A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
Confederate Hellcat F124: เหมียวนรกจากค่าย Confederate
By HDP PR
DATE: 2011.02.28
VIEW: 2135
POST: 0

 

 
 

Confederate Hellcat F124

Confederate คือผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์แนวใหม่ที่่ไม่ยึดติดอยู่รูปลักษณ์และวัสดุที่จำเจของผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างๆในโลก รถทุกคันที่ถูกนำออกสู่สายตาชาวโลกโดย Confederate นั้น จะมีจุดเด่นในเรื่องการออกแบบ และการสร้างสรรค์ชิ้นส่วนใหม่ๆ จากวัสดุที่ไม่ค่อยจะได้เห็นในรถ Production ทั่วไป HDP จึงขอนำบทความจาก Motorcyclist Online มาให้เพื่อนๆได้ทำความรู้จักรถยี่ห้อนี้กันเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถอ่านบทความต้นฉบับ ได้ที่นี่


กว่า 130 แรงม้า พร้อมส่วนประกอบที่แปลกตาแต่คุณภาพสูง ทำให้เจ้า Hellcat F124 จากค่าย Confederate เปรียบได้ดังนักล่าแห่งหนองน้ำ

จระเข้แห่งสายน้ำเวียนว่ายริมลำธารรอคอยเหยื่ออย่างอดทน เหมือนกับเจ้า Hellcat F124 ที่เก็บซ่อนขุมพลังมหาศาลไว้ภายใน ซึ่งจอดคอยอย่างสงบอยู่มุมหนึ่งของโรงงาน Confederate ในย่านคลังเก็บสินค้าอินเทรนในรัฐ นิวออลีนส์ ผมไล่สายตามองเจ้ารถคันนี้แทบจะทุก 10 วินาที เพื่อเก็บรายละเอียดส่วนประกอบต่างๆของการออกแบบอันน่าทึ่ง
 

 

จุดเด่นบนตัวรถกับคอท่อไอเสียอ้วนใหญ่ ดัดโค้งเหมือนงู ภายในทำสีแบบเซรามิคโค๊ตติ้ง ส่วนภายนอกถูกหุ้มด้วยผ้ากันความร้อน คอท่อทั้งสองชิ้นวิ่งขดไปมาเพื่อมาเชื่อมต่อกับท่อส่งขนาด 3 นิ้วผลิตจากอลูมิเนียมสุดไฮเทคชื่อ Inconel (ถูกนำมาใช้เป็นท่อไอเสียในรถ Formula 1 และ Champ Car) เพื่อนำไปยังชุดสวิงอาร์มคู่ท้ายรถดัดโค้งทิ่มลงพื้น ที่มีอีกหน้าที่หนึ่งคือเป็นปลายท่อไอเสีย ของขุมพลังมหาศาลของรถคันนี้

สำหรับเครื่องยนต์ช่วงชักยาวขนาด 2031 cc. หรือ 124 ลบ.นิ้ว จาก Confederate ที่ให้กำลังถึง 135 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ ถูกส่งตรงไปยังล้อหลัง พร้อมแรงบิดที่น่ากลัวขนาด 140 ฟุต-ปอนด์ ที่ 4500 รอบ เครื่องยนต์สูบวีขนาดยักษ์ชุดนี้ถูกยึดไว้กับเฟรมเหล็ก Back Bone เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้วที่ใช้เป็นถังเก็บน้ำมันเครื่องไปในตัว กับเฟรม Downtube คู่หน้าขนาด 2 นิ้ว ทำหน้าที่ยึดตัวเครื่องยนต์ได้อย่างมั่นคง ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์การออกแบบเฟรมของบอสใหญ่แห่ง Confederate อย่าง Matt Chambers ที่ต้องการให้ Hellcat ผลิตออกมาในรูปแบบนี้

 

ระบบเกียร์ 5 สปีด อัตราทดสั้น ส่งกำลังช่วงแรกด้วยสายพานไปยังชุดเกียร์สั่งทำพิเศษวางแนวตั้งจาก S&S เป็นรูปแบบเดียวกับการจัดวางชุดเกียร์ในรถ YZF-R1 ของ Yamaha ที่ถูกนำมาใช้ภายหลังถึง 4 ปีเมื่อ Confederate ใช้ในปี 1994 ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ย่นระยะฐานล้อ โดยในกรณีนี้ทำให้ระยะล้อของ Hellcat F124 เหลืออยู่ที่ 64 นิ้ว มาตรฐานรถแนวครุยเซอร์กำลังสูง

