว่างกลางของกระเป๋าข้างรถและบังโคลนหลัง และปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งมุมเจ็บๆ จากปลายท่อคู่พร้อมฝาปิดสุดเท่ห์อีกสองอัน

ต่อด้วยชุดถังน้ำมันแบบพิเศษขนาดความจุ 6 แกลลอน (เช่นเดียวกับ Road King) ที่มีเหรียญโลหะหล่อจากแม่เหล็กเหลวเท่ห์ๆ ประดับอยู่ ด้านขวาถูกปรับแต่งใหม่ด้วยฝาถังสำหรับเติมเชื้อเพลิงแบบ flush-mount ด้านซ้ายโชว์ไฟ LED บอกปริมาณน้ำมัน และด้านหน้าเป็นแผงคอนโซลมุมต่ำที่ดีไซน์ใหม่ตามหลักสรีรศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเบรค ABS กระเป๋าสัมภาระพิเศษด้านหลัง ระบบความปลอดภัย Smart Security System ที่ฮาร์เล่ย์ฯ เตรียมไว้ให้แฟนๆ CVO ตัวจริงให้ได้เลือกเป็นออพชั่นเสริมอีกต่างหาก


 

  

 

“ระบบเสียงที่โดดเด่น คือ ธีมของรถฮาร์เล่ย์ฯ ตระกูล CVO รุ่นปี 2011” Randy Klopfer ผู้จัดการทีมพัฒนา CVO ของฮาร์เล่ย์ฯ กล่าวในงานเปิดตัวสองล้อ CVO รุ่นนี้

มารับชมกันต่อกับเรื่องเสียงที่โดดเด่นของเจ้า Street Glide ว่าจะเป็นอย่างที่นาย Randy ของเราเคลมไว้มั้ย กับระบบเสียงสเตอริโอชั้นยอดขนาด 100 วัตต์ต่อช่อง ที่พร้อมจะกระหน่ำเสียงออกมาจาก 6 ลำโพงขนาดใหญ่รอบตัวรถ ผ่านเครื่องเสียงชั้นดีที่เล่นได้ทั้งฟังก์ชั่นเล่นเพลงและวิทยุแบบ XM Radio พร้อม iPod nano ขนาดความจุ 8 GB สุดพิเศษที่ด้านหลังสลักเป็นรูปโล่กับกระบอง และฐานวางออกแบบพิเศษบริเวณด้านขวาของกระเป๋าข้างรถ โดยลำโพงจะถูกติดตั้งในตำแหน่งที่แตกต่างกันไปเพื่อเน้นทิศทางของเสียง ทั้งลำโพง 4 ตัวที่ถูกติดตั้งบริเวณแฟริ่งด้านบน ให้เสียงกลางที่โดดเด่น และสามารถตอบสนองความถี่เสียงได้กว้างมากๆ และอีก 2 ลำโพงที่เหลือขนาด 6.5 นิ้วที่ถูกซ่อนไว้อย่างดีตรงบริเวณด้านล่างของแฟริ่ง ให้เสียงแบบเคลียร์ๆ ใสๆ ร่วมกับเสียงเบสทุ้มๆ แบบหนักแน่นถึงใจ


 

  

 

โมเดลในตระกูล CVO ของรุ่นปี 2011 ทั้งหมด ถูกวางตำแหน่งให้ต่างจากโมเดลทั่วๆ ไป ด้วยเครื่องยนต์ Screamin’ Eagle รุ่น Twin Cam ขนาดความจุกระบอกสูบ 110 คิวบิกนิ้ว โดยการปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องตัวใหม่ตรงนี้ทำให้เพลาข้อเหวี่ยงที่มาจากโรงงานที่ทำงานร่วมกับแกนสตาร์ทและคลัชท์ชั้นดี สามารถทำแรงบิดขนาดได้สูงสุด 115 ฟุตปอนด์ที่รอบเครื่องยนต์ (สูงสุด) 4,000 รอบต่อนาทีได้ไม่ยาก ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ตัวก่อนหน้าที่ทำแรงบิดได้ 92.6 ฟุตปอนด์ที่รอบเครื่องยนต์ 3,500 รอบต่อนาที  

เรากลายเป็นแฟนตัวจริงของมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งทันที เมื่อฮาร์เล่ย์ได้ตัดสินใจยกเครื่องครั้งใหญ่ให้กับแชสซี่ทั้งหมด ในปี 2009 และทำให้เจ้า Street Glide เป็นรถ FL ที่เรา “สามารถ” จัดการได้แทบจะทุกเรื่อง ซึ่งยางหน้าโหลดต่ำ หน้ากว้าง 130 แก้มยาง 60 และขอบยาง 19 นิ้ว ที่ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมกว่ายางแบบอื่นๆ ที่อยู่ในโมเดล FL ของฮาร์เล่ย์ น้ำหนักตัวรถสุทธิเพียง 852 ปอนด์เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง คาลิเปอร์คู่หน้าแบบ 4 ลูกสูบ และระบบเบรค ABS คุณภาพ ทำให้เราแน่ใจได้ว่า เจ้านี่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ในทุกสถานการณ์จริงๆ