ระบบส่งกำลังไปยังล้อหลังแบบโซ่ที่ย้ายมายังด้านขวาของตัวรถ ถูกยึดเข้ากับจุดหมุนของสวิงอาร์มและชุดเกียร์ Chambers ให้ความเห็นว่า การออกแบบในลักษณะนี้จะทำให้ระบบเฟรมมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมกับระยะล้อที่สั้นลง ก็ช่วยทำให้อายุการใช้งานโซ่ขับเคลื่อนยาวนานขึ้น (มาจากระยะสะบัดของโซ่ลดลง) และยังสามารถที่จะใส่ยางหลังหลังขนาด 240/40VR18 ME880 ของ Metzeler บนกระทะล้ออลูมิเนียมของ Lightcon หน้ากว้าง 8 นิ้ว ส่วนล้อหน้าใช้กระทะล้อหน้ากว้าง 4 นิ้ว พร้อมยางขนาด 130/60VR18

 

ช่วงหน้าใช้โช๊คหัวกลับขนาด 50 มม. ของ Marzocchi เป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้ในรถ MV Agusta รุ่น F4 1000 ที่ออกแบบโดย Massimo Tamburini ยึดด้วยแผงคอหน้าขนาดใหญ่โดย Traxxion Dynamics ซึ่งแต่ละแผงถูกกลึงขึ้นมาจากก้อนอลูมิเนียมเบอร์ 6061 ขนาด 30 ปอนด์ คาลิปเปอร์เบรคขนาด 6 พอร์ท ใช้ของที่ผลิตจากสวีเดนโดย ISR ถังน้ำมันคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 4.75 แกลลอนที่ออกแบบโดย J.T. Nesbitt ผลิตโดย Fiber Dynamics และเบาะนั่งผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ดูรูปร่างในตอนแรกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเบาะที่นั่งได้สบาย ติดตั้งแบบเบาะจักรยานที่ให้ความสูงจากพื้นเพียง 27 นิ้วเท่านั้น ระบบโช๊คหลังคู่ใช้ของ Penske ที่มีชื่อเสียงในรถระดับ F1 และ Nascar วางแบบนอนใต้เบาะในรูปแบบรถสมัยโบราณอย่าง Vincent Black Shadow หรือระบบไฟท้ายที่วางอยู่ใต้เบาะพร้อมกับทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวไปในตัว

Hellcat F124 เป็นรถสมัยใหม่ที่ผสมผสานส่วนประกอบและดีไซน์ได้อย่างลงตัว ทั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกแบบรถครุยเซอร์และรถสปอร์ตไบค์ ทำให้เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในตลาดปัจจุบัน น้ำหนักตัวขนาด 500 ปอนด์ที่อาจจะดูเหมือนมากไปหน่อยสำหรับรถสปอร์ต แต่ถ้าเทียบกับแรงม้าขนาด 135 แรงม้า ที่เตรียมทะยานอยู่ที่ล้อหลัง เทียบกับคู่แข่งอื่นๆที่แรงม้าน้อยกว่า และน้ำหนักตัวมากกว่าแล้ว ทำให้มาเห็นความฉลาดของ Chambers บอสใหญ่ของ Confederate และหัวหน้าทีมออกแบบ Nesbitt ที่ตั้งใจสร้างผลงานระดับสุดยอดชิ้นนี้ขึ้นมา ไม่ใช่แค่เพียงแผนงานที่ถลุงเงินวิจัยจนมากมายมหาศาลแต่ไม่สามารถสร้างขึ้นได้สำเร็จเหมือนกับรถยี่ห้ออื่น แต่เจ้า Hellcat F124 เป็นสุดยอดผลงานทางวิศวกรรมที่ถูกสร้างขึ้นได้จริง

 

ทดลองขับเจ้า Hellcat F124 ออกไปบนถนนใน หลุยเซียน่า เบาะนั่งบางเฉียบที่ถูกสร้างขึ้นมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยว่าจะหักลงมาเมื่อไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าวัสดุชิ้นนี้แข็งแรงกว่าที่คิดไว้มากนัก รูปทรงเบาะนั่งที่ดูแล้วไม่น่าให้ความสบาย แต่เมื่อได้ลองขี่จริงๆแล้วกลับรู้สึกสบายกว่าที่คาดไว้เยอะ คงต้องหันกลับมาดูวิธีการออกแบบที่ใช้หลักสรีระศาสตร์ (บางคนสงสัยว่า Confederate น่าจะมีบริการรับทำเบาะที่ออกแบบมาเฉพาะก้นของแต่ละคนโดยเฉพาะซะเลย) พักเท้าที่วางอยู่ในตำแหน่งต่ำแต่ไม่ยืดไปข้างหน้าจนเกินไปเหมือนกับรถครุยเซอร์อื่นๆ และหดเข้ามาในระยะเพียงพอที่คุณจะสามารถยกตัวขึ้นหนีสภาพถนนที่ขรุขระในบางช่วงของถนนได้ แถมยังมีระยะพักเท้าที่พ้นจากการครูดกับพื้นถนนเมื่อต้องการทิ้งโค้งหนักๆ

หุ่นของ Hellcat F124 ออกแนวขัดแย้งกันหลายอย่าง เตี้ย, อ้วน, ของไม่ครบ ดูเหมือนกับ Sylvester Stallone ที่ใส่สูทหรูของ Savile Row แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครก็ต้องเหลียวมองเจ้ารถครุยเซอร์คันนี้ ถังน้ำมันผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์แต่ใช้ฝาถังแบบ Monza ทำให้เจ้าครุยเซอร์คันนี้ให้อารมณ์ของร้านกาแฟ Ace Caf? ในลอนดอนมากกว่าจะเป็นร้านเหล้า Boot Hill Saloon ในอเมริกา กดนิ้วโป้งไปยังปุ่มสตาร์ท เสียงคำรามของเครื่องยนต์สูบวีขนาดมหึมาดังสนั่นผ่านท่อไอเสียที่ใช้เป็นสวิงอาร์มคู่จับล้อหลัง ทำให้คนที่อยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรยังได้ยินเสียงตื่นของเจ้าเหมียวนรกตัวนี้

 

บีบคลัชท์ที่ค่อนข้างนุ่มมือ ตบเกียร์หนึ่งพร้อมเสียงแกร๊กตามแบบฉบับของระบบชุดส่งกำลังแยกจากตัวเครื่อง บิดคันเร่งเพียงแค่ 1 ใน 4 นิ้ว ก็ทำให้เจ้า Hellcat F124 ตัวนี้ทะยานออกไปยังกับจรวดถูกยิงจากฐาน เส้นขอบฟ้าวิ่งเข้ามาใกล้จนคิดว่ากำลังขี่จรวดอยู่จริงๆ

ไม่มีรถสตรีทไบค์ในแบบที่ผลิตขายทั่วไปคันไหนที่ผมเคยขี่แล้วให้อัตราเร่งได้ดุดันเท่ากับ Hellcat รวมไปถึงรถเครื่องขนาดมหึมาแบบเดียวกันอย่าง Yamaha V-Max หรือ Triumph Rocket III ซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่ไม่มีคันไหนที่ให้เสียงคำรามได้เหมือนเจ้าแมวนรกคันนี้แน่นอน ด้วยแรงบิดมหาศาล ทำให้ทุกๆเกียร์ที่คุณดึงสายคันเร่ง มันจะทะยานออกไปทันทีจนแทบจะหยุดไม่ได้เลยทีเดียว

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลากรอบไปให้ถึง 6500 รอบในถึงช่วงเรดไลน์ ด้วยระบบเกียร์แบบ 5 สปีดที่ทำอัตราทดได้กระชับและให้ความรู้สึกการเปลี่ยนเกียร์ที่ลื่นไหล ช่วงเปลี่ยนเกียร์ก่อน 5000 รอบเป็นช่วงที่กำลังพอเหมาะสำหรับแรงบิดที่ต่อเนื่อง ทำให้ระยะทางขี่รู้สึกสั้นลงไปทันที เมื่ออยู่ที่เกียร์ 5 เหลือบมองไปที่รอบเครื่องกำลังทำงานอยู่ที่ระดับ 3000 รอบ แต่เข็มไมล์ไหลไปถึง 100 ไมล์ต่อชั่วโมงซะแล้ว หมดระยะทำความเร็วเมื่อมาถึงช่วงโค้งพอดี