งานนี้ผู้ขับขี่ที่ไม่สูงมากรวมทั้งไบค์เกอร์สาวๆ คงจะยิ้มได้กว้างขึ้น เพราะฮาร์เล่ย์ฯ เลือกใช้เบาะโหลดเตี้ยคาดลายหนังงูเทียมพร้อมเบาะอิงหลังลายเดียวกัน ที่สูงจากพื้นแค่ 27.4 นิ้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เบาะต่ำๆ ให้ความสบายก็จริง แต่ตามทฤษฎีแล้วมันก็ต้องแลกมาด้วยข้อจำกัดอะไรบางอย่าง เมื่อระบบกันสะเทือนหลังมีระยะยุบตัวเพียงแค่ 2 นิ้ว และระบบกันสะเทือนหลังของโช๊คหน้าขนาด 41 มิลลิเมตร ที่มีระยะยุบตัวไม่ได้หนีห่างกันเท่าไร คือ 4.6 นิ้ว ซึ่งอาจจะดูไม่ดีเท่าไรนักเมื่อต้องวิ่งผ่านหลุม บ่อ ทางชัน หรืออะไรก็ตามที่มันดูยากลำบากสำหรับมอเตอร์ไซค์แบกเกอร์ทั้งหลาย และหากคุณเป็นพวกชอบเทโค้งเยอะๆ อาจจะต้องปรับตัวพรีโหลดไฮดรอลิกของกันสะเทือนหลังกันสักเล็กน้อย เพื่อให้รถได้เทโค้งที่มุมเอียง 32 องศา ตามที่ฮาร์เล่ย์ฯ ได้เคลมไว้


 

  

 

ชุดค็อกพิทพร้อมเรือนไมล์ที่อยู่ด้านหน้าถูกจัดวางบนตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี พร้อมด้วยกระจกกันลมสีขุ่นทรงสปอร์ตเท่ห์ๆ ขนาด 7 นิ้ว (จาก Electra Glide) ที่ให้การปกป้องจากหิน ดิน ฝุ่น ได้ดีกว่าเดิม ให้ท่านั่งในการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติมากและให้ความอย่างสะดวกสบายสุดสุด ระบบเสียงก็ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัตืก็ให้สปีดแบบพอเหมาะ และไฟเลี้ยวแบบหยุดอัตโนมัติก็ทำงานได้ดีแบบ “ไร้ที่ติ”

เรารู้สึกดีมากๆ กับเจ้า Street Glide ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น Twin Cam ขนาด 110 คิวบิกนิ้ว และใช้ชุดเกียร์ 6 สปีดแบบใหม่คันนี้ ได้ถลาไปกับเรารอบๆ ทะเลสาบ Tahoe ที่ความสูง 1 ไมล์เหนือพื้นดินแบบวิ่งฉิว การตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อของมันนับว่าไม่เลว รวมทั้งการสั่นของมอเตอร์ทรงเหลี่ยมของมันก็เบาจนเราแทบไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือน ซึ่งถ้าเราเอาไปเปรียบเทียบกับรถรุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 96 คิวบิกนิ้วตัวเก่า ก็อาจจะต้องมีหอบกันบ้าง


 

  

 

สรุปการรีวิว

Street Glide เป็นหนึ่งในโมเดลสองล้อโปรดของเราไปเสียแล้ว โดยเจ้า CVO คันนี้ที่มาพร้อมกับเครื่องแรงๆ พื้นผิวสวยๆ และอุปกรณ์พ่วงอื่นๆ ที่ดูหรูหราใช่ย่อย ทำให้เราหยุด “เห่อ” มันแทบไม่ได้เลยทีเดียว และจากการทดลองวิ่งในชั่วโมงสั้นๆ บนไหล่เขาที่ค่อนข้างลาดชัน เราบอกได้คำเดียวว่า มัน “เกือบ” จะสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าไม่ติดตรงกันสะเทือนหลังของมันที่มีระยะยุบตัวสั้นมากๆ กับพื้นที่เก็บของข้างรถที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยเสียก่อน...

 

SOURCE: http://www.motorcycle.com/manufacturer/harley-davidson/2011-harleydavidson-cvo-street-glide-review-89946.html

 

Share   Like 6
Comments  
Posted by Mit18
Date: 2011.09.12
สุดๆ
1 [ 2 ]