ระบบโครงสร้างรถของ Hellcat F124 ให้ความรู้สึกกระด้างและออกแนวเกร็งๆ ถึงแม้ว่าจะใช้โช๊คคู่จาก Penske แต่ก็ทำได้แค่การปรับค่ารีบาวด์ที่ตัวโช๊คเท่านั้น ทำให้ระยะยุบ 4 นิ้วที่ Confederate บอกเอาไว้ ทำได้ไม่เต็มที่ นี่เป็นส่วนหนึ่งของค่าสปริงที่แข็งของโช๊ค เพื่อที่จะได้รับแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์เมื่อส่งกำลังผ่านไปยังล้อหลัง ผลก็คือ ทำให้รถค่อนข้างกระด้าง ขาดความนุ่มนวลของระบบกันสะเทือน แต่ด้วยน้ำหนักของตัวรถที่ช่วยกดลงไปยังระบบโช๊ค ทำให้คนขี่ไม่รู้สึกสะเทือนจนเกินไปเมื่อต้องขี่บนถนนคอนกรีตของนิวออลีนส์

 

สิ่งที่ไม่ค่อยจะเหมาะกับเจ้าแมวนรกตัวนี้คือการเล่นโค้ง ยิ่งบิดคันเร่งหนักๆเข้าโค้งด้วยแล้ว จะทำให้รู้สึกถึงล้อหน้าที่บังคับไม่ได้พยายามพุ่งไปในทิศทางที่คุณไม่อยากจะไป จนคุณต้องผ่อนคันเร่งเพื่อดึงให้มันกลับมาอยู่ในทิศทางเดิม ยิ่งล้อหลังอ้วนใหญ่ด้วยแล้ว มันเหมาะที่จะใช้ในสภาพการขี่แบบธรรมดา แต่ไม่เหมาะเลยสำหรับรถที่ให้กำลังมหาศาลอย่าง Hellcat ผมเคยตั้งคำถามเรื่องนี้กับ Chambers ในค่ำวันหนึ่งพร้อมกับจิบเบอร์เบินไปด้วย คำตอบที่ได้คือ เค้ารู้เป็นอย่างดีว่าการใส่ยางหน้ากว้างซัก 180 ให้ความรู้สึกในการขี่ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง “แต่มันจะทำให้ผิดคอนเซปท์ทั้งหมดของ Hellcat หน่ะสิ” เค้าพูดพร้อมรอยยิ้ม “แล้วจะทำไปทำไมหล่ะ” ยังไงก็ตาม มันก็ยังคล่องตัวพอที่จะพลิกเล่นช้าๆในโค้ง เมื่อเทียบกับล้ออ้วนๆ และน้ำหนักตัวขนาดนี้

เรื่องอาการสั่นของเครื่องแบบวีทวิน 45 องศา เมื่อวางลงบนชุดเฟรมที่ไม่มียางรองแท่นเครื่อง เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมายาวนาน แต่น่าแปลกใจที่อาการสั่นใน Hellcat ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด ยิ่งเมื่อเดินรอบเครื่องให้อยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่ลากรอบจนสูงจนเกินไปนัก ซึ่ง Confederate ยังมีเครื่องยนต์ขนาด 113 ลบ.นิ้ว ไว้ให้เลือกแทนที่เครื่องยนต์ขนาด 124 ลบ.นิ้ว ที่ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนไปได้มาก และยังควบคุมได้ง่ายกว่าด้วย

ระบบเบรคของ Hellcat ทำงานได้ดี จากคาลิปเปอร์เบรคของ ISR พร้อมกับคาลิปเปอร์แบบ 2 พอร์ตที่ล้อหลัง กับก้านเบรคที่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้การกำลังเบรคทั้งหมดถูกส่งไปยังล้อหลังหน้ากว้างได้อย่างเต็มที่

Hellcat F124 เป็นรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกันที่ไม่เหมือนกับรถอเมริกันคันอื่นๆ เปรียบได้กับแหล่งกำเนิดอย่าง เมืองนิวออลีนส์ และรัฐหลุยเซียน่า ที่เหมือนกับชาวต่างชาติเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆของสหรัฐอเมริกา รถคันนี้ถูกสร้างมาจากความแตกต่างซึ่งผสมผสานได้อย่างลงตัว เป็นรถระดับซุปเปอร์ครุยเซอร์ที่ใช้อุปกรณ์หลากหลายประกอบขึ้นจากการออกแบบและวิศวกรรมระดับแนวหน้า มันจึงเหมาะกับคนที่ไม่ชอบตามใครและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง
 

Share   Like
Comments